กรุงเทพฯ--10 เม.ย.--กระทรวงพลังงาน
นายอารักษ์ ชลธาร์นนท์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า ในปีนี้คาดการณ์ว่าความต้องการใช้ไฟฟ้าสูงสุดของประเทศไทย (Peak load) 10 เม.ย. ช่วงเวลา 14.00-15.00 น. เนื่องจากอุณหภูมิจะร้อนที่สุดของปีในช่วงเดือนเมษายน ทำให้คนใช้เครื่องปรับอากาศมากขึ้น กอปรกับในปีนี้ทางสหภาพพม่าจะหยุดจ่ายก๊าซธรรมชาติเพื่อทำการซ่อมบำรุงประจำปี ซึ่งจะทำให้ปริมาณก๊าซหายไปจากระบบราว 1,100 ล้านลูกบาศก์ฟุต ต่อวัน ระหว่างช่วงวันที่ 8-17 เม.ย. กระทรวงพลังงานจึงเห็นเป็นโอกาสครั้งสำคัญที่จะเชิญชวนให้ประชาชนลดใช้พลังงาน โดยปิดไฟที่ไม่ได้ใช้ และปรับอุณหภูมิเครื่องปรับอากาศไปที่ 26 องศาเซลเซียส เพื่อลดความต้องการไฟฟ้าสูงสุด (Peak demand) คือ ลดการใช้น้ำมันดีเซล น้ำมันเตา และก๊าซธรรมชาติ ที่นำมาผลิตกระแสไฟฟ้าดังนั้นกระทรวงพลังงานจึงได้กำหนดจัดกิจกรรมรณรงค์“10 เม.ย. ปฏิบัติการช่วยชาติ งดใช้พลังงาน 1 ชั่วโมง” โดยมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธานในวันที่ 10 เม.ย. 55 เวลา 13.00-14.00 น. ณ ทำเนียบรัฐบาล
นายอารักษ์ยังกล่าวอีกว่าไทยใช้ก๊าซธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิงหลักในการผลิตประแสไฟฟ้ามากกว่า 70% หากพม่าหยุดจ่ายก๊าซเพื่อซ่อมบำรุงในวันที่ 8-17 เม.ย.อาจส่งผลกระทบในด้านเชื้อเพลิงที่ใช้ในการผลิตกระแสไฟฟ้าโดยคาดว่าช่วงเวลาดังกล่าวจะมีความต้องการใช้ไฟฟ้าสูงสุด(Peak demand) ประมาณ25,400 เมกะวัตต์ ซึ่งในวันที่ 10 เม.ย. หากเรายังไม่ประหยัดอาจจะทำให้ประเทศต้องนำเข้าพลังงานเพิ่มขึ้นเนื่องจากต้องใช้น้ำมันดีเซลและน้ำมันเตามาใช้ผลิตไฟฟ้า แต่อย่างไรก็ตามคาดว่าผลกระทบดังกล่าวจะไม่ส่งผลต่อการผลิตกระแสไฟฟ้ามากนักเนื่องจากเป็นการหยุดในช่วงสงกรานต์ที่ความต้องการใช้ไฟฟ้าจะลดลง ประกอบกับ กฟผ.ได้มีการจัดเตรียมเชื้อเพลิงสำรองในการผลิตไฟฟ้าเช่น น้ำมันดีเซลน้ำมันเตามาทดแทน
การรณรงค์ในครั้งนี้ไม่ได้มุ่งหวังแต่เพียงแค่การดับไฟในวันสำคัญดังกล่าว หากแต่ยังต้องการสร้างจิตสำนึกในระยะยาวให้เกิดแก่คนในชาติ ให้เห็นถึงความจำเป็นที่ทุกคนในประเทศควรมีส่วนร่วมในการช่วยชาติประหยัดพลังงาน เพราะในอนาคตต่อไปทรัพยากรพลังงานมีแต่จะหมดไป และมีราคาแพงขึ้นทุกที การประหยัดเงินตราของประเทศจากการลดการนำเข้าพลังงานเท่ากับเป็นการเพิ่มเงินในกระเป๋าพี่น้องประชาชนทุกคน และเพิ่มโอกาสในการสร้างงานสร้างรายได้จากเม็ดเงินที่ไหลเวียนอยู่ในประเทศ และเหนือสิ่งอื่นใดการลดการพึ่งพาพลังงานจากต่างประเทศเป็นสิ่งที่สมควรกระทำอย่างยิ่งด้วยประการทั้งปวง เพราะถือเป็นการช่วยชาติสร้างความมั่นคงด้านพลังงาน
ในท้ายที่สุดนายอารักษ์ได้ฝากทุกคนในประเทศให้ร่วมมือกันว่าการประหยัดพลังงานเป็นสิ่งที่เริ่มได้ที่ตัวเราในกิจกรรมประจำวันเช่น ปิดไฟฟ้า 1 ดวง หรือ ถอดหลอดไฟที่ไม่ใช้ออก 2. ตั้งอุณหภูมิเครื่องปรับอากาศที่ 25 องศา และปิดก่อนเลิกใช้ 30 นาทีหรือลดเวลาการเปิดแอร์ 30 นาที สามารถลดใช้พลังงานได้ 6% 3. ตั้งตู้เย็นห่างผนัง 15 เซนติเมตร จะช่วยประหยัดไฟฟ้าได้ 10% 4. ปิดโทรทัศน์เมื่อไม่มีคนดู หรือเลือกใช้โทรทัศน์ขนาด 14 นิ้ว แทน 20 นิ้ว 5. ใช้หลอดฟลูออเรสเซนท์ 18 วัตต์ แทนหลอดไส้ 100 วัตต์ 6. ถอดปลั๊กเตารีดก่อนรีดเสื้อผ้าเสร็จ 2-3 นาที 7. เสียบปลั๊กกระติกน้ำร้อนเมื่อใช้ 8. ใช้จอคอมพิวเตอร์ 15 นิ้ว แทน 17 นิ้ว และปิดหน้าจอเมื่อไม่ใช้ 9. อย่าเสียบปลั๊กไฟฟ้าทิ้งไว้เมื่อไม่ใช้งาน 10. ขับรถไม่เกิน 90 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ซึ่งสิ่งเหล่านี้ไม่ได้เหลือบ่ากว่าแรงนอกจากจะช่วยชาติแล้วยังช่วยประหยัดเงินในกระเป๋าของทุกคน