ฮิตาชิ ดาต้า ซิสเต็มส์ เปิดตัวสายผลิตภัณฑ์เซิร์ฟเวอร์ใหม่ที่ใช้ตัวประมวลผลในตระกูล Intel Xeon Processor E5

ข่าวเทคโนโลยี Tuesday April 10, 2012 15:41 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--10 เม.ย.--คอร์แอนด์พีค บริษัท ฮิตาชิ ดาต้า ซิสเต็มส์ คอร์ปอเรชัน หรือ เอชดีเอส ธุรกิจในเครือของบริษัท ฮิตาชิ จำกัด (ชื่อในตลาดหุ้นนิวยอร์ก: HIT / ชื่อในตลาดหุ้นโตเกียว: 6501) เปิดเผยว่าบริษัทกำลังเดินหน้าขยายกลุ่มผลิตภัณฑ์เบลดและแร็คเซิร์ฟเวอร์สำหรับตลาดองค์กร โดย Hitachi Compute Systems ที่กำลังจะออกสู่ตลาดนี้จะใช้ตัวประมวลผลใหม่ในตระกูล Intel? Xeon? Processor E5-2600 ที่บริษัท อินเทล ได้เปิดตัวล่าสุด “การปรับใช้ตัวประมวลผลใหม่ในตระกูล Intel Xeon Processor E5 จะช่วยให้ Hitachi Compute Systems ที่กำลังจะออกสู่ตลาดนั้น มีประสิทธิภาพการทำงานที่รวดเร็วขึ้น มีความจุสูงขึ้น และสามารถใช้พลังงานได้อย่างที่มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น” โรเบอร์โต บาซิลิโอ รองประธานฝ่ายการจัดการผลิตภัณฑ์แพลตฟอร์มด้านโครงสร้างพื้นฐาน บริษัท ฮิตาชิ ดาต้า ซิสเต็มส์ กล่าว และว่า “Hitachi Compute Systems ได้รับการออกแบบให้มีข้อได้เปรียบที่โดดเด่นในด้านความสามารถในการปรับขยาย การกำหนดค่า I/O ที่ยืดหยุ่น และความพร้อมใช้งานในระดับสูง อีกทั้งยังเป็นเซิร์ฟเวอร์ที่เหมาะสำหรับใช้ในการสร้างโซลูชั่นศูนย์ข้อมูลแบบผสานรวม โดยการผสานรวมการจัดการที่ราบรื่นซึ่งอาศัยองค์ประกอบด้านเครือข่ายข้อมูลและระบบจัดเก็บข้อมูลของบริษัท ฮิตาชิ ดาต้า ซิสเต็มส์ จะช่วยให้ลูกค้าได้รับอินเตอร์เฟซการดำเนินงานที่ง่ายขึ้น อีกทั้งยังช่วยประหยัดค่าใช้จ่าย ลดข้อผิดพลาด และทำให้การจัดการและการปรับใช้ระบบไอทีเสมือนสามารถเกิดขึ้นได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งทั้งหมดนี้จะนำไปสู่ศูนย์ข้อมูลที่มีประสิทธิภาพสูงสุดในที่สุด” Hitachi Compute Systems ได้รับการพัฒนาบนรากฐานที่แข็งแกร่งของนวัตกรรมด้านการวิจัยและพัฒนาตลอดระยะเวลายาวนานกว่า 50 ปี และด้วยประสบการณ์ในฐานะผู้นำในตลาดเซิร์ฟเวอร์องค์กร ขนาดใหญ่ โดยบริษัท ฮิตาชิ ดาต้า ซิสเต็มส์ ได้จำหน่ายเซิร์ฟเวอร์ Hitachi Compute Blade และ Hitachi Compute Rack ที่ใช้ตัวประมวลผล Intel Xeon ไปแล้วทั่วโลก ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในการขยายกลุ่มผลิตภัณฑ์โซลูชั่นศูนย์ข้อมูลแบบผสานรวมที่สามารถรวมระบบจัดเก็บข้อมูล การประมวลผล และระบบเครือข่ายข้อมูลมาตรฐานอุตสาหกรรมของบริษัท ฮิตาชิเข้าไว้ด้วยกันได้อย่างแนบแน่น การผสานรวมดังกล่าวนำมาซึ่งคุณประโยชน์ อย่างมากในด้านความน่าเชื่อถือ ความรวดเร็วในการปรับใช้ ประสิทธิภาพและการจัดการในระดับองค์กร เมื่อเทียบกับโซลูชั่นที่เชื่อมต่อกันแบบหลวมๆ ของผู้จำหน่ายรายอื่นๆ ที่จะต้องใช้เวลาในการกำหนดค่าและ การจัดการมากยิ่งขึ้น องค์กรสามารถปรับใช้แอพพลิเคชั่นได้รวดเร็วขึ้นและสามารถคาดการณ์ความต้องการได้ดียิ่งขึ้น เนื่องจากโซลูชั่นศูนย์ข้อมูลแบบผสานรวมของบริษัท ฮิตาชิ ดาต้า ซิสเต็มส์ ได้รับการกำหนดค่าไว้ล่วงหน้าและ มีการปรับใช้แอพพลิเคชั่นชั้นนำ อย่างเช่น Microsoft? Exchange 2010, SAP HANA? และโซลูชั่นของ วีเอ็มแวร์ ได้อย่างเหมาะสม โดยโซลูชั่นศูนย์ข้อมูลแบบผสานรวมจะผลักดันให้เกิดประสิทธิภาพด้านการดำเนินงานที่สามารถลดต้นทุนและเพิ่มขีดความสามารถด้านการจัดการการปรับใช้แอพพลิเคชั่นองค์กรจากส่วนกลางได้ดียิ่งขึ้น “ด้วยนวัตกรรมใหม่ของตัวประมวลผลในตระกูล Intel? Xeon? Processor E5-2600 จะทำให้เกิดการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด มีความปลอดภัยมากขึ้น มีความยืดหยุ่น และเพิ่มโอกาสในการปรับประสิทธิภาพให้กับศูนย์ข้อมูลของลูกค้าได้มากยิ่งขึ้น” ไดแลน ลาร์สัน ผู้อำนวยการฝายการตลาดกลุ่มโครงสร้างพื้นฐานสำหรับศูนย์ข้อมูล บริษัท อินเทล กล่าว และว่า “แพลตฟอร์มของบริษัท ฮิตาชิ ใช้ประโยชน์จากนวัตกรรมเหล่านี้เพื่อนำเสนอความคล่องตัวและประสิทธิภาพในการดำเนินงานที่ลูกค้าทุกรายกำลังต้องการอย่างมากในขณะนี้” Hitachi Compute Systems เลือกใช้เทคโนโลยี LPAR กลุ่มผลิตภัณฑ์ปัจจุบันของ Hitachi Compute Systems ประกอบด้วยสายผลิตภัณฑ์ของเบลดเซิร์ฟเวอร์สองกลุ่ม ได้แก่ Hitachi Compute Blade 2000 และ Hitachi Compute Blade 320 โดยทั้งสองกลุ่มนี้จะช่วยเพิ่มระดับความพร้อมใช้งานและประสิทธิภาพให้กับแอพพลิเคชั่นที่สำคัญต่างๆ นอกจากนี้ กลุ่มผลิตภัณฑ์ Hitachi Compute Systems ยังประกอบด้วย Hitachi Compute Rack ซึ่งเป็นเซิร์ฟเวอร์แบบแร็คที่เป็นรากฐานสำหรับโซลูชั่นแบบแพคเกจโดยเฉพาะ เช่น Hitachi Content Platform (HCP) หรือที่จัดเก็บออบเจ็กต์ที่ได้รับรางวัลของบริษัท ทั้งนี้ Hitachi Compute Blade 2000 และ Hitachi Compute Blade 320 ประกอบด้วยเทคโนโลยี พาร์ทิชันแบบลอจิคัล (Logical Partition: LPAR) ที่มีคุณลักษณะของฮาร์ดแวร์เสมือนจริงแบบฝังซึ่งโดยทั่วไปแล้วจะพบได้ในเครื่องเมนเฟรมและระบบระดับบนอื่นๆ เท่านั้น การเสริมความสมบูรณ์ให้กับระบบเสมือนจริงโดยใช้โฮสต์ที่เหมาะสม ทำให้เทคโนโลยี LPAR สามารถปรับปรุงการปรับใช้ทรัพยากรได้อย่างเหมาะสมและช่วยให้ลูกค้าสามารถลดต้นทุนการดำเนินงานและเพิ่มความสามารถในการจัดการ ความน่าเชื่อถือ และประสิทธิภาพได้อย่างมาก นอกจากนี้ Hitachi Compute Blade 2000 ที่มี LPAR ยังเป็นเบลดเซิร์ฟเวอร์ที่รวมเทคโนโลยีการเชื่อมต่อเบลด SMP ที่ไม่เหมือนใคร ซึ่งช่วยเพิ่มขีดความสามารถในด้านการปรับขยายด้วยการทำให้ผู้ใช้สามารถกำหนดค่าเบลดจำนวนมากให้ทำงานในลักษณะของระบบเดียวได้ บริษัท ฮิตาชิ ดาต้า ซิสเต็มส์ จะเปิดตัวผลิตภัณฑ์เซิร์ฟเวอร์ใหม่และโซลูชั่นแบบผสานรวมโดยใช้ตัวประมวลผลในตระกูล Xeon Processor E5-2600 และจะครอบคลุมผลิตภัณฑ์ในส่วนอื่นๆ ของบริษัทภายในปีนี้ด้วย

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ