กรุงเทพฯ--14 พ.ค.--กทม.
นายไชยยุทธ ณ นคร รองปลัดกรุงเทพมหานคร เปิดเผยว่า วานนี้(12 พ.ค.47) กรุงเทพมหานคร โดยคณะทำงานดำเนินการรื้อย้ายชุมชนป้อมมหากาฬ และหน่วยงานอื่นๆที่เกี่ยวข้องได้ร่วมประชุมหารือเพื่อกำหนดแผนการรื้อย้ายชุมชนป้อมมหากาฬ โดยที่ประชุมมีมติให้รอคำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุดก่อนที่จะกำหนดวันเข้าดำเนินการรื้อย้าย ซึ่งศาลปกครองสูงสุดได้แจ้งกำหนดวันสิ้นสุดการแสวงหาข้อเท็จจริงตั้งแต่ 9 เม.ย. 47 จึงคาดว่าศาลปกครองสูงสุดจะมีคำพิพากษาในเร็วๆ นี้ อย่างไรก็ดี กทม.ได้เตรียมความพร้อมรองรับในการให้ความช่วยเหลือแก่ผู้ที่จะได้รับผลกระทบจากการรื้อย้ายต่อไปด้วย
ทั้งนี้ ที่ผ่านมาคณะทำงานรื้อย้ายชุมชนป้อมมหากาฬ ได้กำหนดวันรื้อย้ายชุมชมป้อมมหากาฬในเดือนมีนาคม 2546 แต่มีชาวชุมชนฯ จำนวน 104 คน ยื่นฟ้องต่อศาลปกครองเพื่อให้ศาลมีคำสั่งห้ามมิให้กทม.เข้ารื้อถอนอาคารและสิ่งปลูกสร้างภายในป้อมมหากาฬ แต่ต่อมาเมื่อวันที่ 29 สิงหาคม 2546 ศาลปกครองมีคำพิพากษายกฟ้องโจทก์ โดยเห็นว่าผู้ฟ้องคดีที่เป็นเจ้าของอาคารจริงๆ มีเพียง 14 รายเท่านั้น ซึ่งผู้ฟ้องคดีเหล่านั้นได้รับเงินทดแทนและรับทราบการเข้าครอบครองพื้นที่จากกรุงเทพมหานครโดยชอบธรรมแล้ว สำหรับผู้ฟ้องคดีที่เหลือนั้นเป็นเพียงผู้เช่าซึ่งมิได้มีส่วนได้ส่วนเสียในการเวนคืนของกทม.แต่ประการใด จึงมิใช่ผู้ที่ได้รับความ เดือดร้อนตามความหมายของพระราชบัญญัติการจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครองฯ และต่อมาผู้ฟ้องคดีจำนวน 91 ราย ได้ยื่นอุทธรณ์คำพิพากษาดังกล่าว ซึ่งขณะนี้คดีอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลสูงสุด
สำหรับโครงการปรับปรุงบริเวณป้อมมหากาฬเพื่อจัดทำสวนสาธารณะและอนุรักษ์โบราณสถานของชาติมีพื้นที่เริ่มจาก ป้อมมหากาฬขนานตามแนวถนนมหาไชยและคลองโอ่งอ่างไปทางทิศใต้ถึงคลองวัดเทพธิดาราม รวมที่ดิน 21 แปลง คิดเป็นเนื้อที่ 4 ไร่ 3 งาน 59.35 ตารางวา ซึ่งในปี 2516 กทม.ได้ซื้อที่ดิน 10 แปลง และกระทรวงการคลังยกให้ 1 แปลง ส่วนอีก 10 แปลงที่เหลือได้ออกพระราชกฤษฎีกาเวนคืน โดยได้มีการจ่ายและวางเงินค่าทดแทนตามขั้นตอนของกฎหมายเวนคืนครบถ้วนแล้ว ในการนี้ได้มี รื้อย้ายชุมชนส่วนที่เป็นผู้ค้าสัตว์เลี้ยง ค้าของเก่า ประทัด ดอกไม้ไฟ และอู่ซ่อมรถยนต์ไปแล้ว 48 หลังคาเรือน ซึ่งขณะนี้สำนักการโยธา ได้ร่วมกับหน่วยทหารพัฒนากองบัญชาการทหารสูงสุด เข้าดำเนินการปรับปรุงพื้นที่บริเวณป้อมมหากาฬ ระยะที่ 1 ยังคงเหลือส่วนที่ 2 และ 3 ซึ่งชุมชนยังไม่ได้รื้อย้ายออกไป จำนวน 64 หลังคาเรือน ประกอบด้วย บ้านที่เจ้าของมีสิทธิได้รับค่าทดแทน 27 หลัง และบ้านที่ให้เช่าและมีผู้บุกรุกในภายหลัง 38 หลัง ในจำนวนนี้มีเจ้าของบ้านที่ได้รับเงินทดแทนไปแล้ว ประมาณ 10 ราย ร้องขอให้ กทม.เข้ารื้อถอนให้ เนื่องจากรื้อถอนเองไม่ได้เพราะชุมชนไม่ยอม--จบ--
-นห-