กรุงเทพฯ--12 เม.ย.--วารสารการเงินธนาคาร
ธนาคารกรุงเทพ ควงคู่ธนาคารไทยพาณิชย์ โชว์ผลงานเยี่ยม ครองตำแหน่งธนาคารแห่งปี 2555 ด้านธนาคารกสิกรไทยนั่งแท่นอันดับ 3 เผยเศรษฐกิจฟื้นหนุนกำไรแบงก์โตต่อเนื่องกว่า 1.3 แสนล้าน
การเงินธนาคาร ฉบับเดือนเมษายน 2555 ประกาศผลการจัดอันดับ ธนาคารแห่งปี 2555 หรือ Bank of the Year 2012 โดยใช้ผลประกอบการของธนาคารพาณิชย์ 15 แห่ง ในรอบปี 2554 ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม-31 ธันวาคม 2554 มาพิจารณาจัดอันดับ ปรากฏว่า ธนาคารกรุงเทพ และ ธนาคารไทยพาณิชย์ ได้ครองแชมป์ธนาคารแห่งปี 2555 ร่วมกัน
ปีนี้ ธนาคารกรุงเทพ ครองแชมป์ธนาคารแห่งปีเป็นปีที่ 6 หลังจากครองตำแหน่งธนาคารแห่งปีมาตั้งแต่ปี 2550 ซึ่งผลการดำเนินงานของธนาคารกรุงเทพในปี 2554 ยังคงมีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง โดยมีกำไรสุทธิต่อหุ้นสูงเป็นอันดับ 1 จำนวน 14.48 บาท และมีกำไรสุทธิ 27,365 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2553 จำนวน 3,429.01 ล้านบาท หรือ 14.71% รวมทั้งมีมูลค่าตามบัญชีต่อหุ้น (Book Value) สูงสุดในระบบธนาคารพาณิชย์ที่ 123.24 บาท
ในปี 2555 ธนาคารมีเป้าหมายการเติบโตทางด้านสินเชื่อจากทุกกลุ่มธุรกิจ ทั้งจากลูกค้ารายเดิมและลูกค้ารายใหม่ ซึ่งธนาคารได้เตรียมความพร้อมในด้านต่างๆ ทั้งในด้านบุคลากร ฐานลูกค้า ระบบงาน ฐานะทางการเงิน รวมถึงเครือข่ายสาขาที่ครอบคลุมทั้งในประเทศและต่างประเทศ
ในด้านเงินฝาก ธนาคารยังมุ่งเน้นที่จะนำเสนอผลิตภัณฑ์เงินฝากที่ตรงกับความต้องการของผู้ฝากเงิน และใช้ประโยชน์จากจุดแข็งของธนาคารในการมีสาขาครอบคลุมทั่วทุกพื้นที่ในประเทศ เพื่อบริหารสภาพคล่องของธนาคารให้สมดุลกับการขยายตัวของสินเชื่อ เช่นเดียวกับนโยบายในการดำรงเงินกองทุนที่แข็งแกร่ง
ด้าน ธนาคารไทยพาณิชย์ ได้ครองตำแหน่งธนาคารแห่งปีร่วมกับธนาคารกรุงเทพ เป็นครั้งที่ 2 ด้วยผลงานที่โดดเด่น โดยธนาคารสามารถสร้างกำไรสุทธิได้สูงสุดเป็นประวัติการณ์ และสูงเป็นอับดับ 1 ของระบบธนาคารพาณิชย์ถึง 31,871.77 ล้านบาท ส่งผลให้อัตราส่วนทางการเงินที่สะท้อนความสามารถในการบริหารงานสูงเป็นอันดับ 1 ด้วยเช่นกัน โดยมีอัตรากำไรสุทธิต่อรายได้ (Net Profit Margin) 29.93% และมีอัตรากำไรสุทธิต่อสินทรัพย์ (ROA) 1.97%
ในปี 2555 ธนาคารมีนโยบายที่จะปรับเปลี่ยนวิธีการขายโดยเน้นผลิตภัณฑ์ เป็นแนวทางการขายที่เน้นลูกค้าเป็นหลัก โดยอาศัยความเข้าใจของลูกค้าแต่ละกลุ่มอย่างลึกซึ้ง ระดมเงินฝากเพื่อผลักดันการเติบโตของธุรกิจ เพิ่มส่วนต่างของอัตราดอกเบี้ยสุทธิด้วยการขยายสินทรัพย์เฉพาะกลุ่มโดยให้ความสำคัญกับอัตราผลตอบแทน ดึงดูดและพัฒนาพนักงานอย่างต่อเนื่อง และส่งเสริมการสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ในทุกระดับชั้นและในทุกธุรกิจ
ด้าน ธนาคารกสิกรไทย ก้าวขึ้นจากอันดับ 4 มาอยู่ในอันดับ 3 ในปีนี้ โดยมีรายได้สูงเป็นอันดับ 1 รวม 106,790.46 ล้านบาท มีอัตรากำไรสุทธิต่อสินทรัพย์ (ROA) และมูลค่าตามบัญชีต่อหุ้นสูงเป็นอันดับ 2 ที่ 1.45% และ 58.65 บาท ตามลำดับ
สำหรับในปี 2555 ธนาคารยังคงยึดมั่นในหลักการที่มีลูกค้าเป็นศูนย์กลาง โดยมุ่งตอบสนองความต้องการด้วยผลิตภัณฑ์ทางการเงินและบริการของบริษัทในเครือธนาคารกสิกรไทยทั้ง 6 บริษัท รวมทั้งการให้บริการที่เหนือกว่าบริการทางการเงิน ที่มุ่งเน้นการส่งเสริมคุณภาพชีวิตของลูกค้าในทุกด้าน ด้วยการคิดริเริ่มสร้างสรรค์สิ่งใหม่ ๆ เพื่อสร้างคุณค่าและตอบโจทย์ความต้องการในทุกช่วงชีวิตของลูกค้า
ปีนี้ ธนาคารกรุงไทย ก้าวขึ้นจากอันดับ 6 มาอยู่อันดับ 4 โดยมีกำไรสุทธิ 17,334.06 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3,302.14 ล้านบาท หรือ 23.53% โดยในปี 2555 ธนาคารเน้น Strategic Goal ใน 3 ด้าน คือ 1. มุ่งเน้นการเติบโตอย่างต่อเนื่องทั้งด้านเงินฝาก สินเชื่อและสินทรัพย์ 2. เปลี่ยนวิธีและกระบวนการทำงานเพื่อสร้างประสบการณ์ให้ลูกค้ากลุ่มเป้าหมายให้ได้รับรู้สัมผัสและจดจำได้ถึงการเป็นธนาคารแสนสะดวกที่อยู่ในใจลูกค้าอย่างแท้จริง และ 3.ให้การสนับสนุนนโยบายภาครัฐในด้านต่างๆ อย่างต่อเนื่อง
ส่วน ธนาคารทิสโก้ ปีนี้อยู่ในอันดับ 5 หล่นจากอันดับ 4 เมื่อปีที่แล้ว แต่ยังสามารถรักษาอัตรากำไรสุทธิต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (ROE) สูงเป็นอันดับ 1 ที่ 20.22% และมีสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ต่ำสุดในระบบธนาคารพาณิชย์ที่ 1.08% โดยในปี 2555 ธนาคารมุ่งเน้นการให้บริการและนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่ดีที่สุด โดยปรับโครงสร้างทางธุรกิจเป็นการรวมศูนย์ที่ลูกค้า พร้อมๆ ไปกับการสร้างแบรนด์และรักษาภาพลักษณ์ที่ดีขององค์กร เพื่อส่งเสริมให้ผลิตภัณฑ์และบริการของธนาคารเป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลาย
ด้าน ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด (ไทย) ก้าวขึ้นจากอันดับ 7 มาอยู่อันดับ 6 ในปีนี้ โดยมีอัตรากำไรสุทธิต่อรายได้ สูงเป็นอันดับ 3 ที่ 25.63% โดยในปี 2555 ธนาคารจะใช้จุดแข็งของธนาคาร ทั้งเครือข่ายทางการเงินทั่วโลกของธนาคาร และกลยุทธ์การสร้าง Total Relationship Reward แก่ลูกค้า
ปีนี้ ธนาคารเกียรตินาคิน ร่วงมาอยู่ในอันดับ 7 จากที่อยู่ในอันดับ 3 เมื่อปีที่แล้ว เนื่องจากมีกำไรสุทธิลดลง 1,504.62 ล้านบาท หรือลดลง 43.84% มาอยู่ที่ 1,927.37 ล้านบาทในปี 2554 อย่างไรก็ตามธนาคารมีอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลสูงเป็นอันดับ 1 ที่ 7.11% ซึ่งปี 2555 จะเป็นการดำเนินการร่วมกันระหว่างธนาคารและทุนภัทร เพื่อเพิ่มมูลค่าทางการเงินโดยใช้ศักยภาพเชิงบวกของทั้งสองบริษัท สู่ความเป็นผู้นำในธุรกิจธนาคารพาณิชย์เฉพาะด้านและธุรกิจหลักทรัพย์และตลาดทุน
ด้าน ธนาคารกรุงศรีอยุธยา ก้าวขึ้นจากอันดับ 9 มาอยู่อันดับ 8 ในปีนี้ โดยพันธกิจหลักของปี 2555 ธนาคารยังคงนำเสนอผลิตภัณฑ์ทางการเงินและการให้บริการที่ง่ายต่อความเข้าใจ และมีความหลากหลายครอบคลุมทุกกลุ่มลูกค้า ภายใต้แบรนด์ “Make Life Simple เรื่องเงิน เรื่องง่าย” ส่วน ธนาคารธนชาต ตกจากอันดับ 7 เมื่อปีที่แล้ว มาอยู่ในอันดับ 9 ซึ่งกลยุทธ์ในปี 2555 ธนาคารวางไว้ 4 ด้านคือ 1. การเติบโตของธุรกิจสินเชื่อรายย่อย สินเชื่อธุรกิจขนาดใหญ่ และสินเชื่อธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม 2. การเพิ่มและกระจายตัวรายได้ค่าธรรมเนียม 3. การบริหารต้นทุนทางการเงิน และ 4. การบริหารจัดการคุณภาพสินทรัพย์ อย่างมีประสิทธิภาพ
สำหรับอันดับ 10 ปีนี้มี 2 ธนาคารคือ ธนาคารทหารไทย และธนาคารไอซีบีซี (ไทย) โดย ธนาคารทหารไทย หรือ ทีเอ็มบี เลื่อนขึ้นมาจากอันดับ 12 เมื่อปีที่แล้ว ซึ่งในปี 2555 นี้ ธนาคารยังคงยึดแนวคิด Make THE Difference เป็นภาพลักษณ์ในการทำธุรกิจ ด้วยการบริการลูกค้าด้วยแนวทาง Customer Value Proposition เพื่อปูทางสู่แนวทางการบริการลูกค้าแบบ Customer Experience ในปี 2556 ส่วน ธนาคารไอซีบีซี (ไทย) ก้าวขึ้นจากอันดับ 14 เมื่อปีที่แล้ว โดยในปี 2555 ธนาคารมีเป้าหมายที่จะเติบโตทั้งด้านสินเชื่อและเงินฝาก ด้วยการประสานความร่วมมือกับเครือข่ายของธนาคารไอซีบีซี ในประเทศจีน ไทย และทั่วโลกเพื่อให้เกิดประโยชน์ทางธุรกิจสูงสุด
ด้าน ธนาคารแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ หล่นจากอันดับ 11 เมื่อปีที่แล้วมาอยู่อันดับ 12 ในปีนี้ โดยนโยบายสำคัญในปี 2555 คือ การพัฒนาบริการให้ครอบคลุมและทัดเทียมกับธนาคารพาณิชย์อื่นๆ เพิ่มมากขึ้น โดยมุ่งเน้นการขยายสินเชื่อธุรกิจทั้งลูกค้าธุรกิจรายใหญ่ และลูกค้า SMEs ส่วน ธนาคารยูโอบี ร่วงลงมาอยู่อันดับ 13 จากอันดับ 10 เมื่อปีที่แล้ว โดยในปี 2555 ธนาคารยังคงให้ความสำคัญอันดับแรกกับการรักษาสัดส่วนเงินกองทุนที่แข็งแกร่ง และดำรงสภาพคล่องที่ยั่งยืน
ด้าน ธนาคารซีไอเอ็มบีไอ ไทย หล่นจากอันดับ 13 มาอยู่อันดับ 14 ในปีนี้ ซึ่งในปี 2555 ธนาคารจะยังคงเน้นการเติบโตทางด้านลูกค้ารายใหญ่และเอสเอ็มอี ด้วยการเจาะกลุ่มลูกค้าและการ Cross Selling การพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการให้หลากหลาย เพื่อขยายฐานลูกค้ารายย่อยให้มากขึ้น และอันดับ 15 ยังคงเป็นของ ธนาคารไทยเครดิต เพื่อรายย่อย โดยในปี 2555 ธนาคารยังคงมุ่งเป้าหมายให้บริการแก่กลุ่มลูกค้ารายย่อยและผู้ประกอบการขนาดเล็กอย่างต่อเนื่อง ภายใต้แคมเปญ “ภารกิจพลิกชีวิตคนไทยให้ดีขึ้น” เพื่อให้คนไทยมีโอกาสตั้งตัวได้