กรุงเทพฯ--12 เม.ย.--ฟิทช์ เรทติ้งส์
บริษัท ฟิทช์ เรทติ้งส์ (ประเทศไทย) จำกัด ประกาศปรับลดอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาว (National Long-Term Rating) ของบริษัทฟินันซ่า จำกัด (มหาชน) หรือ FNS เป็น ‘BBB-(tha)’ จาก ‘BBB(tha)’ แนวโน้มอันดับเครดิตเป็นลบ ขณะเดียวกันได้คงอันดับเครดิตภายในประเทศระยะสั้น (National Short-Term Rating) ที่ระดับ ‘F3(tha)’
การปรับลดอันดับเครดิตของ FNS สะท้อนถึงระดับหนี้สินที่เพิ่มขึ้น สภาพคล่องที่ด้อยลง และโครงสร้างเงินทุน (funding profile) ที่ยังคงอ่อนแอเนื่องจากบริษัทมีการพึ่งพาแหล่งเงินทุนระยะสั้นเพื่อลงทุนในสินทรัพย์ระยะยาว และฟิทช์ยังมองว่าสภาพคล่องระยะสั้น (short-term liquidity profile) ของบริษัทอยู่ในระดับที่อ่อนแอ นอกจากนี้อันดับเครดิตยังพิจารณาถึงผลประกอบการที่อ่อนแออย่างต่อเนื่องของบริษัทลูกซึ่งมีผลทำให้ระดับของเงินกองทุนของ FNS ลดต่ำลง แนวโน้มอันดับเครดิตเป็นลบสะท้อนถึงการคาดการณ์ของฟิทช์ว่าความสามารถในการทำกำไรคงจะยังอยู่ในระดับที่ต่ำและมีความผันผวนในระยะปานกลาง
ระดับหนี้สินของ FNS ซึ่งเป็นบริษัทโฮลดิ้งส์ ปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยมีอัตราส่วนหนี้สินสุทธิต่อส่วนของผู้ถือหุ้นอยู่ที่ 1.25 เท่า ณ สิ้นปี 2554 (เทียบกับ 1.23 เท่า ณ สิ้นปี 2553 และ 1.17 เท่า ณ สิ้นปี 2552) เนื่องจากการออกตราสารประเภทตั๋วแลกเงินและการกู้ยืมจากบริษัทที่เกี่ยวข้องกันที่เพิ่มมากขึ้นเพื่อใช้ในการบริหารสภาพคล่องและการดำเนินงานในกลุ่ม สำหรับระดับหนี้สินรวมของกลุ่ม (consolidated basis) อัตราส่วนหนี้สินสุทธิต่อส่วนของผู้ถือหุ้นปรับตัวสูงเช่นกันแต่ยังคงอยู่ในระดับต่ำที่ 0.4 เท่า ณ สิ้นปี 2554 อัตราส่วนเงินลงทุนในบริษัทลูกและบริษัทร่วมต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (double leverage) ของ FNS ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 2 เท่า ณ สิ้นปี 2554 จาก 1.86 เท่า ณ สิ้นปี 2553 แสดงถึงการที่บริษัทต้องพึ่งพาเงินกู้ยืมมากขึ้นเพื่อนำมาลงทุนในบริษัทในเครือ
ระดับความเสี่ยงด้านสภาพคล่องของกลุ่มปรับตัวเพิ่มขึ้นเช่นกัน เนื่องจากเงินกู้ยืมระยะสั้นปรับตัวเพิ่มขึ้นและสินทรัพย์สภาพคล่องที่มีคุณภาพสูงปรับตัวลดลง ซึ่งอาจทำให้ความเสี่ยงด้านสภาพคล่องอาจปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นได้ในสภาวะที่ตลาดการเงินมีความผันผวน FNS มีการพึ่งพาตั๋วแลกเงินเป็นแหล่งเงินทุนหลักมากขึ้น จากงบการเงินเดี่ยวของ FNS บริษัทมีตั๋วแลกเงินคงค้างที่ 619 ล้านบาท ณ สิ้นปี 2554 เพิ่มขึ้นจาก 471 ล้านบาท ณ สิ้นปี 2553
หากระดับหนี้สินและสภาพคล่องไม่มีสัญญาณของการปรับตัวที่ดีขึ้น หรือมีการปรับตัวอ่อนแอลงอย่างต่อเนื่องของปัจจัยดังกล่าวภายใน 9-12 เดือนข้างหน้า อาจส่งผลให้มีการปรับลดอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวและอันดับเครดิตภายในประเทศระยะสั้นของบริษัทลง 1 อันดับ ในทางกลับกันการฟื้นตัวของความสามารถในการทำกำไรเนื่องจากการเติบโตของรายได้และค่าใช้จ่ายที่ลดลงภายใน 6-12 เดือนข้างหน้า อาจส่งผลให้มีการปรับแนวโน้มอันดับเครดิตเป็นมีเสถียรภาพ อย่างไรก็ตามฟิทช์มองว่าเหตุการณ์ดังกล่าวไม่น่าจะเกิดขึ้นในระยะสั้น อันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวอาจได้รับการปรับขึ้น 1 อันดับ หากผลการดำเนินงานและระดับหนี้สินมีสัญญาณของการปรับตัวที่ดีขึ้นอย่างยั่งยืน และสภาพคล่องมีการปรับตัวที่ดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ