กรุงเทพฯ--17 เม.ย.--มหาวิทยาลัยแม่โจ้
แม่โจ้โพลล์เผย นักเรียนม.6 ร้อยละ 78.3 ย้ำ การสอนในโรงเรียนสำคัญมากต่อโอกาสในการสอบเข้าเรียนต่อในมหาวิทยาลัย และเลือกเตรียมความพร้อมโดยการอ่านหนังสือเองอ้างเตรียมตัวน้อย อ่านหนังสือไม่ทัน ส่งผลต่อคะแนนสอบ
ในแต่ละปีนักเรียนชั้น ม.6 จะต้องมีการเตรียมตัวสอบ Admission เพื่อเข้าเรียนในระดับอุดมศึกษา ซึ่งถือเป็นเส้นทางหลักที่นักเรียนเหล่านี้ต้องฝ่าฟันเข้าไป การเตรียมความพร้อมเพื่อสอบแข่งขันให้ได้คะแนนตามเกณฑ์ของคณะหรือสาขาที่ตนเองต้องการเรียนจึงมีความสำคัญ
ดังนั้นศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและพยากรณ์ทางการเกษตร โดยแม่โจ้โพลล์ จึงได้ทำการสำรวจความคิดเห็นนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ทั่วประเทศ ต่อความคิดเห็นเรื่อง “ความพร้อมของนักเรียน ม.6 กับกา รเตรียมตัวสอบเข้ามหาวิทยาลัย” ระหว่างวันที่ 15 -25 มีนาคม 2555จำนวน 805 ราย สรุปผลได้ดังนี้ จากการสอบถามในเรื่องการนำคะแนนผลการเรียน (GPAX) มาใช้รวมกับคะแนนในการสอบเข้ามหาวิทยาลัยนั้นพบว่า ร้อยละ 66.2 เห็นด้วย เพราะ ช่วยให้ได้คะแนนเพิ่มมากขึ้นและยังมีส่วนช่วยให้เด็กตั้งใจเรียนในห้องเรียนอีกด้วย ส่วนร้อยละ 33.8 ไม่เห็นด้วย เพราะ เกณฑ์แ ละมาตรฐานการให้คะแนนของแต่ละโรงเรียนไม่เหมือนกัน
เมื่อสอบถามถึงการเรียนการสอนของโรงเรียนมีส่วนสำคัญต่อการสอบเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยมากน้อยเพียงใด ร้อยละ78.3 เห็นว่าการสอนในโรงเรียนมีส่วนสำคัญมากที่จะทำให้ได้เรียนต่อในมหาวิทยาลัย มีเพียงร้อยละ 21.6 ที่เห็นว่ามีส่วนสำคัญน้อยจนถึงไม่มีส่วนสำคัญเลย เมื่อสอบถามถึงการให้ข้อมูลเรื่อง การศึกษาต่อในระดับอุดมศึกษาของโรงเรียนพบว่า นักเรียน ร้อยละ 83.9 ตอบว่าโรงเรียนได้ให้ข้อมูลเพียงพอ มีเพียงร้อยละ 16.1 ที่ตอบว่าโรงเรียนให้ข้อมูลน้อยหรือไม่ได้ให้ข้อมูลด้านการศึกษาต่อเลย
เมื่อสอบถามนักเรียนชั้น ม.6 ถึงวิธีการเตรียมตัวก่อนสอบ Admission พบว่า อันดับที่ 1 ร้อยละ 84.2 มีการเตรียมตัวโดยการอ่านหนังสือเอง อันดับที่ 2 ร้อยละ 53.5 ใช้วิธีฝึกทำข้อสอบบ่อยๆ อันดับที่ 3 ร้อยละ 43.2 ใช้วิธีการเรียนกวดวิชาเพิ่มเติม อันดับท ี่ 4 ร้อยละ 42.7 ใช้วิธีการเข้าร่วมกิจกรรมเตรียมความรู้ก่อนสอบที่ทางโรงเรียนหรือหน่วยงานต่างๆจัดขึ้น และอันดับที่ 5 ร้อยละ 38.3 ใช้วิธีการอ่านหนังสือร่วมกับเพื่อน สำหรับปัญหาในการเตรียมตัวสอบของนักเรียน พบว่าส่วนใหญ่ร้อยละ 88.7 พบปัญหามีเวลาเตรียมตัวอ่านหนังสือน้อยซึ่งอาจส่งผลให้ทำข้อสอบได้น้อย นอกจากนี้ยังพบปัญหาอื่นๆ เช่น ปัญหาการไม่สามารถเดินทางไปสอบยังสนามสอบได้เนื่องจากประสบภัยน้ำท่วม หรือบางสนามสอบต้องเลื่อนการสอบออกไปเพราะน้ำท่วม ปัญหาการได้รับข่าวสารข้อมูลเกี่ยวกับการสมัครเรียนต่อล่าช้า ปัญหาไม่มีงบประมาณค่าใช้จ่ายในการสมัครสอบ และปัญหาการไม่เข้าใจขั้นตอนและระเบียบวิธีการสอบ เป็นต้น
เมื่อสอบถามถึงมหาวิทยาลัย และคณะวิชาที่ต้องการเข้าไปศึกษาในระดับอุดมศึกษา พบว่า มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เป็นมหาวิทยาลัยที่มีนักเรียนอยากเข้าไปเรียนต่อมากที่สุด (ร้อยละ 9.5) ในขณะที่คณะคุรุศาสตร์และศึกษาศาสตร์เป็นคณะที่นักเรียนสนใจเข้าเรียนต่อมากที่สุด (ร้อยละ 14.8)
จากข้อมูลที่ได้จากการสำรวจ พบประเด็นที่น่าสนใจคือ การให้ความสำคัญต่อการเรียนการสอนในโรงเรียนของนักเรียนที่มองว่า การเรียนการสอนในโรงเรียนมีส่วนต่อการเข้าเรียนต่อในระดับมหาวิทยาลัย ซึ่งหากโรงเรียนมีการจัดการเรียนการสอนที่ดี มีการชี้แนะ ให้ข้อมูลข่าวสารที่เป็นประโยชน์และถูกต้องด้านการศึกษาแก่นักเรียน ย่อมส่งผลดีต่อการเตรียมความพร้อมในการเข้าสู่สนามสอบแข่งขันเพื่อศึกษาต่อในระดับมหาวิทยาลัยต่อไป