กรุงเทพฯ--19 เม.ย.--มหาวิทยาลัยมหิดล
มหาวิทยาลัยมหิดล สานต่อแนวคิด “มหาวิทยาลัยวิจัยระดับโลกเพื่อสังคม” เปิดตัวกลุ่มภารกิจวิจัยชุมชน งานวิจัยทางเลือกใหม่ มุ่งเน้นเชื่อมโยงความรู้จากมหาวิทยาลัย เพื่อแก้ปัญหาชุมชนอย่างตรงจุด นำร่อง “โครงการพุทธมณฑล” จับมือ 3 ชุมชน คลองมหาสวัสดิ์ คลองโยง ศาลายา สร้างต้นแบบชุมชนยั่งยืน
หลังจากมหาวิทยาลัยมหิดลได้ประกาศนโยบายและวิสัยทัศน์ในการมุ่งสู่ “มหาวิทยาลัยระดับโลกเพื่อสังคม” โดยมุ่งเน้น การยกระดับมาตรฐานการเรียนการสอนและงานวิจัยให้มีมาตรฐานเทียบชั้นสากล พร้อมไปกับการเพิ่มบทบาทของมหาวิทยาลัยในการแก้ไขปัญหาสังคมทั้งในระดับโลก ระดับประเทศและชุมชน ล่าสุดได้เปิดตัวกลุ่มภารกิจวิจัยชุมชน เพื่อขับเคลื่อนงานวิจัยชุมชนที่มีเป้าหมายสำคัญในการทำให้ชุมชนสามารถแก้ไขปัญหาและพึ่งพาตัวเองได้อย่างยั่งยืน
รองศาสตราจารย์ดวงพร คำนูณวัฒน์ ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยภาษาและวัฒนธรรมเอเชีย มหาวิทยาลัยมหิดล ในฐานะประธานกรรมการคณะกรรมการ กลุ่มภารกิจวิจัยชุมชนของมหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า งานวิจัยชุมชนของมหาวิทยาลัยมหิดลเริ่มต้นขึ้นตั้งแต่ 20 ปีที่แล้ว ก่อนที่จะมีการก่อตั้ง กลุ่มภารกิจวิจัยชุมชนของมหาวิทยาลัยมหิดล ในปี 2553 ที่ผ่านมา โดยมุ่งเน้นการยกระดับและขับเคลื่อนงานวิจัยชุมชนให้ชัดเจนมีรูปธรรมมากยิ่งขึ้น ด้วยความร่วมมือของทุกคณะและสถาบันวิชาการในมหาวิทยาลัย ไม่ว่า จะเป็น คณะแพทยศาสตร์ คณะพยาบาลศาสตร์ คณะวิศวกรรมศาสตร์ คณะสิ่งแวดล้อม ฯลฯ ในการนำองค์ความรู้ในทุกศาสตร์และทุกสาขา มาบูรณาการเพื่อแก้ไขปัญหาให้กับชุมชน ผ่านกระบวนการทำงานวิจัยกับคนในชุมชนเพื่อให้แก้ไขปัญหามีความยั่งยืนมากที่สุด โดยมีเป้าหมายให้นักวิชาการในมหาวิทยาลัยได้ใช้ความรู้ความสามารถ เพื่อพัฒนาสังคมร่วมกับชุมชน
การที่มหาวิทยาลัยมหิดลให้ความสำคัญในเรื่องนี้ เพราะเชื่อว่าจะเป็นทางออกของการพัฒนาที่ยั่งยืนในระดับชุมชน เนื่องจากงานวิจัยชุมชนมีความแตกต่างจากการทำวิจัยในรูปแบบอื่นๆ ที่นอกจากจากจะทำให้เกิดองค์ความรู้ใหม่ ยังเป็นงานวิจัยที่มุ่งเน้นการพัฒนาโดยมีประโยชน์ของชุมชนเป็นที่ตั้ง ในกระบวนการทำวิจัยชุมชน คนในชุมชนจะเข้ามามีส่วนร่วมตั้งแต่ขั้นตอนแรกคือการตั้งโจทย์วิจัย กำหนดขอบเขตของปัญหา ร่วมคิดหาทางแก้ไขและลงมือแก้ไขปัญหาด้วยตัวเอง
รศ.ดวงพร กล่าวว่า การที่คนในชุมชนได้เข้ามามีส่วนร่วมในการทำวิจัย นอกจากจะเป็นการประยุกต์ใช้ความรู้เพื่อแก้ไขปัญหาของชุมชนได้อย่างตรงจุดแล้วยังเป็นการสร้างขีดความสามารถและพัฒนาศักยภาพของคนในชุมชนในการคิดวิเคราะห์และแก้ไขปัญหาของตัวเองได้ โดยมีนักวิชาการเป็นเพียงผู้สนับสนุน
“งานวิจัยชุมชนจึงไม่ใช่แค่สร้างองค์ความรู้ แต่ถือเป็นงานวิจัยที่มีชีวิต มีหัวใจสำคัญอยู่ที่การสร้างคนหรือสร้างนักวิจัยชาวบ้าน โดยกระบวนการทำงานคนในชุมชนก็จะได้เรียนรู้วิธีคิดและวิธีทำงานของนักวิจัย ซึ่งเราพบว่าหลายเรื่องก็เป็นสิ่งที่พวกเขารู้อยู่แล้ว แต่ไม่เคยรู้ว่ามันเป็นงานวิจัยอย่างหนึ่ง สำหรับมหิดลเราจึงเชื่อว่างานวิจัยชุมชนจะเป็นเครื่องมือสำคัญที่ทำให้ชุมชนสามารถนำไปใช้แก้ไขปัญหาของตัวเองได้ในระยะยาว ซึ่งเป็นเรื่องที่สำคัญมากสำหรับการพัฒนาในอนาคต”
ตลอดระยะเวลากว่า 20 ปีที่ผ่านมา มหาวิทยาลัยมหิดล ได้ทำงานวิจัยชุมชนกว่า 200 โครงการ ในหลายพื้นที่ทั่วประเทศ ซึ่งมีประเด็นปัญหาที่แตกต่าง หลากหลายตั้งแต่ สุขภาวะ โภชนาการ การศึกษา ระบบเศรษฐกิจ ตลอดจนทุนทางสังคม ประวัติศาสตร์ท้องถิ่น ล่าสุด ภายใต้การดำเนินงานของกลุ่มภารกิจวิจัยชุมชน ได้ริเริ่มงานวิจัยชุมชน ภายใต้โครงการพุทธมณฑล ครอบคลุมพื้นที่ 3 ตำบล ได้แก่ ต.ศาลายา ต.คลองมหาสวัสดิ์ และต.คลองโยง โดยเริ่มการจัดเวทีประชาคมพุทธมณฑลเพื่อสรุปโจทย์ปัญหาที่ชุมชนต้องการวิจัยและแก้ไข ไปตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2554 ที่ผ่านมา และยังอยู่ในระหว่างดำเนินการจนปัจจุบัน โดยแบ่งเป็นการทำงานใน 2 ระยะ ได้แก่ 1. การทำงานในระยะเร่งด่วนเพื่อฟื้นฟูชุมชนจากเหตุการณ์อุทกภัยในปี2554 2. การทำงานในระยะยาว เพื่อร่วมแก้ไขปัญหาจากโจทย์ที่ตั้งโดยชุมชน อาทิ การกำจัดผักตบชวาซึ่งกีดขวางเส้นทางการไหลของน้ำและเป็นอุปสรรคในการสัญจร หรือ การบริหารจัดการน้ำของชุมชนเพื่อป้องกันปัญหาอุทกภัยในอนาคต
“การที่เราเลือกทำงานกับ 3 ตำบลในโครงการนี้ นอกจากเป็นชุมชนซึ่งอยู่ในพื้นที่ที่มหาวิทยาลัยมหิดลตั้งอยู่ ในเวลาเดียวกันเรามองว่าทั้ง 3 ตำบลนี้มีทุนทางสังคมที่สูงมาก และเป็นเหมือนห้องเรียนขนาดใหญ่ทั้งด้านทางประวัติศาสตร์ ภูมิปัญญา วัฒนธรรม ตลอดจนวิถีชีวิตในแบบดั้งเดิม เราเชื่อว่างานวิจัยชุมชนจะช่วยเสริมพลังให้คนในชุมชนเข้มแข็งขึ้นซึ่งถือสิ่งสำคัญในการรักษาทุนทางสังคมเหล่านี้ไม่ให้สูญหายไปตามกาลเวลา อีกทั้งจะช่วยให้ทิศทางการพัฒนาชุมชนเป็นไปตามความต้องการของคนในชุมชนอย่างแท้จริง” รศ.ดวงพร กล่าวในที่สุด