“เอทีพีเอฟ”ผนึกชาติพันธมิตรเอเชีย-ไทย เผชิญหน้าความท้าทายเศรษฐกิจ สังคมและสิ่งแวดล้อม

ข่าวทั่วไป Thursday April 19, 2012 13:32 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--19 เม.ย.--กรมส่งเสริมการส่งออก “เอทีพีเอฟ”ผนึกชาติพันธมิตรเอเชีย-ไทย เผชิญหน้าความท้าทายเศรษฐกิจ สังคมและสิ่งแวดล้อม พร้อมรับมือ เพื่อเพิ่มศักยภาพของเอเซียผลักดันเป็น “ศูนย์กลางเศรษฐกิจโลก” เผยการค้าเอเชียเพิ่มทุกปี คาดประกาศแผนความร่วมมือหลายโปรเจ็กรองรับ นายภูมิ สาระผล รมช.พาณิชย์ เปิดเผยภายหลังการเป็นประธานเปิดการประชุมเจ้าหน้าที่อาวุโสอาเซียน เทรดโปรโมชั่น ฟอรั่ม (Asian Trade Promotion Forum (ATPF) CEO Meeting) ครั้งที่ 25 ระหว่างวันที่ 19 - 20 เมษายน 2555 ณ โรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ แอท เซ็นทรัลเวิลด์ว่า ปีนี้จัดขึ้นภายใต้แนวคิด"ความร่วมมือทางเศรษฐกิจเอเชียจะเอาชนะความท้าทายในอนาคต"(Asian Economic Collaboration to Overcome Future Challenges) เพื่อผลักดันให้เอเชียเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจของโลกอย่างแท้จริง ซึ่งครั้งนี้นับเป็นโอกาสอันดีที่ผู้บริหารระดับสูงของหน่วยงานส่งเสริมการค้าชั้นนำในเอเชียจะมีบทบาทสำคัญ ในการผลักดันให้เศรษฐกิจและการค้าของประเทศในเอเชียมีการพัฒนา ขยายตัวอย่างมั่นคงและยั่งยืน ทั้งนี้การเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมของโลกในปัจจุบัน ได้ส่งผลให้ภูมิภาคของเราต้องเผชิญกับความเสี่ยงรอบด้าน ทั้งภายในและภายนอกประเทศที่มีความผันผวน ซับซ้อน และคาดการณ์ผลกระทบได้ยากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลก กฎกติกาใหม่หลายด้านที่ส่งผลให้ทุกประเทศต้องปรับตัว หรือแม้แต่การก้าวสู่ระบบเศรษฐกิจโลกแบบหลายศูนย์อำนาจ ตลอดจน ความก้าวหน้าของระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ และการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ ที่ล้วนส่งผลกระทบต่อการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม รวมทั้งการดำรงชีวิตของประชาชนมากขึ้นเรื่อยๆ “สิ่งเหล่านี้ได้กลายเป็นโจทย์สำคัญที่ทุกประเทศต้องร่วมกันคิดและแสวงหาแนวทางในการแก้ไขปัญหา ตลอดจน เตรียมพร้อมรับมือกับสถานการณ์ การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นร่วมกันและทุกท่านย่อมมีบทบาทสำคัญที่จะช่วยสร้างภูมิคุ้มกันทางเศรษฐกิจให้กับภูมิภาค และผลักดันให้เศรษฐกิจของเอเชียเติบโตได้อย่างมั่นคง ความร่วมมือระหว่างกันอย่างใกล้ชิด ทั้งด้านเศรษฐกิจ การค้า และการลงทุนของทุกหน่วยงานจะเป็นการผนึกกำลังของประเทศ เพื่อเพิ่มอำนาจต่อรองและเพิ่มศักยภาพทางการแข่งขันให้กับภูมิภาคเอเชียในเวทีการค้าระดับโลกต่อไป”นายภูมิ กล่าว ในฐานะตัวแทนของรัฐบาลไทยรู้สึกยินดีอย่างยิ่งที่การประชุม ATPF ในปีนี้ ได้ให้ความสำคัญกับประเด็นการเสริมสร้างภูมิคุ้มกันของประเทศและภูมิภาค โดยมุ่งเน้นประเด็นการพัฒนาผู้ประกอบการโดยเฉพาะ SMEs ให้มีคุณภาพ ก้าวทันต่อการเปลี่ยนแปลง พร้อมๆไปกับการเสริมสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจด้วยฐานความรู้ เทคโนโลยีและนวัตกรรม และความคิดสร้างสรรค์บนพื้นฐานการผลิตและ การบริโภคที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งสอดคล้องโดยตรงกับจุดมุ่งหมายของนโยบายรัฐบาลไทย คือ การนำพาประเทศไปสู่โครงสร้างเศรษฐกิจที่สมดุล มีความเข้มแข็งมากขึ้น และพร้อมจะก้าวไปสู่การเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน(เออีซี)อย่างสมบูรณ์ ในปี 2558 ขณะเดียวกัน ยังสอดคล้องกับทิศทางการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ ตามที่บรรจุไว้เป็นส่วนหนึ่งในแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 11 (พ.ศ.2555-2559) ที่มุ่งยึดหลัก “คนเป็นศูนย์กลางของการพัฒนา” มาเป็นแนวทางในการบริหารและพัฒนาประเทศ โดยเร่งสร้าง “ระบบภูมิคุ้มกัน” สร้างความเข้มแข็งของทุนที่มีอยู่ และการบริหารจัดการความเสี่ยงให้พร้อมรับมือกับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงรอบด้าน ซึ่งจะเป็นทั้งโอกาสและความท้าทายต่อการพัฒนาของทุกประเทศในเอเชีย นางนันทวัลย์ ศกุนตนาค อธิบดีกรมส่งเสริมการส่งออก กล่าวว่า การประชุมครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อผลักดันให้เอเชียเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจของโลก ส่งเสริมความร่วมมือให้เกิดการค้าระหว่างประเทศสมาชิก เป็นเวทีให้ผู้บริหารระดับสูงขององค์กรส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศของประเทศสมาชิกแสดงวิสัยทัศน์ แบ่งปันประสบการณ์ ความรู้ และหารือเกี่ยวกับการค้าระหว่างประเทศหรือประเด็นที่เกี่ยวข้อง รวมถึงกำหนดนโยบายแนวทางความร่วมมือระหว่างประเทศสมาชิก และแผน หรือโครงการความร่วมมือในการส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศสมาชิกในอนาคต โดยมีเจโทร( JETRO ) ทำหน้าที่เป็นฝ่ายเลขาธิการ “ประเทศผู้นำและประเทศกำลังพัฒนาต่างให้ความสนใจขึ้นอภิปรายในหัวข้อดังกล่าวอย่างมาก โดยมีผู้บริหารระดับสูงเข้าร่วม 21 ประเทศจาก 24 ประเทศตอบรับการเข้าร่วมประชุมฯแล้ว การประชุมนี้สอดรับกับภารกิจของกรมฯในอันที่จะส่งเสริมการพัฒนาสินค้าและธุรกิจบริการบนพื้นฐานของการสร้างมูลค่าเพิ่ม นวัตกรรม โดยเน้นความเป็นมิตร กับสิ่งแวดล้อม และพัฒนาขีดความสามารถของผู้ประกอบการไทยในเวทีการค้าระหว่างประเทศ” นางนันทวัลย์ กล่าว ทั้งนี้กรมฯ ได้เชิญเลขาธิการอาเซียน ดร.สุรินทร์ พิศสุวรรณ กล่าวสุนทรพจน์ภายใต้แนวคิด ดังกล่าว และเป็นองค์ปราศรัยพิเศษ เรื่อง “ความร่วมมือทางเศรษฐกิจของกลุ่มประเทศเอเชียเพื่อรับมือกับการท้ายทายในอนาคต” ส่วนประเด็นที่จะร่วมกันอภิปรายของสมาชิกมี 2 หัวข้อ คือ 1.บทบาทขององค์กรส่งเสริมการค้าในการเตรียมความพร้อมให้แก่ผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) เพื่อรองรับความ ท้าทายในอนาคต กับ 2.เตรียมความพร้อมด้านการค้า/บริการสู่เศรษฐกิจสีเขียว (Green Economy) สำหรับประเด็น SMEs กรมฯได้นำเสนอข้อมูลพื้นฐานของผู้ประกอบการ SMEs ไทย ปัญหาและอุปสรรค พร้อมทั้งกิจกรรมส่งเสริมการค้าต่างๆ ที่กรมฯ ให้การสนับสนุน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการสนับสนุนให้ผู้ประกอบการ SMEs ไทย ใช้การดำเนินธุรกิจการค้าออนไลน์เป็นช่องทางทางการค้าที่มีประสิทธิผล โดย กรมส่งเสริมการส่งออกได้จัดทำเว็ปไซต์ www.thaitrade.com เพื่อให้ผู้ประกอบการ SMEs ไทย ได้ใช้เป็นช่องทางการค้ากับประเทศคู่ค้าต่างๆ ทั่วโลก โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย หรือ นำเสนอการใช้ตราสัญลักษณ์ Thailand Trust Mark ( TTM ) ที่รับประกันคุณภาพมาตรฐานของสินค้าไทย ที่จะเผยแพร่และได้รับการยอมรับไปทั่วโลก เป็นต้น ภายหลังจากการอภิปรายของผู้บริหารระดับสูงขององค์กรส่งเสริมการค้าต่างๆ แล้ว คาดว่าจะเกิดความร่วมมือทางการค้าภายในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกที่สำคัญหลายประการ นอกจากนี้ประเทศพม่า ได้เข้าร่วมงานในฐานะประเทศผู้สังเกตการณ์เป็นครั้งแรก ซึ่งหากประเทศไทยสามารถใช้เวทีดังกล่าวในการเจรจากับประเทศพม่าได้ ก็จะช่วยเปิดโอกาสในการทำการค้า การลงทุน และใช้เป็นแหล่งวัตถุดิบได้ง่ายขึ้น เพราะพม่าเปิดประเทศเพื่อรองรับการเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) ในปี 2558 ขณะที่พม่าก็สามารถทำการค้า การลงทุนกับไทยได้ง่ายขึ้นเช่นกัน สำหรับความสำคัญของเอเชียนั้น จากสถิติมูลค่าการค้าในภูมิภาคเอเชียขยายตัวเพิ่มขึ้นทุกปีจากปี 2552 - 2554 มีมูลค่าการค้ารวมกว่า 1.9 แสนล้านเหรียญสหรัฐฯ 2.57 แสนล้านเหรียญสหรัฐฯ และ 3.13 แสนล้านเหรียญสหรัฐฯ ตามลำดับ โดยเมื่อปี 2554 มูลค่าการส่งออกสูงถึง 1.49 แสนล้านเหรียญสหรัฐฯ(4.52 ล้านล้านบาท) ขยายตัวเพิ่มขึ้นตัว 22% ขณะที่มูลค่าการนำเข้า 1.63 แสนล้านเหรียญสหรัฐฯ(4.99 ล้านล้านบาท) หรือ เพิ่มขึ้น 8.3% การประชุมผู้บริหารระดับสูงองค์กรส่งเสริมการค้าของประเทศ/เขตเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิค จัดขึ้นระหว่างวันที่ 19 - 20 เมษายน 2555 โรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ แอท เซ็นทรัลเวิลด์ ซึ่งรมส่งเสริมการส่งออกรับเป็นเจ้าภาพในครั้งนี้ ถือเป็นครั้งที่ 2 หลังจากที่ได้รับเป็นเจ้าภาพในครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ. 2536 โดยมีตัวแทนองค์กรส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศทั้ง 23 ประเทศ อาทิ จีน ญี่ปุ่น ออสเตรเลีย บังกลาเทศ บรูไน กัมพูชา ฮ่องกง ไต้หวัน เกาหลีใต้ อินโดนีเซีย มาเลเซีย นิวซีแลนด์ ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ เวียดนาม เป็นต้น สำนักประชาสัมพันธ์ กรมส่งเสริมการส่งออก โทร.(02) 507-7932-34 ประจงพร(จ๋า) , กาญจนา(นิด)

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ