กรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม เสนอคนรากหญ้ากับการจัดการทรัพยากร

ข่าวทั่วไป Thursday May 20, 2004 09:12 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--20 พ.ค.--กรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม
ความเสื่อมโทรมของทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ที่มาจากความไม่สมดุลของการพัฒนาทางวัตถุกับสิ่งแวดล้อมนั้นได้เกิดขึ้นทั่วโลก และเป็นปัญหาที่ส่งผลกระทบต่อชีวิตมนุษย์มากที่สุดทั้งปัจจุบันและอนาคต จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกกลุ่มคนในสังคม แก้ไขปัญหาและบริหารจัดการทรัพยากรและสิ่งแวดล้อมให้สามารถใช้ประโยชน์ได้อย่างยั่งยืน งาน"มหกรรมดอกไม้บานกลางใจคนรากหญ้า" จึงถูกจัดขึ้นเพื่อตอกย้ำความร่วมมือกันของชุมชนท้องถิ่นและภาคส่วนต่างๆ ในการอนุรักษ์ดูแลรักษาจัดการทรัพยากร ธรรมชาติ พร้อมทั้งประกาศจุดยืนร่วมกันในการร่วมรักษาทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
นางมณทิพย์ ศรีรัตนา ทาบูกานอน อธิบดีกรมส่งเสริมคุณภาพและสิ่งแวดล้อม กระทรวงทรัพยากร ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้เปิดเผยภายหลังเป็นประธานพิธีเปิดนิทรรศการ "ความรู้คนรากหญ้ากับการจัดการทรัพยากร" ซึ่งเป็นกิจกรรมสำคัญของงานว่า "งานมหกรรมฯครั้งนี้เป็นการจัดขึ้นร่วมกันระหว่างภาครัฐโดยกรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม กับเครือข่ายชุมชนภาคเหนือ และองค์กรเอกชนต่างๆ เพื่อสืบทอดองค์ความรู้ ภูมิปัญญา และสร้างสำนึกร่วมของชุมชนท้องถิ่นให้เข้าใจถึงความสำคัญของทรัพยากรธรรมชาติที่มีต่อชุมชนท้องถิ่น และมีส่วนร่วมในการกำหนดแนวทาง กำหนดกติกาในการจัดการและการใช้ประโยชน์ให้สอดคล้องกับลักษณะเฉพาะท้องถิ่น และเป็นเวทีสำคัญในการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ระหว่างเครือข่ายชุมชนจากพื้นที่ และภูมินิเวศต่างๆ ทั่วประเทศ"
ซึ่งเครือข่ายชุมชนที่เข้าร่วมงานมหกรรมนี้มาจากทั้ง 9 จังหวัดภาคเหนือตอนบน รวมกับเครือข่ายชุมชนภาคเหนือตอนล่าง ภาคอีสาน ภาคใต้ ภาคตะวันออก ภาคตะวันตก และเครือข่ายองค์กรพัฒนาเอกชนด้านสิ่งแวดล้อมภาคเหนือ ตลอดจนพันธมิตรกลุ่มต่างๆ ที่ห่วงใยทรัพยากรธรรมชาติ โดยเครือข่ายเหล่านี้ได้ใช้เวทีของงานระดมความคิดแลกเปลี่ยนเรียนรู้ซึ่งกันและกันเกี่ยวกับ ความก้าวหน้า ความสำเร็จ ตลอดจนปัญหาอุปสรรคของคนรากหญ้าในการจัดการป่า ดิน น้ำ ซึ่งผลของการระดมความคิดนี้จะนำไปสู่ความร่วมมือในการกำหนดทิศทางการอนุรักษ์จัดการทรัพยากร
การจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมโดยให้องค์กรระดับรากหญ้าเข้ามามีส่วนร่วมนั้น ไม่ใช่เป็นเพียงการอนุรักษ์ฟื้นฟูทรัพยากรดิน น้ำ ป่าให้อุดมสมบูรณ์เท่านั้น แต่จะทำให้เกิดกระบวนการทำงานร่วมกัน โดยใช้ฐานทรัพยากรเป็นเครื่องมือในการศึกษาเรียนรู้ และสืบทอดวัฒนธรรมท้องถิ่น จัดเป็นการเรียนรู้ร่วมกันหลายช่วงอายุ หลายรุ่น รวมทั้งเป็นการถ่ายทอดความรู้ระหว่างผู้อาวุโสสู่ เด็กๆ ซึ่งจะช่วยจรรโลงภูมิปัญญาท้องถิ่นให้คงอยู่ อีกทั้งยังเป็นปัจจัยที่ทำให้ชุมชนเข้มแข็งอีกด้วย
ซึ่งการให้ชุมชนเข้ามามีส่วนร่วมนี้เป็นนโยบายของกระทรวงที่กำหนดไว้อย่างชัดเจนในการบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมแบบบูรณาการ ที่ยึดหลักธรรมาภิบาลบนพื้นฐานการจัดการเชิงพื้นที่ การมีส่วนร่วม และการกระจายอำนาจ รวมทั้งเร่งรัดปรับปรุงทบทวน แก้ไขและออกกฎหมายใหม่ ที่สนับสนุนให้การดำเนินงานสนองตอบนโยบายอย่างมีประสิทธิภาพ และสอดคล้องกับสถานการณ์ทางเศรษฐกิจและสังคม โดยกระบวนการออกกฎหมายแบบมีส่วนร่วมจากทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ซึ่งจะนำไปสู่การจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมแบบองค์รวม ที่มีการประสานสอดคล้องกันอย่างลงตัวระหว่างวิถีชีวิตวัฒนธรรม ระบบนิเวศ การปกครอง และชุมชนท้องถิ่น ตลอดจนบทบาทของภาครัฐในการส่งเสริมและสนับสนุนความร่วมมือของภาคีต่างๆ ทั้งนี้เพื่อให้เกิดความสมดุลระหว่างการอนุรักษ์ กับการใช้ประโยชน์ ซึ่งเป็นเป้าหมายร่วมกันของทุกฝ่ายที่มุ่งให้เกิดการพัฒนาอย่างยั่งยืน
สำหรับกฎหมายใหม่ๆ ที่จะได้มีการบัญญัติขึ้นในอนาคต เพื่อสนับสนุนนโยบายต่างๆ ด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมนั้น กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้มีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการศึกษาและจัดทำกฎหมายรับรองสิทธิในการจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เพื่อให้การจัดการทรัพยากรธรรมชาติมีประสิทธิภาพ มีความโปร่งใส และมีความยั่งยืน โดยการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน ตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2540 โดยกฎหมายดังกล่าวนี้มีกำหนดแล้วเสร็จภายใน 12 เดือน
ส่วนกฎหมายเกี่ยวกับป่าชุมชน ซึ่งคนรากหญ้าที่เข้าร่วมงานมหกรรม"ดอกไม้บานกลางใจคนรากหญ้า" ได้ให้คำมั่นสัญญาไว้ว่า จะขอเป็นส่วนหนึ่งในการสานต่อดูแลจัดการป่าชุมชนให้ดีขึ้น นั้น ขณะนี้ พ.ร.บ.ป่าชุมชน กำลังอยู่ระหว่างการพิจารณาของรัฐสภา โดยนายจาตุรงค์ ฉายแสง รองนายกรัฐมนตรี ที่ได้มาเป็นสักขีพยานในการประกาศเจตนารมณ์ครั้งนี้ ได้กล่าวว่า จะประสานให้ร่าง พ.ร.บ.ป่าชุมชนนี้เข้าสภาได้ทันในสมัยประชุมหน้าก่อนที่สภาชุดนี้จะหมดวาระลงในต้นปี 2548
นายจาตุรงค์ยังกล่าวอีกว่า รัฐบาลมีนโยบายอย่างจริงจังในการรักษาทรัพยากรธรรมชาติของของประเทศ ซึ่ง ฯพณฯ นายกรัฐมนตรีก็ได้ย้ำที่จะให้มีการดูแลอย่างเป็นระบบ พร้อมกับใช้งบประมาณเป็นจำนวนมากสำหรับการแก้ไขปัญหาต่างๆ ดังที่ได้แถลงไว้ต่อรัฐสภา
งาน "มหกรรมดอกไม้บานกลางใจคนรากหญ้า" นี้ ได้สิ้นสุดลงพร้อมกับการประกาศเจตนารมณ์ที่จะร่วมมือกันผลักดันให้เกิดการบริหารจัดการทรัพยากรอย่างยั่งยืน ตลอดจนปกป้องฟื้นฟูธรรมชาติและวิถีชีวิตผู้คนให้กลับคืนสู่ภาวะที่สมดุล สอดคล้องกับเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาราจักไทย พ.ศ. 2540 ที่กำหนดให้บุคคลซึ่งรวมกันเป็นชุมชนดั้งเดิมมีสิทธิอนุรักษ์ฟื้นฟูจารีตประเพณี ภูมิปัญญาท้องถิ่น ตลอดจนมีส่วนร่วมในการจัดการ บำรุงรักษา และใช้ประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมอย่างสมดุลและยั่งยืน--จบ--
-นท-

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ