กรุงเทพฯ--23 เม.ย.--ก.ไอซีที
นางจีราวรรรณ บุญเพิ่ม ปลัดกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ในฐานะรองประธานกรรมการธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ ได้เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อพิจารณาออกใบอนุญาตการประกอบธุรกิจประเภทบัญชี ค ตามพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการควบคุมดูแลธุรกิจบริการการชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. 2551 ที่มีผลบังคับใช้ มาตั้งแต่วันที่ 14 มกราคม 2552 ซึ่งได้กำหนดให้ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เป็นผู้ควบคุมดูแลธุรกิจบริการการชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ตามพระราชกฤษฎีกาฯ ธปท. จึงได้อาศัยอำนาจตามมาตรา 12 พิจารณาการขอรับใบอนุญาตของผู้ให้บริการตามประเภทบัญชี ค ท้ายพระราชกฤษฎีกาดังกล่าว และนำเสนอเรื่องต่อคณะกรรมการธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ ให้พิจารณาออกใบอนุญาต
โดยปัจจุบันคณะกรรมการธุรกรรมฯ ได้ออกใบอนุญาตให้กับผู้ให้บริการไปแล้ว 74 ราย แบ่งเป็นผู้ให้บริการที่เป็นสถาบันการเงินจำนวน 31 ราย และผู้ให้บริการที่ไม่ใช่สถาบันการเงินอีก 43 ราย รวมเป็นใบอนุญาตจำนวน 113 ฉบับ และในการประชุมคณะกรรมการธุรกรรมฯ ครั้งล่าสุดเมื่อวันที่ 29 มีนาคม 2555 ที่ผ่านมา ได้มีการพิจารณาออกใบอนุญาตการประกอบธุรกิจประเภท บัญชี ค. เพิ่มเติมอีก 1 ราย คือ บริษัท เทเลอินโฟ มีเดีย จำกัด (มหาชน) ซึ่งได้ยื่นขอรับใบอนุญาตเพื่อประกอบธุรกิจตามบัญชี ค (3) คือ การให้บริการชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ผ่านอุปกรณ์อย่างใดอย่างหนึ่ง หรือผ่านทางเครือข่าย
ธปท.ได้มีการพิจารณาการขอรับใบอนุญาตฯ ของผู้ประกอบการรายดังกล่าวแล้ว เห็นว่าผู้ให้บริการได้ยื่นเอกสารครบถ้วนและถูกต้อง รวมทั้งมีคุณสมบัติตามที่กฎหมายกำหนด ตลอดจนมีความพร้อมในการให้บริการและมีแนวทางการรักษาความมั่นคงปลอดภัยทางระบบสารสนเทศในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการให้บริการการชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ในเกณฑ์ที่ยอมรับได้ จึงเสนอเรื่องต่อคณะกรรมการธุรกรรมฯ เพื่อให้พิจารณาออกใบอนุญาตแก่ผู้ให้บริการที่ยื่นขออนุญาตไว้ ซึ่งคณะกรรมการธุรกรรมฯ ได้พิจารณาอนุมัติออกใบอนุญาตดังกล่าว ภายใต้เงื่อนไขที่ผู้ให้บริการจะต้องเปิดให้บริการตามที่ได้รับอนุญาตภายในระยะเวลา 1 ปี นับแต่วันที่ได้รับอนุญาต รวมทั้งต้องทำหนังสือแจ้ง ธปท. ให้ทราบล่วงหน้าไม่น้อยกว่า 15 วัน ก่อนเริ่มการประกอบธุรกิจ ทั้งนี้ เพื่อไม่ให้เป็นการขออนุญาตโดยไม่ประกอบธุรกิจบริการ
สำหรับการจัดแบ่งประเภทบัญชีของผู้ให้บริการตามพระราชกฤษฎีกาฯ นั้น ธปท. ได้พิจารณาจากความเหมาะสมในการป้องกันความเสียหายตามระดับความรุนแรงของผลกระทบที่อาจเกิดจากการประกอบธุรกิจเอาไว้ 3 บัญชี เพื่อให้ผู้ให้บริการได้ทราบว่าธุรกิจของตนจะต้องดำเนินการในลักษณะใด โดยประเภทแรก คือ บัญชี ก เป็นธุรกิจที่ต้องแจ้งให้ทราบ ซึ่งได้แก่ การให้บริการเงินอิเล็กทรอนิกส์ (e-Money) ที่ใช้ซื้อบริการจากผู้ให้บริการเพียงรายเดียว ยกเว้น การให้บริการที่ใช้เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้บริโภคโดยมิได้แสวงหาผลกำไร เช่น บัตรแลกซื้ออาหารในศูนย์อาหาร เป็นต้น ประเภทที่สอง คือ บัญชี ข เป็นธุรกิจบริการที่ต้องขอขึ้นทะเบียน ซึ่งได้แก่ บริการเครือข่ายบัตรเครดิต บริการเครือข่ายอีดีซี (EDC) บริการสวิตช์ชิ่งในการชำระเงินระบบใดระบบหนึ่ง และการให้บริการเงินอิเล็กทรอนิกส์ (e-Money) ที่ใช้ซื้อบริการเฉพาะอย่างตามรายการที่กำหนดไว้ล่วงหน้าจากผู้ให้บริการหลายราย ณ สถานที่ที่อยู่ภายใต้ระบบการจัดจำหน่ายและการให้บริการรายเดียวกัน เช่น บัตรเติมน้ำมันของบริษัทน้ำมัน เป็นต้น และประเภทที่สาม คือ บัญชี ค เป็นบัญชีที่ต้องขอรับใบอนุญาต ซึ่งได้แก่ บริการสวิตช์ชิ่งในการชำระเงินหลายระบบ บริการหักบัญชีบริการชำระดุล บริการชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ผ่านอุปกรณ์อย่างใดอย่างหนึ่งหรือผ่านเครือข่าย บริการรับชำระเงินแทน และการให้บริการเงินอิเล็กทรอนิกส์ (e-Money) ที่ใช้ซื้อบริการเฉพาะอย่างตามรายการที่กำหนดไว้ล่วงหน้าจากผู้ให้บริการหลายราย โดยไม่จำกัดสถานที่และไม่อยู่ภายใต้ระบบการจัดจำหน่ายและการให้บริการเดียวกัน เช่น บัตรเงินสดของร้านสะดวกซื้อ เป็นต้น