(ต่อ1): วอร์เนอร์ บราเดอร์ส พิกเจอร์ส ภูมิใจเสนอภาพยนตร์ เรื่อง MAN ON FIRE

ข่าวทั่วไป Thursday May 20, 2004 12:00 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--20 พ.ค.--วอร์เนอร์ บราเดอร์ส พิกเจอร์ส
นักแสดง
เดนเซล วอชิงตัน (ครีซี่) เป็นผู้ที่ได้รับรางวัลต๊กตาทองผู้แสดงนำฝ่ายชายยอดเยี่ยมมาแล้วถึงสองรางวัล จากผลงานภาพยนตร์กว่า 30 เรื่องของเขา รางวัลในผลงานการแสดงของเขายังรวมไปถึง รางวัลลูกโลกทองคำ รางวัล NAACP รางวัล เอ็มมี่ และ รางวัล SAG Nomination วอชิงตันโดดเด่นในอาชีพงานแสดง และได้ให้ความบันเทิงกับผู้ชมมาอย่างต่อเนื่องด้วยการทำให้ผู้ชมตื่นเต้นในสีสันและบทบาทมากมายของเขา
ในปี 2002 วอชิงตันได้รับรางวัลตุ๊กตาทองผู้นำแสดงฝ่ายชายยอดเยี่ยมในบทของนายตำรวจ อัลลองโซ แฮร์ริส แห่งหน่วยตำรวจของลอสแอนเจลิส ในภาพยนตร์ของ อังตวน ฟูควอ เรื่อง Training Day และในปีเดียวกันนั้นเองเขาก็ได้ เริ่มงานกำกับภาพยนตร์เรื่องแรก คือเรื่อง Antwone Fisher ซึ่งตัวเขาเองได้อำนวยการสร้างสร้างและร่วมแสดงด้วย
วอชิงตันได้ผ่านการทำงานกับบริษัทผลิตภาพยนตร์ที่มีชื่อเสียง เขาเคยทำงานกับโทนี่ สก๊อต จากเรื่อง Crimson Tide และร่วมแสดงในภาพยนตร์สามเรื่อง ให้กับเอ็ดเวิร์ด ซวิก: เรื่อง Glory เรื่องนี้เขาได้รางวัลแกรมมี่ผู้แสดงสนับสนุนชายยอดเยี่ยม เรื่อง Courage Under Fire และเรื่อง The Siege สำหรับภาพยนตร์ของ นอร์แมน จูว์วิสัน วอชิงตัน ก็ร่วมแสดงในภาพยนตร์เรื่องแรกของเขาคือเรื่อง A Soldier Story และในปีต่อมาเขาได้รับบทนำในเรื่อง Hurricane ซึ่งจากเรื่องนี้เขาได้รับรางวัลลูกโลกทองคำและได้รับการเสนอชื่อเข้ารับรางวัลตุ๊กตาทองอีกด้วยภาพยนตร์ของ อลัน เจ พาคูล่าเรื่อง The Pelican Brief และของ โจนาธาน เดมซึ่งชนะรางวัลตุ๊กตาทอง เรื่อง Philadelphia และเรื่องที่กำลังจะเข้าฉายเรื่อง Manchurian Candidate
ผลงานภาพยนตร์ของเขายังรวมไปถึงเรื่อง Remember The Titans (ซึ่งเป็นเรื่องที่วอชิงตันได้รับรางวัล NAACP Image ในฐานะนักแสดงที่น่าจับตามองในสาขาภาพยนตร์แนวดราม่า) เรื่อง Out of Time เรื่อง Devil in a Blue Dress เรื่อง John Q เรื่อง For Queen and Country เรื่อง The Mighty Quinn เรื่อง Mississippi Masala เรื่อง Much Ado About Nothing เรื่อง The Preacher's Wife เรื่อง Fallen และเรื่อง The Bone Collector
นอกจากผลงานการแสดงภาพยนตร์แล้วนั้น วอชิงตันยังได้ผลิตสารคดีให้กับ HBO เรื่อง Half Past Autumn: The Life and Works of Gordon Parks ซึ่งได้รับการเสนอชื่อเข้ารับสองรางวัลแกรมมี่ และยังเป็นผู้อำนวยการสร้างบริหารให้กับ เรื่อง Hank Aaron: Chasing the Dream ซึ่งเป็นสารคดีอัตชีวประวัติสำหรับ TBS ซึ่งได้รับการเสนอชื่อเข้ารับรางวัลเอ็มมี่ เขายังได้เป็นผู้บรรยาย เรื่อง John Henry ซึ่งได้รับการเสนอชื่อเข้ารับรางวัลแกรมมี่สำหรับอัลบั้ม Best Spoken Word สำหรับเด็ก ในปี 1996 เขาได้รับรางวัล NAACP Image สำหรับการแสดงในหนังการ์ตูนพิเศษของเด็กเรื่อง Happily Ever After: Rumpelstiltskin
พื้นเพจากเม้าท์เวอร์น่อน นิวยอร์ค วอชิงตันตั้งเข็มตัวเองเกี่ยวกับอาชีพทางด้านยาเมื่อเขาเข้าเรียนที่ มหาวิทยาลัยฟอร์ดแฮม ในระหว่างทำงานเป็นที่ปรึกษาแคมป์ฤดูร้อนที่น่าเบื่อ เขาได้ร่วมแสดงในงานละครเวทีและค้นพบความรักในการแสดง และเมื่อจบการศึกษาจากฟอร์ดแฮม วอชิงตัน ก็ได้เข้าศึกษาในโรงละครที่เลื่องชื่อของ ซานฟรานซิสโกคือ American Conservatory Theater และได้ใช้เวลาหนึ่งปีเรียนหนักเกี่ยวกับวิชาการแสดง และเมื่อเขากลับมานิวยอร์ค การแสดงที่ได้รับรางวัลนอกการสร้างของบอร์ดเวย์ เรื่อง A Soldier's Play ก็ได้รับความสนใจจากฮอลลิวู้ดและทำให้เขาได้รับเลือกให้รับบทในซีรีส์ยอดนิยมทางโทรทัศน์เรื่อง St. Elsewhere ในบทของ ด๊อกเตอร์ ฟิลิป ชานเล่อร์
ดาโกต้า แฟนนิ่ง (ปิต้า รามอส) อยู่ในระหว่างการถ่ายทำภาพยนตร์แนวสยองขวัญฆาตกรรมของทเวนตี้ เซนจูรี่ ฟ๊อกซ์ เรื่อง Hide and Seek โดยเล่นกับโรเบิร์ต เดอ นีโร เธอกลายเป็นนักแสดงที่อายุน้อยที่สุดของวงการ ที่ได้รับการเสนอชื่อในเข้ารับรางวัล Guild Award ทั้งที่อายุเพียง 7 ขวบ ในบทลูกสาวของชายผู้บกพร่องทางจิตซึ่งรับบทโดยชอน เพนน์ เรื่อง I am Sam
นอกจากจะได้รับการเสนอชื่อในรับรางวัล SAG Award แล้วนั้น ดาโกต้ายังได้รับรางวัล นักแสดงยอดเยี่ยมผู้เยาว์ จาก Critics Choice Award ในปี 2001 และยังได้รับรางวัลอื่น ๆ อีกหลายรางวัล
ผลงานการแสดงของเธอยังรวมไปถึง เรื่อง Uptown Girls โดยแสดงกับ บริตานี่ เมอร์ฟี่ เรื่อง The Cat in The Hat ร่วมกับ ไมค์ ไมเยอร์ส เรื่อง Trapped กับชาร์ลิซ เธอร์รอน และเรื่อง Sweet Home Alabama กับ รีส วิทเธอร์สปูน และในจอโทรทัศน์เธอยังได้รับเชิญให้ร่วมแสดงในเรื่อง Friends เรื่อง ER เรื่องStrong Medicine เรื่อง C.S.I. เรื่อง The Practice เรื่อง Malcolm in the Middle เรื่อง Spin City และเรื่อง Ally McBeal
มินิซีรีส์ที่ได้รับการเสนอชื่อเข้ารับรางวัล เอมมี่ของสตีเว่น สปิลเบิร์ก เรื่อง Taken ซึ่งฉายทางช่องนิยายแนววิทยาศาสตร์ที่ได้รับความนิยมอย่างสูง ดาโกต้านอกจากจะให้เสียงบรรยายในทั้งสิบตอนแล้วเธอยังร่วมแสดงเป็นแอลี่ ลูกครึ่งมนุษย์ต่างดาวซึ่งเป็นจุดศูนย์กลางของเรื่องและเป็นหลุมพรางต่อผู้ปกครองของเธอกับรัฐบาลอีกด้วย
คริสโตเฟอร์ วอลค์เกน (เรย์ เบิร์น) ได้รับการเสนอชื่อเข้ารับรางวัลตุ๊กตาทองในฐานะนักแสดงสนับสนุนยอดเยี่ยมในปี 2003 ในบทของพ่อของศิลปินจอมกะล่อนซึ่งรับบทโดย ลีโอนาโด ดิคาปริโอ จากภาพยนตร์ของ สตีเว่น สปีลเบิร์ก เรื่อง Catch Me if You Can ในปี 1978 วอลเก้น ชนะเลิศรางวัลตุ๊กตาทองในฐานะนักแสดงสนับสนุนยอดเยี่ยมในบทบาทที่น่าทึ่งในภาพยนตร์ของ ไมเคิล ซิมิโน เรื่อง The Deer Hunter บทบาทที่ทำให้เขาได้รับรางวัล New York Film Critics Circle Award และได้รับการเสนอชื่อเข้ารับรางวัลลูกโลกทองคำอีกด้วย
อาชีพการแสดงของเขานั้นพุ่งสูงขึ้นหลังจากที่เขาได้รับบทที่ยากจะลืมเลือนเป็น ดูเอน ฮอลล์ พี่ชายของไดแอน คีตัน ซึ่งรับบทเล็ก ๆ ในหนังที่ได้รับรางวัลตุ๊กตาทองภาพยนตร์ยอดเยี่ยมของวู๊ดดี้ อัลเลน เรื่อง Annie Hall และหลังจากนั้นมา วอลเก้นก็ได้ร่วมแสดงในภาพยนตร์อีกมากกว่า 50 เรื่อง ซึ่งรวมทั้ง ภาพยนตร์ของ เฮอร์เบิร์ต รอส ซึ่งได้รับการเสนอชื่อเข้ารับรางวัลตุ๊กตาทองเรื่อง Pennies From Heaven ภาพยนตร์ของ เดวิด โครเนนเบิร์ก ซึ่งดัดแปลงมาจากเรื่องของ สตีเฟน คิงส์ เรื่อง The Dead Zone ภาพยนตร์ของ เจมส์ โฟลีย์ เรื่อง At Close Range โดยแสดงกับ ฌอน เพนน์ ภาพยนตร์ของ ไมค์ นิโคล เรื่อง Biloxi Blues โดยนำมาจากละครของ นีล ไซม่อน ภาพยนตร์ดราม่าฆาตกรรมของ อาเบล เฟอราร่า เรื่อง King of New York และภาพยนตร์แนวคอมมิดี้ของ โจ ร๊อท เรื่อง America's Sweethearts โดยร่วมแสดงกับ จูเลีย โรเบิร์ต กับบิลลี่ คริสตัลและ จอห์น คูเซ็ค
เมื่อไม่นานมานี้วอล์คเกนได้ประสบความสำเร็จในการสร้างสรรค์บทบาทที่น่าจดจำของวงการภาพยนตร์ โดยได้ปรากฎในบทสนับสนุนหลายบทอาทิเช่น รับบทเป็น วินเซนโซ่ คอคโคติ ในภาพยนตร์ของ โทนี่ สก๊อต เรื่อง True Romance บทกัปตันคูนส์ ในภาพยนตร์ของ เควนติน ทาเรนติโน่ เรื่อง Pulp Fiction บทคาร์โล บาร์โตลุชชี่ เรื่อง Suicide Kings บท Headless Horseman ในภาพยนตร์ของทิมเบอร์ตั้นเรื่อง Sleepy Hollow และบทของเม็กซ์ เชร็ค นักธุรกิจจอมโกงในภาพยนตร์ของเบอร์ตั้นเรื่อง Batman Returns
ภาพยนตร์ที่กำลังจะเข้าฉายเรื่องต่อไปของวอลกิ้นรวมไปถึงภาพยนตร์ของ แบรี่ เลวินสัน เรื่อง Envy โดยแสดงกับเบน สติลเลอร์และแจ๊ค แบล๊ค ภาพยนตร์เรื่อง The Stepford Wives โดยแสดงกับ นิโคล คิดแมน และเรื่อง Around The Bend แสดงกับไมเคิล เคนวอลเก้นเริ่มอาชีพการเต้นรำและแสดงด้วยวัยเพียง 10 ขวบ เขาได้รับการฝึกฝนให้เป็นแดนเซอร์ที่ Professional Children's School ในแมนฮัตตั้นและยังได้ร่วมแสดงในละครเวทีและดนตรีอีกหลายเรื่อง เขาได้รับรางวัล Clarence Derwent Award สำหรับการแสดงของบรอดเวย์เรื่อง The Lion in Winter และรางวัล Obie Award สำหรับบทบาทของเขาในเรื่อง The Seagull รางวัล Theatre World Award จากเรื่อง The Rose Tatto และในปี 1997 ได้รับรางวัล Susan Stein Shiva Award สำหรับงานที่เขาร่วมทำกับโจเซฟ แป๊ป ของโรงละครแห่งชาติ
ในฤดูร้อนปี 2001 วอล์คเกนได้ร่วมแสดงอีกครั้งในละครที่กลับมาทำใหม่ของเชคคอฟ เรื่อง The Seagull ในงานเทศกาลนิวยอร์ค เฟลติวัล ซึ่งกำกับโดย ไมค์ นิโคล โดยร่วมแสดงกับ เมอริล สรีปและ เควิน ไคล์น และในฤดูใบไม้ร่วงปี 1999 เขาได้ร่วมแสดงงานละครเวทีดัดแปลงของเจมส์ จอยส์ เรื่อง The Dead
สำหรับงานโทรทัศน์ วอล์คเกนได้ร่วม สร้างเรื่อง Saturday Night Live ถึงหกครั้งตั้งแต่ปี 1990 ได้ร่วมสร้างสรรค์งานเต้นที่น่าทึ่งในกับสไปค์ จอนซ์ ผู้ซึ่งกำกับมิวสิควิดีโอให้กับ วง Fat Boy Slim ในเพลง Weapon of Choice และได้เขียนและกำกับหนังสั้นเรื่อง Popcorn Shrimp ซึ่งออกฉายครั้งแรกในปี 2001
จีอันคาโล จีอันนินี่ (แมนซาโน่) ได้ร่วมแสดงภาพยนตร์มากว่า 100 เรื่อง เขาได้ร่วมงานกับผู้กำกับเลื่องชื่อหลายท่านอาทิเช่น ลูชิโน่ วิสคอนติ, เรนเนอร์ เวอร์เนอร์ ฟาสบินเนอร์, ฟรานซิส ฟอร์ด คอปโปล่า และ ลิน่า เวร์ทมูลเล่อร์ ซึ่งเขาได้ร่วมงามในภาพยนตร์เรื่อง The Seduction of Mimi เรื่อง Swept Away และเรื่อง Seven Beauties
จีอันนินี่ ได้รับการเสนอชื่อเข้ารับรางวัลตุ๊กตาทองในฐานะนักแสดงนำยอดเยี่ยมในบทนำในงานแสดงที่เขาทำให้กับเวร์ทมูลเล่อร์ เรื่อง Seven Beauties ในบทของผู้ร่วมค่ายที่ทำทุกอย่างเพื่อให้มีชีวิตรอด เขาได้รับรางวัลในฐานะนักแสดงยอดเยี่ยมจากเทศกาลหนังเมืองคานส์สำหรับบทบาทนักฆ่านักการเมืองที่ไร้หัวใจซึ่งเป็นภาพยนตร์เรื่อง Love and Anarchy ของ เวิร์ทมูลเล่อร์
ภาพยนตร์เสียงภาษาอังกฤษที่จีอันนินี่ได้ร่วมแสดงอาทิ Hannibal โดยร่วมแสดงกับ แอนโทนี่ ฮอปกิ้น เรื่อง The Disappearance of Garcia Lorca เรื่อง A Walk in a Clouds เรื่อง Mimic และภาพยนตร์ของ ฟรานซิส ฟอร์ด คอพโพล่าส่วนหนึ่งในเรื่อง New York Stories ภาพยนตร์เสียงภาษาอังกฤษยังรวมไปถึงเรื่อง Fever Pitch เรื่อง Saving Grace เรื่อง Secret of Santa Vittorio และเรื่อง Anzio
สำหรับงานด้านโทรทัศน์ จีอันนินี่ได้ร่วมแสดงในมินิซีรี่ส์ เรื่อง Jacob: A TNT Bible Story เรื่อง Dune ซึ่งออกอากาศในช่องวิทยาศาสตร์ เรื่อง Sins โดยแสดงร่วมกับ โจนส์ คอลลินส์ และหนังของ HBO เรื่อง My Life in Umbria เขาเป็นศิษย์เก่าของสถาบัน Rome Theatre Academy จีอันนินี่นินี่เกิดเมื่อ วันที่ 1เดือนสิงหาคม 1942 ที่ เมือง ลา สเปเซีย ประเทศ อิตาลี ราด้า มิทเชล (ลิซ่า รามอส) ได้รับบทนำในภาพยนตร์ของวู๊ดดี้ อัลเลนเรื่อง Melin and Melinda ซึ่งจะออกฉายเร็ว ๆ นี้จากฟ๊อกซ เซิร์ชไลท์ พิคเจอร์ส และอีกเรื่องที่กำลังจะตามมาคือเรื่อง Neverland โดยร่วมแสดงกับ จอห์นี่ เดปป์ เคธ วินสเลทและดัสติน ฮอฟแมน และโดยผู้กำกับ มาร์ค ฟอร์สเตอร์ (เรื่อง Monster's Ball และภาพยนตร์แนวสยองขวัญที่กำลังจะเข้าฉายเรื่อง Stay) มิทเชล ยังได้ร่วมงานกับฟอร์สเตอร์ในปี 2000 เมื่อเธอได้ร่วมแสดงและร่วมสร้างภาพยนตร์ที่ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัล Independent Spirit Award เรื่อง Everything Put Together มิทเชล ร่วมแสดงกับคอลลิน ฟาร์เรลในภาพยนตร์ของ โจเอล ชูมักเกอร์ เรื่อง Phone Booth และร่วมแสดงกับวิน ดีเซลและ โคล เฮ้าเซอร์ ในหนังบ๊อกซ์ ออฟฟิศ ยอดฮิตเรื่อง Pitch Black มิทเชล ได้แสดงในบทบาทที่น่าจดจำเป็น ซิด ซึ่งเป็นผู้ช่วยบรรณาธิการสาวที่ตกหลุมรักอัลลี่ ชีดี้ ช่างภาพขี้ยาในภาพยนตร์ที่ได้รับการวิพากษ์วิจารณ์เป็นอย่างสูงของ ลิซ่า โชโลเดอร์กี้ เรื่อง High Art บทบาทในภาพยนตร์ โรแมนติคดราม่า ของเอ็มม่า เคธ โครแกน เรื่อง Love and Other Catastrophes ได้รับคำชมจากเทศกาลหนังเมืองคานน์ส และเมืองซันแดนซ์เป็นอย่างมาก
ภาพยนตร์หลายเรื่องที่เธอร่วมแสดงยังรวมถึงเรื่อง When Strangers Appear ให้กับจอร์จ ลูคัส และงานภาพยนตร์อิสระ เรื่อง Dead Heat โดยแสดงกับ คีเฟอร์ ซัทเทอร์แลนด์ และแอนโทนี่ ลาพาเกลีย เรื่อง Nobody's Baby โดยแสดงกับแกรี่ โอล์ดแมน และภาพยนตร์ของ โรดริโก้ การ์เซีย เรื่อง Ten Tiny Love Stories ในภาพยนตร์โทรทัศน์เธอได้ร่วมแสดงกับแฮงค์ อาซาเรียและโดนัล ซัทเธอร์แลนด์ในมินิซีรีส์เรื่อง Uprising ให้กับผู้กำกับ จอห์น เอฟเนธ เธอเกิดและโตที่เมลเบิร์น ประเทศออสเตรเลีย มิทเชลเรี่มต้นงานอาชีพการแสดงทางโทรทัศน์ของออสเตรเลียตั้งแต่เธอยังศึกษาอยู่มัธยม
มาร์ค แอนโทนี่ (แซมมวล รามอส) เป็นผู้ได้รับรางวัลชนะเลิศแกรมมี่เป็นซุปเปอร์สตาร์ในวงการเพลงป๊อปและเพลงซัลซ่าและยังเป็นนักแสดงอีกด้วย แอนโทนี่ร่วมแสดงในบทบาทของ โนแอล ซึ่งเป็นภาพยนตร์ของ มาร์ติน สกอร์เซส เรื่อง Bringing Out The Dead และได้รับคำชมสำหรับบทบาทของพนักงานเสริฟผู้เงียบขรึม โดยเป็นตัวแทนถ่ายทอดจิตวิญญาณของหนังในภาพยนตร์ของ แคมป์เบล สก๊อต และ สแตนลี่ย์ ตูทซี่ เรื่อง Big Night แอนโทนี่รับบทเป็นสายลับในภาพยนตร์เรื่อง Hackers และเป็นเด็กมีปัญหาเมื่อปี 1996 ในภาพยนตร์เรื่อง The Substitute กับ ทอม บีเรนเจอร์
แอนโทนี่ ยังได้ร่วมแสดงกับ เซลม่า ฮาเย็ค ในภาพยนตร์ของโชว์ไทม์ ออริจินัล เรื่อง In the Time of The Butterfliesในผลงานของบรอดเวย์ เขาได้ผสมผสานความเป็นศิลปินเพลงและการแสดงเข้าเป็นบทเดียวกัน โดยร่วมแสดงในภาพยนตร์เพลงของ พอล ไซม่อน เรื่อง The Capeman ร่วมกับรูเบน เบลดส์และของเปอร์โตริโก้ อย่าง เอดนิต้า นาซาริโอ้ แอนโธนี่ได้อัดเพลงให้กับภาพยนตร์ของบล๊อคบัสเตอร์เรื่อง The Mask of Zorro โดยร่วมกับซุปเปอร์สตาร์ชาวออสเตรเลียคือ ทีน่า อารีน่า เพลงคลาสสิคของโซนี่มิวสิคชื่อ I Want To Spend My Lifetime Loving You ซึ่งเรียบเรียงโดย เจมส์ ฮอร์เนอร์ ผู้ซึ่งได้รับรางวัลตุ๊กตาทอง และแต่งโดย วิลล์ เจนนิ่งส์ มาร์โก้ อันโตนิโย่ มูนิส เกิดในถิ่นสเปนิชฮาเร็มของนครนิวยอร์คจากครอบครัวเปอร์โตริโก้ บิดาซึ่งเป็นนักดนตรีเป็นผู้ตั้งชื่อให้กับเขาจากนักร้องชื่อดังชาวเม็กซิกัน แอนโทนี่เปลี่ยนชื่อตัวเองทางการแสดงเพื่อไม่ให้สับสนกับนักร้องที่เป็นตำนานคนนั้น เขาเริ่มต้นอาชีพการแสดงเมื่อเขาเป็นวัยรุ่น โดยร้องเพลงแบ๊คอัพให้กับเพลงอังกฤษเต้นรำดนตรีฟรีสไตล์และเพลงเพนนิ่งให้กับศิลปินหลายคน และในที่สุดแอนโทนี่ก็ตัดสินใจมุ่งมั่นกับเพลงซัลซ่าซึ่งเขาได้ผสมผสานท่วงทำนองอย่างชาวเปอร์โตริกันดั้งเดิมเข้ากับดนตรีร่วมสมัยจากเมืองนิวยอร์ค ซิตี้ที่เขาเติบโตขึ้นมา
สามอัลบั้มแรกของเขานั้น - Otra Nota (ปี 1993) Todo A Su Tiempo (ปี 1995) และ Contra La Corriente (ซึ่งเขาได้รับรางวัลแกรมมี่ Best Tropical Performance ในปี 1998) - ทำให้แอนโทนี่เป็นศิลปิน ทรอปิคัล/ซัลซ่า ที่มียอดขายสูงที่สุดในโลก ผลงานเพลงภาษาอังกฤษ ในชื่อ มาร์ค แอนโทนี่ ก่อให้เกิด เพลงฮิตติดอันดับท๊อปเทน เพลง I Need You to Know และเพลงอันดับหนึ่ง Adult Contemporary ชื่อ You Sang To Me มาร์ค แอนโทนี่ได้รับการยกฐานะแพลทตินั่ม RIAA เขายังได้รับรางวัลแกรมมี่สำหรับเพลงภาษาละตินในปี 2000 จากเพลง Dimeo และภาคภาษาสเปนของเพลง I Need to Know และอัมบั้มที่ทุกคนรอคอยตามมาอีก คือ Mended ซึ่งได้เป็นอันดับสองของบิลบอร์ดจากเพลงฮิต 200 เพลงในอาทิตย์แรกที่ออกวางจำหน่ายในเดือน พฤษภาคม ปี 2002 และยังขายดีต่อเนื่องมากกว่า 1.3 ล้านแผ่นทั่วโลกอีกด้วย
แอนโทนี่ยังได้เล่นคอนเสริต์ที่ขายบัตรเต็มทุกที่นั่งที่แมดิสัน สแควร์ การ์เด้นถึงห้ารอบ และหนึ่งในการแสดงที่น่าตื่นเต้นของเขานั้นได้รับการบันทึกสำหรับ HBO สเปเชี่ยลภายใต้ชื่อ มาร์ค แอนโทนี่ คอนเสริต์จากเมดิสัน สแควร์ การ์เด้น สำหรับการแสดงพิเศษเพลงภาษาอังกฤษของแอนโทนี่นั้นได้รับความนิยมพอกับเพลงภาษาสเปนซึ่งอัลบั้มเพลงซัลซ่าหลายชุดนั้นทำให้เขาได้รับการยอมรับว่าเป็นนักร้องเพลงซัลซ่าที่ขายดีที่สุดของโลกที่เดียว
ราเชล ติโคติน (มาเรียน่า) เธอได้รับบทสำคัญหลายบทจากภาพยนตร์เรื่อง Con Air เรื่อง Turbulence เรื่อง Falling Down และเรื่อง Natural Born Killers เธอเริ่มต้นอาชีพการแสดงในบทแฟนสาวของ พอล นิวแมนจากภาพยนตร์เรื่อง Fort Apache เรื่อง The Bronx และยังได้รับบทต่อสู้กับพวกกบฎโดยแสดงกับ อาร์โนลด ซวาซเนกเกอร์ ในภาพยนตร์ของ พอล เวอร์โฮเวน เรื่อง Total Recall ผลงานภาพยนตร์เรื่องอื่น ๆ ของเธอนั้นรวมไปถึงเรื่อ Steal Big, Steal Little เรื่อง One Good Cop เรื่อง FX 2 เรื่อง Critical Condition เรื่อง Civility และเรื่อง Can't be Heaven
เธอเกิดในนิวยอร์คจากพ่อแม่ชาวโดมินิกัน ติโคติน เข้าศึกษาที่ High School of Music and Art จากโรงเรียน The Professional Children's School และจากสถาบัน Ballet Hispanico of New York
ในทางโทรทัศน์ เธอได้ร่วมแสดงประจำในซีรีส์ เรื่อง For Love and Honor เรื่อง Ohara และเรื่อง Crime and Punishment
มิคกี้ เริร์ก (จอร์แดน) ผลงานที่สร้างชื่อของเขารวมไปถึง เรื่อง 9 ? Week เรื่อง Year of the Dragon เรื่อง Barfly และเรื่อง Angel Heart เขาได้รับความสนใจจากวงการฮอลลิวู๊ดจากบทบาทของ นักลอบวางเพลิงมืออาชีพในภาพยนตร์ของ ลอเรนซ์ คาสเดนเรื่อง Body Heat และบทของช่างผมที่หนี้สิ้นท่วมหัวในภาพยนตร์ของ แบรี่ เลวินสัน เรื่อง Diner ในบทบาทของ หนุ่มน้อยนักบิด ในภาพยนตร์ของ ฟรานซิส ฟอร์ด คอพโพลา ในภาคของ เฮช อี ฮินตั้น เรื่อง Rumble Fish ทำให้เขาได้ฉายแสงความเป็นดาราครั้งแรกในภาพยนตร์ของ พอล เมาเซอร์สกี้ เรื่อง The People of Greenwich Village โดยแสดงกับ อีริค โรเบิร์ตส์ เริร์กยังได้ร่วมแสดงในภาพยนตร์เรื่อง Once Upon a Time in Maxico เรื่อง The Rainmaker และเรื่อง The Pledge เขาเกิดและโตในเมือง ลิเบอร์ตี้ ซิตี้ รัฐ ฟลอริด้า เขาดูท่าจะเอาดีทางการกีฬาทั้งการเล่นเบสบอลและการชกมวย เขาได้เรียนการแสดงที่นิวยอร์คกับ ซานดร้า ซีแคทและได้ร่วมเล่นในละครนอกบรอดเวย์อีกหลายเรื่องก่อนที่จะย้ายมาอยู่ในลอสเองเจิ้ลลิส
ทีมงาน
โทนี่ สก๊อต (ผู้สร้างและผู้กำกับการแสดง) เขาเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านเทคนิคสัญชาติญาณสมดุลย์เสมือนจริง และยังโดดเด่นในความฟุ่มเฟือยของจังหวะในการสร้างสรรค์ภาพยนตร์หลายต่อหลายเรื่อง ด้วยโครงการภาพยนตร์อีกหลายเรื่องที่จะเข้าฉาย สก๊อตมีงานเข้ามาอย่างมากมายนี่เองทำให้เขาจัดว่าเป็นหนึ่งในผู้กำกับ ฮอลลิวู้ดที่ประสบความสำเร็จมากที่สุด
ในปี 2001 สก๊อตได้เป็นผู้กำกับการแสดงให้กับภาพยนตร์ที่ประกบสองดาราเลื่องชื่อคือเรื่อง Spy Game และภาพยนตร์แนวฆาตกรรมอำพรางที่ประกบ โรเบิร์ต เรดฟอร์ดกับแบรด พิทท์เข้าด้วยกันเป็นครั้งแรกในปี 1992 เรื่อง A River Runs Through It ความสามารถของสก๊อตในการที่จะเป็นผู้นำในบ๊อกซ์ออฟฟิศจากการผสมผสานของวัตถุและความสามารถถูกทำให้เห็นอย่างเด่นชัดจากภาพยนตร์เรื่องล่าสุดของเขาคือเรื่อง Enemy of The State ซึ่งนำแสดงโดย วิลล์ สมิธ และ ยีน แฮ๊คแมน สร้างโดย เจอร์รี่ บรั๊คไฮม์เมอร์ เป็นเรื่องฆาตกรรมในวงการเมืองได้เป็นภาพยนตร์ที่ได้รับความนิยมเรื่องหนี่งในปี 1998 และในปีเดียวกันนั้นเอง ก็ได้กำกับอีกภาคของซีรีส์ทางเคเบิ้ลเรื่อง The Hunger ที่มีสามภาค ร่วมกับ จีโอวานี่ ริบิซี่ และ เดวิด โบวี่ ซึ่งเป็นการดัดแปลงมาจากภาพยนตร์ของเขาในปี 1983
ในปี 1986 สก๊อตได้ร่วมงานในโครงการภาพยนตร์ หมื่นล้านกับผู้กำกับหลายคนขอบคุณสำหรับความสำเร็จในงานหนังสองเรื่องล่าสุดของเขา ดารานำแสดงผู้ได้รับรางวัลชนะเลิศตุ๊กตาทองคือ แดนเซิล วอชิงตัน และ ยีน แฮ๊คแมน ในบทผู้บังคับบัญชาของเรือดำน้ำพลังนิวเคลียร์ เรื่อง Crimson Tide เป็นหนังตื่นเต้นเร้าใจแนวฆาตกรรมที่ได้รับการวิพากษ์วิจารณ์และความนิยมเป็นอันมาก สก๊อตยังได้กำกับเรื่องต่อมาคือเรื่อง The Fan ซึ่ง โรเบิร์ต เดอ นิโร่ แสดงเป็นคนดูผู้คลั่งไคล้ และไล่ตามดาราเบสบอลผู้สวมบทบาทโดย เวสลี่ย์ สไนปส์ เขาเกิดในเมือง นิวคาสเซิล ไทน์ แอนด์ แวร์ ประเทศอังกฤษ สก๊อต เข้าเรียนที่ Sunderland Art School ซึ่งเขาได้รับปริญญาทางการเขียนภาพ ในระหว่างอีกหนึ่งปีที่จะจบการศึกษาจาก วิทยาลัย Leeds นั้นเขาก็เริ่มให้ความสนใจในงานภาพยนตร์และได้ทำหนังเรื่อง One of The Missing ซึ่งเป็นหนังที่มีความยาวครึ่งชั่วโมงโดยใช้ทุนการสร้างจาก British Film Institute โดยได้เค้าโครงเรื่องมาจากเรื่องสั้นที่เขียนโดย แอมโบรซ เบียซ เขายังได้ศึกษาต่อขั้นปริญญาโทจาก Royal College of Arts โดยได้ทำภาพยนตร์อีกหนึ่งเรื่องให้กับ British Film Institute เรื่อง Loving Memory จากบทภาพยนตร์ต้นแบบและให้ทุนโดย อัลเบิร์ต ฟินนี่
ในปี 1973 สก๊อตเข้าหุ้นกับพี่ชายของเขาคือ ริดรี่ย์ ในการก่อตั้ง บริษัทสร้างภาพยนตร์ในลอนดอนชื่อ RSA และในทศวรรษต่อมาสก๊อตก็ได้สร้างภาพยนตร์ที่ให้ทั้งความบันเทิง ความน่าจดจำ มีชื่อเสียงและรายได้งดงามให้กับวงการบันเทิงมากมาย รวมทั้งได้รับรางวัล CLIO หลายรางวัล และยังได้รางวัลสิงห์โตเงินและสิงห์โตทอง จากเทศกาลหนังโทรทัศน์และภาพยนตร์ ที่เมือง คานส์ และรวมทั้งรางวัลทรงเกียรติจากกรุงลอนดอน คือรางวัล Designers & Art Director Award อีกด้วย
สก๊อตตเริ่มงานภาพยนตร์ในปี 1983 กับภาพยนตร์เรื่องผีดูดเลือดนำสมัยเรื่อง The Hunger นำแสดงโดย แคทเธอรีน เดนนูฟ เดวิด โบวี่และซูซาน ซาแรนดอน ต่อมาอีก 3 ปี เขาก็ได้กำกับ ทอม ครุยส์ และ แคลลี่ แม๊คกิลลิส์ ในภาพยนตร์ของบล๊อคบัสเตอร์เรื่อง Top Gun ซึ่งการต่อสู้เร้าใจทางอากาศทำให้ภาพยนตร์เรื่องนี้ได้รับความนิยมจากทั่วโลก สก๊อตยืนยันความเป็นที่หนึ่งในผู้กำกับภาพยนตร์แนวแอคชั่นของฮอลลิวู๊ดโดยในปีต่อมาได้กำกับภาพยนตร์เรื่อง Beverly Hills Cop II ซึ่งแสดงนำโดย เอ๊ดดี้ เมอร์ฟี่
ในระยะเวลา 5 ปีที่ผ่านมา สก๊อตก็ได้กำกับภาพยนตร์อีก 4 เรื่อง รวมไปถึง เรื่อง Revenge (ปี 1988 ) กับเควิน คอสเนอร์และ แอนโทนี่ ควินน์ เรื่อง Day of Thunder (ปี 1990) แสดงโดย ทอม ครุยส์และโรเบิร์ต ดูวัล เรื่อง The Last Boy Scout (ปี 1991) แสดงโดย บรูซ วิลลิส และเรื่องที่ได้รับการวิพากษ์วิจารณ์เรื่อง True Romance (ปี 1993) แสดงโดย คริสเตียน สเลเตอร์ โรเซียน่า อาร์เควตต์และ คริสโตเฟอร์ วอลเก้น ซึ่งเขียนบทภาพยนตร์โดย เควนติน ทาแรนติโน่
ในต้นปี 1995 พี่น้อง สก๊อต ได้เป็นที่กล่าวขวัญในวงการภาพยนตร์อังกฤษโดยได้ซื้อ สตูดิโอที่เป็นตำนาน คือ Shepperton Studios ตั้งอยู่ทางตะวันตกของกรุงลอนดอน ซึ่งเป็นที่ที่ผ่านการผลิตภาพยนตร์มากว่า หกร้อยเรื่อง
(ยังมีต่อ)
-นท-

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ