กรุงเทพฯ--23 เม.ย.--ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด
- เศรษฐีไทยโดยเฉลี่ยมั่นใจว่าจะหาเงินได้100 ล้านบาทภายใน 10 ปี
- ยังชอบลงทุนในสิ่งที่คุ้นเคย และสินทรัพย์ที่จับต้องได้ เช่น ฝากเงินกินดอกเบี้ย และลงทุนในทอง/ที่ดิน
- มองเงินกู้เป็นเครื่องมือสร้างความมั่งคั่ง หากทำอย่างระมัดระวัง
ล่าสุด ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ดเผยผลสำรวจลูกค้ากลุ่มธนาคารพิเศษ ซึ่งมีเงินฝากสูงกว่า 43 ล้านบาทขึ้นไปกว่า 2,800 คนใน 9 ตลาดหลักในเอเชีย พบว่าโดยเฉลี่ยลูกค้ายังมีความมั่นใจในการสร้างความมั่งคั่งอยู่ในเกณฑ์ที่สูง (77%) ต่ำกว่าผลการสำรวจในปีที่แล้ว (81%) เล็กน้อย เนื่องจากที่ผ่านมาตลาดการลงทุนในเอเชียไม่สดใสนัก ดังจะเห็นได้ว่าตลาดหุ้นในจีน (เซี่ยงไฮ้ และเสิ่นเจิ้น), อินเดีย (ตลาดหลักทรัพย์แห่งอินเดีย และตลาดหลักทรัพย์ในมุมไบ) และสิงคโปร์ต่างก็ซบเซากว่าที่คาดการณ์ไว้
ผลการสำรวจแสดงให้เห็นว่าเศรษฐีในอินโดนีเซีย และอินเดียยังมองอนาคตในการสร้างความมั่งคั่งสดใสกว่าประเทศอื่นๆ ด้วยระดับความมั่นใจที่ 98% และ 88% ตามลำดับ ตามมาด้วยเศรษฐีจีน และไทยที่ระดับ 78% เท่ากัน โดยเฉลี่ยแล้วเศรษฐีเอเชียตั้งเป้าว่าจะสามารถสร้างเงินให้งอกเงยขึ้นไม่ต่ำกว่า 124 ล้านบาท (4 ล้านเหรียญสหรัฐ) ภายใน 10 ปี นั่นหมายความว่าเศรษฐีเอเชียเหล่านี้ ต้องการผลตอบแทนไม่ต่ำกว่าปีละ 12% ส่วนเศรษฐีไทยโดยเฉลี่ยตั้งเป้าไว้ที่ 100 ล้านบาทใน 10 ปี ผลการสำรวจที่น่าสนใจอื่นๆ มีดังต่อไปนี้:
- เริ่มมองการลงทุนในตลาดต่างประเทศ — จากเดิมที่เศรษฐีเอเชียลงทุนเฉพาะในตลาดที่ตนคุ้นเคย จะว่าไปแล้ว ก็คือลงทุนเฉพาะในบ้านของตนเท่านั้น แต่ 5 ปีหลังมานี้ เศรษฐีเอเชียจัดพอร์ตการลงทุนของตนเองให้มีการกระจายความเสี่ยงไปยังตลาดต่างประเทศมากขึ้น โดย 1 ใน 3 ของลูกค้าที่ถูกสำรวจสนใจที่จะลงทุนในตลาดการลงทุนในภูมิภาคยุโรป และอเมริกาเหนือ
- เลือกลงทุนในสินทรัพย์ที่จับต้องได้ — 3 อันดับแรกที่เศรษฐีเอเชียนิยมลงทุน ได้แก่ เงินฝากออมทรัพย์ที่ให้ดอกเบี้ยสูง การลงทุนในทอง และการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ นั่นแสดงให้เห็นว่าชาวเอเชียยังมีค่านิยมในการลงทุนในสิ่งที่จับต้องได้ จากผลสำรวจพบว่าเศรษฐีเหล่านี้เลือกกระจายความเสี่ยงในผลิตภัณฑ์ด้านการลงทุนโดยเฉลี่ย 3.3 ผลิตภัณฑ์
- มองเครดิตเป็นเครื่องมือสร้างความมั่งคั่ง — เศรษฐีเอเชียไม่เพียงแต่ลงทุนเพื่อเพิ่มความมั่งคั่งเท่านั้น หากมองว่าผลิตภัณฑ์ประเภทสินเชื่อบุคคล สินเชื่อบ้าน หรือสินเชื่อธุรกิจ คือเครดิตที่เป็นเครื่องมือเพื่อสร้างความมั่งคั่งแบบหนึ่ง แม้คนส่วนใหญ่ (38%) ยังไม่อยากก่อหนี้ แต่ 30% ของผู้ถูกสำรวจก็มองว่าหากใช้เครดิตด้วยความระมัดระวัง ก็เป็นวิธีที่ดีอีกอย่างในการเพิ่มผลตอบแทนการลงทุน
เมื่อถามถึงปัจจัยที่มีผลต่อการเลือกใช้บริการของธนาคารใดธนาคารหนึ่งก่อนเริ่มใช้บริการ ลูกค้ากว่า 72% ตอบว่าเลือกจากชื่อเสียงและแบรนด์ของธนาคารเป็นอย่างแรก แต่เมื่อใช้บริการแล้ว พบว่าคุณภาพของการให้บริการเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด ทั้งนี้ ลูกค้าต่างมองธนาคารในอนาคตจะต้องให้ความสำคัญใน 3 เรื่องหลัก ได้แก่ การให้ความรู้แก่ลูกค้าในด้านการลงทุนมากขึ้น ใช้เทคโนโลยีเพื่อช่วยอำนวยความสะดวกในการลงทุนแก่ลูกค้ามากยิ่งขึ้น และสามารถให้คำปรึกษาแนะนำที่เป็นประโยชน์ในการลงทุนแก่ลูกค้าได้
หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติม ติดต่อ
พินทิพย์ เอี่ยมนิรัตน์
โทร. 02 724 8022
อีเมล์ Pintip.Iamnirath@sc.com