กรุงเทพฯ--23 เม.ย.--TK park
เมื่อวันที่ 20 เมษายน 2555 ได้มีพิธีการลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือระหว่าง 4 หน่วยงาน ประกอบด้วย กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร , กระทรวงศึกษาธิการ , กระทรวงวัฒนธรรม และสำนักงานอุทยานการเรียนรู้(สอร.)TK park สำนักงานบริหารและพัฒนาองค์ความรู้(องค์การมหาชน) สังกัดสำนักนายกรัฐมนตรี ใน“โครงการเรียนรู้...สนุกเล่น...หยั่งลึกสัมผัสไทย”(เผยแพร่องค์ความรู้สู่สาธารณะ)เพื่อร่วมกันพัฒนาและขับเคลื่อนการเรียนรู้ และกระจายองค์ความรู้ต่างๆของไทย ปลูกฝั่งในกลุ่มเด็กและเยาวชนให้กว้างขวางครอบคลุมในทุกภาคส่วนของประเทศมากยิ่งขึ้น เพื่อให้สังคมไทยก้าวไปสู่สังคมแห่งการเรียนรู้ทัดเทียมกับนานาประเทศที่พัฒนาแล้วได้อย่างเป็นรูปธรรมและยั่งยืน
นายปราโมทย์ วิทยาสุข ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารและพัฒนาองค์ความรู้ (องค์การมหาชน) สบร. กล่าวว่า สำนักงานอุทยานการเรียนรู้ สำนักงานบริหารและพัฒนาองค์ความรู้ สังกัดสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะเป็นองค์กรที่มีพันธกิจหลักในการสร้างสรรค์แหล่งเรียนรู้ การสร้างทัศนคติและปลูกฝังนิสัยรักการอ่าน การคิด และการแสวงหาความรู้ในกลุ่มเด็กและเยาวชน การลงนามครั้งนี้จึงถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีที่หน่วยงานที่มีบทบาทด้านการศึกษาและการเรียนรู้ทั้ง 4 หน่วยงาน จะได้ร่วมมือกันในการเผยแพร่องค์ความรู้ที่มีคุณค่า และจะเป็นการริเริ่มและสร้างสรรค์โครงการใหม่ๆอีกหลายโครงการ เพื่อสร้างสังคมแห่งการเรียนรู้ให้กับเด็กและเยาวชนไทย รวมถึงช่วยลดช่องว่างในการเข้าถึงความรู้ของเด็กไทยทั้งในพื้นที่ใกล้หรือห่างไกลได้อย่างเท่าเทียมกัน
“ภายใต้ความร่วมมือนี้ ทั้ง 4 หน่วยงานจะร่วมกันดำเนิน“โครงการเรียนรู้...สนุกเล่น...หยั่งลึกสัมผัสไทย”(เผยแพร่องค์ความรู้สู่สาธารณะ)โดยการส่งมอบสื่อการเรียนรู้อิเล็กทรอนิกส์ของสอร.ทุกชุด พร้อมจัดอบรมการใช้สื่อการเรียนรู้อย่างมีประสิทธิภาพ ให้แก่บุคลากรของโรงเรียนในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) และศูนย์การเรียนรู้ไอซีทีชุมชนนำร่อง ปีละ 200 แห่ง และจะเริ่มจัดอบรมครั้งแรกประมาณเดือนมิถุนายนนี้ ซึ่งจะมีโรงเรียนและศูนย์ไอซีทีชุมชน ที่ได้รับมอบสื่อการเรียนรู้จำนวน 202 แห่ง พร้อมรับการอบรมความรู้เกี่ยวกับการใช้สื่อส่งเสริมการเรียนรู้ รวม 212 คน ครอบคลุมพื้นที่ทุกจังหวัดทั่วประเทศ คาดว่า จะมีเด็กและเยาวชนได้รับประโยชน์จากโครงการนี้ไม่น้อยกว่า 100,000 คน
นอกจากนี้ เนื้อหาสาระที่เกิดจากการพัฒนาร่วมกันระหว่าง 4 หน่วยงาน จะสามารถนำเสนอและเผยแพร่ผ่านอุปกรณ์ไอทีทุกประเภทที่เป็นช่องทางเพื่อการเรียนรู้ ไม่ว่าจะเป็นคอมพิวเตอร์พีซี โน๊ตบุ๊ค แท็บเล็ต และสมาร์ทโฟน เป็นต้น ซึ่งจะทำให้การเข้าถึงองค์ความรู้เป็นไปอย่างสอดคล้องกับพฤติกรรมของเยาวชนและประชาชนคนรุ่นใหม่”
นางวิลาวัณย์ ทรัพย์พันแสน ผู้อำนวยการสำนักหอสมุดแห่งชาติ กรมศิลปากร กระทรวงวัฒนธรรม ได้กล่าวถึงความร่วมมือในครั้งนี้ว่า ในฐานะหน่วยงานที่มีหน้าที่รับผิดชอบในการอนุรักษ์ สร้างสรรค์ เผยแพร่ และสืบทอดศิลปะวิทยาการ มรดกศิลปวัฒนธรรมของชาติ ทั้งด้านโบราณสถาน โบราณวัตถุ เอกสาร หนังสือและศิลปกรรมต่างๆ ซึ่งการดำเนินงานของกลุ่มเครือข่ายด้านมรดกศิลปวัฒนธรรม เป็น 1 ใน 3 กลุ่มเครือข่ายของกรมศิลปากร ได้มีการจัดทำข้อมูล องค์ความรู้ที่สำคัญและจำเป็น เพื่อเผยแพร่สู่สาธารณชน สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของภาคีทั้ง 3 หน่วยงาน เพื่อร่วมกันขยายโอกาสการเข้าถึงองค์ความรู้ที่มีสาระความเป็นไทย ตลอดจนสร้างจิตสำนึกค่านิยมความเป็นไทย
ด้านนายพิษณุ ตุลสุข รองเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน(สพฐ.)กระทรวงศึกษาธิการ กล่าวด้วยว่า โครงการเรียนรู้...สนุกเล่น...หยั่งลึกสัมผัสไทย (เผยแพร่องค์ความรู้สู่สาธารณะ)นี้ จะเป็นแนวทางหนึ่งของการส่งเสริมและพัฒนาการศึกษาให้มีความก้าวหน้ายิ่งขึ้น โดยเฉพาะก่อให้เกิดประโยชน์ต่อครูและนักเรียนในสังกัดสพฐ. อีกทั้งช่วยเสริมให้มีช่องทางการเรียนการสอนเพิ่มมากขึ้น ส่งผลให้ระบบการเรียนการสอนของครูและนักเรียนไทยประสบความสำเร็จได้ ถือเป็นโครงการสร้างสรรค์และพัฒนาสื่ออิเล็กทรอนิกส์ที่มีคุณภาพเป็นประโยชน์ต่อวงการศึกษาของไทย
“โดยโครงการฯ นี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่สื่ออิเล็กทรอนิกส์ สื่อการเรียนรู้ประเภท Audio และ e-Book ที่มีสาระหรือองค์ความรู้ที่มีคุณค่าและประโยชน์ต่อการศึกษาหาความรู้ เช่น ขุมทรัพย์ของแผ่นดิน ซึ่งเป็นการนำสิ่งที่เราเข้าถึงยากออกมาเผยแพร่สู่สาธารณะ จึงเห็นว่าสื่อต่างๆที่พัฒนาขึ้นตามโครงการนี้ จะสามารถนำมาใช้เป็นเครื่องมือจัดกิจกรรมการเรียนการสอนตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน การสร้างเสริมทักษะที่จำเป็นในศตวรรษที่ 21 ตลอดจนการสร้างเสริมความภาคภูมิใจในความเป็นไทย และส่งเสริมคุณธรรมจริยธรรมได้เป็นอย่างดี โดยจะมีการนำสื่อดังกล่าวไปเผยแพร่ลงในเว็บไซต์ของสพฐ.เพื่อให้ง่ายต่อการใช้งานในลักษณะอินทราเน็ต หรือ บรรจุเป็นชุดดีวีดี เพื่อการเรียนรู้เป็นรายบุคคลแบบออฟไลน์ต่อไป
เชื่อว่า ความร่วมมือของ 4 หน่วยงานครั้งนี้ จะเป็นพลังในการขับเคลื่อนที่สำคัญในการยกระดับคุณภาพของเด็ก เยาวชน และประชาชนของไทย ให้ก้าวสู่ประชาคมอาเซียน และประชาคมโลกได้อย่างเข้มแข็ง”
นางจีราวรรณ บุญเพิ่ม ปลัดกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร กล่าวในตอนท้ายว่า ในฐานะหน่วยงานหลักในการส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารให้กับประชาชน เพื่อให้เกิดความเท่าเทียมกัน ยุทธศาสตร์หนึ่งที่สำคัญคือการลดช่องว่างในการเข้าถึงและการใช้ประโยชน์ของเทคโนโลยีสารสนเทศในกลุ่มคนต่างๆและคนที่อยู่ในพื้นที่ต่างๆ โดยตั้งแต่ปี 2550 ได้ดำเนินการจัดตั้งศูนย์การเรียนรู้ไอซีทีชุมชนขึ้นในชุมชนห่างไกลถึง 1,880 แห่งครบทุกอำเภอทั่วประเทศ และในปีงบประมาณ 2556 ตั้งเป้าเพิ่มอีก 1,500 แห่ง เพื่อให้ครบทุกตำบล
“หลังจากได้กระจายศูนย์การเรียนรู้ไอซีทีชุมชนให้ครอบคลุมทั่วภูมิภาคแล้ว ในวันนี้เราต้องหันมาดูเรื่องของเนื้อหาสาระที่เป็นประโยชน์ต่อชุมชน โดยเฉพาะกับเด็กและเยาวชนได้เข้าถึงสาระที่เหมาะสมและเป็นประโยชน์จริงๆ เช่น เกม หรือสื่อการเรียนรู้ที่ TK park พัฒนาขึ้น มีเนื้อหาที่ไม่มีความรุนแรงช่วยให้เด็กๆ ได้เล่นเกมอย่างสร้างสรรค์และยังได้เรียนรู้ภาษาอังกฤษ ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อตัวเด็กเอง ดังนั้น จึงเห็นด้วยกับโครงการความร่วมมือที่ TK park ริเริ่มขึ้นในครั้งนี้ ทางกระทรวงไอซีทีก็พร้อมสนับสนุนให้มีการสร้างเนื้อหาสาระที่เป็นประโยชน์ให้เพิ่มขึ้นอีก โดยเฉพาะสาระที่เป็น Edutainment และหวังอย่างยิ่งว่า ความร่วมมือของ 4 หน่วยงานในครั้งนี้ จะเป็นจุดเริ่มต้นของความร่วมมือและประสานงานด้านอื่นๆ ในโอกาสต่อไป”