กรุงเทพฯ--25 เม.ย.--พีอาร์ แอนด์ แอสโซซิเอส
นายสุรพงษ์ เลาหะอัญญา ผู้อำนวยการใหญ่สายปฏิบัติการ บริษัทระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ผู้ให้บริการรถไฟฟ้า บีทีเอส และกรรมการบริหาร บริษัท บางกอก สมาร์ทการ์ด ซิสเทม จำกัด (BSS) ซึ่งเป็นบริษัทในเครือบีทีเอส กรุ๊ป เปิดเผยว่า บริษัทฯ จะนำสมาร์ทการ์ดที่เรียกว่า “Rabbit (แรบบิท)” ซึ่งเป็นระบบตั๋วร่วมสำหรับระบบขนส่งมวลชน และยังสามารถนำไปใช้ชำระค่าสินค้าและบริการที่ร้านค้า มาใช้อย่างเป็นทางการ โดยสามารถเริ่มใช้กับรถไฟฟ้าบีทีเอสและร้านค้าชั้นนำต่าง ๆ ได้ตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม 2555 และจะสามารถใช้กับรถไฟฟ้าเอ็มอาร์ทีและรถเมล์บีอาร์ทีได้ภายในปีนี้ เพื่อยกระดับคุณภาพและความสะดวกสบายในการให้บริการเครือข่ายระบบขนส่งมวลชนของประเทศไทยให้ทัดเทียมกับประเทศต่างๆที่มีระบบคล้ายคลึงกัน เช่น ฮ่องกง ญี่ปุ่น สิงคโปร์ และอังกฤษ
การดำเนินการตั๋วร่วม Rabbit นี้ เป็นผลมาจากความร่วมมือระหว่าง กระทรวงคมนาคม กรุงเทพมหานคร สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย การรถไฟแห่งประเทศไทย ธนาคารแห่งประเทศไทย บริษัท รถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) และบริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ที่ได้ร่วมกันลงนามในบันทึกความเข้าใจร่วมเพื่อการดำเนินงานระบบบัตรโดยสารร่วมในระยะแรก เมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน 2550 โดยทุกฝ่ายได้ตระหนักถึงความต้องการของผู้ใช้บริการระบบขนส่งมวลชนในการเชื่อมต่อเครือข่ายการให้บริการได้อย่างสะดวกยิ่งขึ้น จึงได้สนับสนุนให้มีการพัฒนาสมาร์ทการ์ดที่สามารถรองรับการพัฒนาและการขยายตัวของระบบขนส่งมวลชนทั้งในปัจจุบันและอนาคตที่ภาครัฐได้วางแผนไว้
“Rabbit (แรบบิท)” จะนำมาใช้ทดแทนบัตรโดยสารของบีทีเอสที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน โดยสามารถใช้ “Rabbit (แรบบิท)” เดินทางในระบบรถไฟฟ้าบีทีเอสทั้งระบบ รวมถึงส่วนต่อขยายสถานีสะพานตากสิน-วงเวียนใหญ่ และสถานีอ่อนนุช-แบริ่ง ซึ่ง “Rabbit (แรบบิท)” สามารถรองรับการเรียกเก็บค่าโดยสารสำหรับการเดินทางในส่วนต่อขยายสถานีอ่อนนุช-แบริ่ง ที่ทางกรุงเทพมหานครจะเริ่มเก็บค่าโดยสารในส่วนต่อขยาย อ่อนนุช - แบริ่ง 15 บาทตลอดสายตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคมนี้เป็นต้นไป”
“Rabbit (แรบบิท)” ได้รับการออกแบบและพัฒนาให้ตอบสนองไลฟ์สไตล์คนเมือง โดยจะเป็นสมาร์ทการ์ดใบแรกที่สามารถใช้ได้กับทั้งรถไฟฟ้าบีทีเอส รถไฟฟ้าเอ็มอาร์ที และรถเมล์บีอาร์ที ภายในปีนี้ รวมถึงสามารถใช้ชำระค่าสินค้าหรือบริการกับร้านค้าชั้นนำ ซึ่งขณะนี้มีร้านค้าตอบรับในการร่วมให้บริการแล้วราว 20 แบรนด์ รวมกว่า 600 สาขา อาทิ เช่น แมคโดนัลด์ สตาร์บัคส์ แบล็คแคนยอน โอ บอง แปง เบอร์เกอร์ คิง มิสเตอร์ โดนัท โออิชิ กรุ๊ป ร้านค้าที่ร่วมให้บริการในสยามพารากอน และดิ เอ็มโพเรียม และอีกมากมาย โดยสามารถดูรายละเอียดได้ที่เว็บไซต์ www.rabbitcard.com”
นายอาทิตย์ ประสานสุข ผู้อำนวยการฝ่ายปฏิบัติการ BSS กล่าวเพิ่มเติมว่า ผู้สนใจสามารถขอออกแรบบิท และเติมมูลค่าได้ที่สถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสทุก สถานี ตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคมนี้ และจะขยายช่องทางในการเติมมูลค่าไปยังกลุ่มร้านค้า ธนาคาร และผู้ให้บริการระบบขนส่งอื่น ๆ ในอนาคต โดยในช่วงเปิดตัว ผู้ที่ถือบัตรบีทีเอสทั้งประเภทเติมเงินและประเภท 30 วัน สามารถนำมาขอเปลี่ยนเป็น “Rabbit (แรบบิท)” ได้โดยไม่เสียค่าธรรมเนียมการออกแรบบิท หรือถ้าไม่มีบัตรบีทีเอสเดิมก็สามารถออกแรบบิทได้พร้อมส่วนลดค่าธรรมเนียมเหลือเพียง 50 บาท โดยกำหนดให้มีค่ามัดจำอีก 50 บาท และสามารถเติมเงินได้สูงสุดถึง 4,000 บาท อีกทั้งยังสามารถเติมเที่ยวการเดินทางประเภท 30 วัน ของรถไฟฟ้าบีทีเอสได้ในบัตรเดียวกัน ซึ่งผู้โดยสารสามารถเลือกออกแรบบิทได้ 2 ประเภท คือ แรบบิทมาตรฐานสำหรับบุคคลทั่วไป (Standard Rabbit for Adult) หรือ แรบบิทมาตรฐานสำหรับนักเรียน-นักศึกษา (Standard Rabbit for Student) เพื่อรองรับค่าโดยสารที่แตกต่างกันของทั้ง 2 กลุ่ม โดยคาดว่าจะมีฐานผู้ถือแรบบิทอย่างน้อย 1 ล้านคน ภายใน 1 ปี”
“นอกจากนี้ ผู้ถือ “Rabbit (แรบบิท)” ทุกท่านยังสามารถสมัครสมาชิก “แครอท รีวอร์ดส (Carrot Rewards)” โปรแกรมสะสมคะแนนและสิทธิพิเศษมากมาย โดย “Rabbit (แรบบิท)” และ “แครอท รีวอร์ดส” ได้ร่วมกันตั้งงบประมาณกว่า 40 ล้านบาท เพื่อทำการตลาดในช่วงเปิดตัวผ่านทางสื่อและกิจกรรมต่าง ๆ โดยเฉพาะบนสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอส เราหวังเป็นอย่างยิ่งว่า “Rabbit (แรบบิท) จะช่วยให้ชีวิตคนเมืองสะดวกยิ่งขึ้นดังสโลแกน “แตะ เติม เพิ่มความสะดวก””
ด้านนางสาว ไอรินทร์ อริยพงศ์สถิต ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท แครอท รีวอร์ดส จำกัด กล่าวถึงบทบาทของบริษัทฯ ว่ามีหน้าที่ดูแล “แครอท รีวอร์ดส (Carrot Rewards)” โปรแกรมสะสมคะแนนและสิทธิพิเศษสำหรับผู้ถือ“Rabbit (แรบบิท)” โดยมีสโลแกนคือ “แตะ เติม เพิ่มแต้ม”
“เราต้องการให้ผู้ถือ“Rabbit (แรบบิท)” ได้รับประโยชน์สูงสุดจากการใช้งาน เราจึงได้ออกโปรแกรมสะสมคะแนนซึ่งสมาชิกสามารถสะสมคะแนนที่เรียกว่า “แครอท พอยท์” ได้ตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม 2555 เป็นต้นไป สมาชิกจะสามารถสะสมคะแนน “แครอท พอยท์” ได้ จากการโดยสารรถไฟฟ้าบีทีเอส การเติมเงิน หรือใช้ชำระค่าสินค้าที่แมคโดนัลด์” นางสาวไอรินทร์กล่าวเพิ่มเติมว่า “ส่วนร้านค้าพันธมิตรอื่นๆ คาดว่าจะเข้าร่วมโปรแกรมสะสมคะแนนกับเราภายในปีนี้อีกจำนวนมาก โดยเราพร้อมที่จะเป็นอีกหนึ่งช่องทางในการส่งเสริมการตลาดให้กับร้านค้าและพัฒนา Loyalty Program รูปแบบใหม่ เพื่อกระตุ้นยอดขาย พร้อมเสริมด้วยโปรโมชั่นสุดพิเศษต่างๆ”
“คะแนนสะสม “แครอท พอยท์” สามารถนำไปแลกเป็นบัตรกำนัลจากร้านค้าต่างๆ อาทิเช่น แมคโดนัลด์ เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ แอร์เอเชีย และเดอะ มอลล์กรุ๊ป” นางสาวไอรินทร์กล่าว
ผู้ถือแรบบิทสามารถสมัครสมาชิกแครอท รีวอร์ดส ได้ทาง www.carrotrewards.co.th และผู้ถือ“Rabbit (แรบบิท)” สามารถลงทะเบียนสมาชิกได้โดยใช้หมายเลข“Rabbit (แรบบิท)” ได้สูงสุด 2 ใบต่อ 1 สมาชิกแครอท รีวอร์ดส
นางสาวไอรินทร์ยังกล่าวเพิ่มเติมว่า “นอกจากนั้นเรายังวางแผนที่จะเพิ่มสิทธิประโยชน์ให้กับสมาชิก ซึ่งจะติดตั้ง “ตู้คูปองแครอท”ที่บริเวณสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสทุกสถานีเร็วๆ นี้ โดยตู้คูปองแครอทนี้ สมาชิกสามารถตรวจสอบคะแนนสะสม “แครอท พอยท์” และยังแลกคะแนนสะสมเป็นมูลค่าเงินเติมกลับลงใน “Rabbit (แรบบิท)” ได้อีกด้วย นอกจากนี้ สมาชิกยังสามารถรับคูปองส่วนลดจากร้านค้าต่างๆ อีกมากมายที่มีอยู่ในตู้คูปองแครอท”
นางสาวไอรินทร์กล่าวเพิ่มเติมว่า “แครอท รีวอร์ดส จะมาแทนที่โปรแกรมสะสมคะแนนเดิมของบีทีเอสที่เรียกว่า “หนูด่วน พลัส” ซึ่งได้หยุดการให้คะแนนสะสมไปแล้วตั้งแต่วันที่ 31 มีนาคม 2555 สมาชิกหนูด่วน พลัส เดิม สามารถโอนย้ายฐานข้อมูลของสมาชิกมายัง แครอท รีวอร์ดส ได้ง่ายๆ เพียงลงทะเบียนผ่านทางเว็บไซต์ หรือติดต่อมาที่ศูนย์บริการข้อมูลแครอท รีวอร์ดส”
“ยิ่งไปกว่านั้น ผู้ถือ“Rabbit (แรบบิท)” ที่ได้ลงทะเบียนเป็นสมาชิกแครอท รีวอร์ดสผ่านทางออนไลน์ ก่อนวันที่ 31 กรกฎาคม 2555 ยังมีสิทธิ์ลุ้นรับรางวัลต่างๆ มากมายกว่า 300,000 บาท” นางสาวไอรินทร์กล่าวปิดท้าย