กรุงเทพฯ--26 เม.ย.--TK park
ในปี ค.ศ.2015 (พ.ศ.2558) อาเซียน หรือสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (Association of South East Asian Nations หรือ ASEAN) จะมีการเปิดเสรีการค้าที่เรียกว่า ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนหรือ ASEAN Economic Community : AEC ปัจจุบันมีสมาชิกอาเซียนทั้งหมด 10 ประเทศ ประกอบด้วย บรูไนดารุสซาลาม กัมพูชา อินโดนีเซีย ลาว มาเลเซีย พม่า ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ ไทย และเวียดนาม ซึ่งในการรวมตัวกันนี้ “การท่องเที่ยว” ถือเป็นหนึ่งในกลุ่มเศรษฐกิจที่จะเป็นตัวผลักดันให้เศรษฐกิจในภูมิภาคเติบโตได้เป็นอย่างดี โดยมีการคาดการณ์ว่า ในปี 2558 จะมีเม็ดเงินจากธุรกิจการท่องเที่ยวหลั่งไหลเข้ามาเป็นจำนวนมาก และประเทศไทยจะต้องเตรียมพร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงนี้
ด้วยศักยภาพทางการท่องเที่ยวของประเทศสมาชิกอาเซียน สำนักงานอุทยานการเรียนรู้(สอร.) หรือ TK park สังกัดสำนักงานบริหารและพัฒนาองค์ความรู้ (องค์การมหาชน) ร่วมกับสำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) และภาคีเครือข่าย จัดงาน “นิทรรศการพิพิธอาเซียน...A Journey through ASEAN” ภาค 2 อาเซียน...หนึ่งจุดหมาย หลายประสบการณ์ ASEAN TOWARD ONE DESTINATION ขึ้นระหว่างวันเสาร์ที่ 28- วันอาทิตย์ที่ 29 เมษายน และ วันเสาร์ที่ 5 — วันอาทิตย์ที่ 6 พฤษภาคม 2555 ณ อุทยานการเรียนรู้ TK park ชั้น 8 ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ เพื่อให้คนไทยได้เรียนรู้เพื่อนบ้าน ผ่านนิทรรศการมีชีวิต ภาพยนตร์จากประเทศเพื่อนบ้าน “อาเซียนกลางแปลง” การแสดงวัฒนธรรมอาเซียน ดนตรีเพื่อการศึกษา และเอาใจนักอ่านด้วยมุมหนังสือใหม่ ASEAN Knowledge Corner แหล่งรวบรวมหนังสือและสื่อการเรียนรู้ที่เกี่ยวข้องกับอาเซียน
ดร.ทัศนัย วงศ์พิเศษกุล รองผู้อำนวยการสำนักงานบริหารและพัฒนาองค์ความรู้(องค์การมหาชน) และผู้อำนวยการสำนักงานอุทยานการเรียนรู้ TK park ในฐานะหน่วยงานที่สนับสนุนส่งเสริมการปลูกฝังให้เยาวชนมีนิสัยรักการอ่าน การเรียนรู้ และแสวงหาความรู้อย่างสร้างสรรค์ เพื่อให้สังคมไทยเป็นสังคมฐานความรู้ กล่าวว่า การจัดงานครั้งนี้ เป็นกิจกรรมภายใต้โครงการความร่วมมือทางวิชาการกับสำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย(สกว.)ที่มีมาอย่างต่อเนื่อง รวมถึงภาคีเครือข่าย ที่ได้ร่วมกันจัดนิทรรศการ “พิพิธอาเซียน...A Journey through ASEAN” ขึ้น ครั้งนี้ถือเป็นครั้งที่ 2
สำหรับเนื้อหาที่นำมาจัดแสดงในครั้งนี้ เป็นการนำเอาผลงานวิจัยด้านแหล่งท่องเที่ยวของอาเซียนเป็นจุดหมายเดียว หรือ Single Destination ที่เป็นการรวบรวมองค์ความรู้เกี่ยวกับการทำงานวิจัยด้านการท่องเที่ยวของไทย และสมาชิกอาเซียน ตามแนวคิดที่ว่า “การจัดการท่องเที่ยวต้องดำเนินการร่วมกันถึงจะอยู่รอดทั้งภูมิภาค หากแต่จุดยืนของแต่ละประเทศนั้น ต้องแตกต่างกัน” จึงจะทำให้เกิดความแข็งแกร่งของการท่องเที่ยวทั้งภูมิภาค
นอกจากนี้ภายในงานยังได้มีการนำภาพยนตร์จากประเทศเพื่อนบ้านที่หาดูยากมาให้คนไทยได้รับชมกันใน“อาเซียนกลางแปลง” การแสดงทางวัฒนธรรม ตลอดจนการเสวนาเรื่อง “ การเตรียมความพร้อมก้าวสู่ประชาคมอาเซียน พ.ศ. 2558 ” โดยคุณหญิงลักษณาจันทร เลาหพันธุ์ นายกสมาคมอาเซียน ประเทศไทย และ “ อาเซียน...หนึ่งจุดหมาย หลายประสบการณ์ ASEAN TOWARD ONE DESTINATION ” โดยดร. เทิดชาย ช่วยบำรุง ผู้อำนวยการสถาบันเพื่อพัฒนาการท่องเที่ยว (นักวิจัยจากสำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย)
อย่างไรก็ดี ในโอกาสนี้อุทยานการเรียนรู้ TK park ยังได้เอาใจนักอ่านด้วยการจัดมุมหนังสือใหม่ ASEAN Knowledge Corner ซึ่งจะเป็นแหล่งรวมหนังสือ และสื่อการเรียนรู้ที่เกี่ยวข้องกับสมาชิกอาเซียนทั้ง 10 ประเทศ ให้กับผู้ที่มาใช้บริการภายในห้องสมุด TK park เพื่อความสะดวกในการค้นหาข้อมูลอีกด้วย
ด้าน ศ.ดร.สวัสดิ์ ตันตระรัตน์ ผู้อำนวยการสำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) กล่าวว่า สกว.เป็นองค์กรของรัฐภายใต้การกำกับของสำนักนายกรัฐมนตรี มีบทบาทสำคัญในการสร้างคน สร้างองค์ความรู้ผ่านกระบวนการสนับสนุนทุนการวิจัยและการบริหารจัดการงานวิจัยไปสู่การใช้ประโยชน์ต่อการพัฒนาประเทศในด้านต่าง ๆ โดยตลอด 20 ปีที่ผ่านมา สกว.ได้สนับสนุนงานวิจัยหลากหลายประเด็น ซึ่งรวมถึงเรื่องที่ส่งผลกระทบต่อสังคมวงกว้าง เช่น การเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ในปี ค.ศ.2015 ที่ สกว.ได้จัดเป็นยุทธศาสตร์หนึ่งในการสนับสนุนการวิจัย มาตั้งแต่ปี พ.ศ.2553
สำหรับนิทรรศการพิพิธอาเซียน ครั้งที่ 2 นี้ สกว.และ TK park ได้ร่วมกันเลือกโครงการวิจัยในประเด็นการท่องเที่ยวอาเซียนมานำเสนอให้กับเยาวชน ทางด้านการจัดการการท่องเที่ยวของประเทศต่างๆในอาเซียน และการเตรียมตัวเป็นนักท่องเที่ยวที่จะมองเห็นจุดเด่น จุดด้อย และศักยภาพในการพัฒนาต่อยอดของการท่องเที่ยวแต่ละประเทศ
จากการที่ทางองค์การการท่องเที่ยวโลก (World Tourism Organization : WTO) ได้มีการคาดการณ์ว่าจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติในอาเซียนจะเพิ่มขึ้นเป็น 120 ล้านคนในปี พ.ศ. 2558 ซึ่งเป็นปีที่ก้าวสู่การเป็น AEC อย่างสมบูรณ์ จากระดับเฉลี่ย 67.5 ล้านคนต่อปีในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งจะทำให้อาเซียนก้าวขึ้นเป็นจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวยอดนิยมของนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก รวมทั้งดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศในธุรกิจท่องเที่ยวและบริการที่เกี่ยวเนื่องให้หลั่งไหลเข้ามาในภูมิภาคนี้มากขึ้น ขณะเดียวกันก็เป็นโอกาสให้ภาคการท่องเที่ยวของไทยมีแนวโน้มขยายตัวสูงขึ้นด้วยเช่นกัน ดังนั้น ประเทศไทยต้องมีการเตรียมความพร้อมเพื่อรับมือกับความท้าทายใหม่นี้ ซึ่งงานวิจัยถือเป็นเครื่องมือหนึ่งที่สำคัญในการสร้างเข็มทิศที่ช่วยทำให้ทราบถึง สถานการณ์การท่องเที่ยว จุดอ่อน จุดแข็ง และทิศทางในการพัฒนาที่แน่ชัด
“จึงหวังว่านิทรรศการ “พิพิธอาเซียน...A Journey through ASEAN” ภาค 2 นี้ จะมีส่วนช่วยให้เด็ก เยาวชน และประชาชนไทยได้เรียนรู้ และเข้าใจความรู้พื้นฐานที่หลากหลายของสถานที่ท่องเที่ยวของอาเซียนผ่านงานวิจัย รวมทั้งได้เรียนรู้ถึงความแตกต่างของจุดยืน และเสน่ห์การท่องเที่ยวของประเทศสมาชิกตลอดจนได้ฝึกการเรียนรู้ด้านภาษาพูด และฝึกการเขียนภาษาของเพื่อนบ้านอย่างง่าย ซึ่งจะช่วยกระตุ้นให้สังคมไทยเตรียมตัวเดินหน้าสู่การเป็นประชาคมอาเซียนต่อไป ” ผอ.สกว.กล่าว
ด้านคุณบุษฎี สันติพิทักษ์ รองอธิบดีกรมอาเซียน กระทรวงการต่างประเทศ กล่าวเสริมว่า การเลือกหัวข้อหลักด้านการท่องเที่ยวสำหรับนิทรรศการพิพิธอาเซียนในปีนี้ มีความเหมาะสมอย่างยิ่ง เพราะการท่องเที่ยว
มิได้มีความสำคัญในเชิงเศรษฐกิจเท่านั้น แต่ยังเป็นการส่งเสริมการแลกเปลี่ยน ติดต่อและความเชื่อมโยงระหว่างประชาชนของประเทศอาเซียน ซึ่งเป็นพื้นฐานสำคัญในการทำความรู้จักและเพิ่มพูนความเข้าใจในประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมที่มีทั้งความเหมือนและแตกต่างระหว่างกันในกลุ่มประเทศสมาชิก
“ต้องขอชื่นชมความคิดริเริ่มในการจัดนิทรรศการดังกล่าว ของอุทยานการเรียนรู้ TK park ซึ่งจะเห็นได้จากนิทรรศการพิพิธอาเซียน ครั้งแรก ประสบความสำเร็จอย่างดีและได้รับความสนใจอย่างกว้างขวางจากประชาชน โดยเฉพาะกลุ่มเด็กและเยาวชน จึงเชื่อว่าการจัดนิทรรศการพิพิธอาเซียนในครั้งนี้ จะให้ทั้งความบันเทิง และความรู้เกี่ยวกับประเทศสมาชิกอาเซียนแก่เยาวชนและสาธารณชนทั่วไปเป็นอย่างดี ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อการเผยแพร่ข้อมูลประเทศอาเซียนและสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับเรื่องอาเซียนแก่กลุ่มเยาวชนรุ่นใหม่ๆ สืบต่อไป”
อนึ่ง องค์กรภาคีเครือข่ายที่ให้การสนับสนุนการจัดกิจกรรมในครั้งนี้ ประกอบด้วย กรมอาเซียน กระทรวงการต่างประเทศ กรมเอเชียตะวันออก กระทรวงการต่างประเทศ สมาคมอาเซียน-ประเทศไทย สถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐอินโดนีเซีย ประจำประเทศไทย สถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ประจำประเทศไทย , สถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐฟิลิปปินส์ สถานเอกอัครราชทูตมาเลเซีย ประจำประเทศไทย การท่องเที่ยวมาเลเซีย ประจำประเทศไทย สำนักงานกรุงเทพฯ องค์การส่งเสริมการท่องเที่ยวสิงคโปร์ ประจำประเทศไทย มหาวิทยาลัยนเรศวร และโรงเรียนพิบูลวิทยาลัย จังหวัดลพบุรี