กรุงเทพฯ--27 เม.ย.--ทริสเรทติ้ง
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ประกาศคงอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ไม่มีประกันของ บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ “A” ด้วยแนวโน้ม “Stable” หรือ “คงที่” โดยอันดับเครดิตดังกล่าวสะท้อนถึงกระแสเงินสดจากการดำเนินงานที่แน่นอนจากธุรกิจระบบขนส่งมวลชนและแนวโน้มการเติบโตของจำนวนผู้โดยสารอันเนื่องมาจากการขยายโครงข่ายระบบรถไฟฟ้า นอกจากนี้ อันดับเครดิตยังสะท้อนถึงการที่บริษัทมีความสัมพันธ์ที่ดีกับกรุงเทพมหานคร (กทม.) ซึ่งเป็นเจ้าของสัมปทานและแนวโน้มที่ดีในธุรกิจสื่อโฆษณา ทว่าจุดแข็งดังกล่าวถูกลดทอนบางส่วนจากการที่บริษัทมีโครงข่ายการให้บริการเพียงโครงข่ายเดียว รวมถึงการมีนโยบายจ่ายเงินปันผลแบบเชิงรุก และฐานะทางการเงินที่อ่อนแอกว่าของบริษัทแม่ ในขณะที่แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” สะท้อนถึงการคาดการณ์ว่าบริษัทจะยังคงมาตรฐานการให้บริการที่ดีเพื่อรักษากระแสเงินสดจากการดำเนินงานให้อยู่ในระดับปัจจุบันเอาไว้ อย่างไรก็ตาม อันดับเครดิตของบริษัทอาจได้รับแรงกดดันจากการที่กลุ่มบริษัทมีโครงสร้างธุรกิจที่มีความเสี่ยงและมีรายได้ที่ผันผวนมากขึ้น
ทริสเรทติ้งรายงานว่า บริษัทระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพถูกควบรวมกิจการโดย บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) (บีทีเอส กรุ๊ป) ในเดือนพฤษภาคม 2553 โดย ณ เดือนธันวาคม 2554 มีสัดส่วนการถือหุ้นจำนวน 96.4% บริษัทถือเป็นบริษัทย่อยและเป็นผู้สร้างกระแสเงินสดและกำไรรายสำคัญของบีทีเอส กรุ๊ป ดังนั้น สถานะเครดิตของบริษัทและบีทีเอส กรุ๊ป (ได้รับอันดับเครดิต “A” จากทริสเรทติ้ง) จึงมีความเกี่ยวข้องกันอย่างมาก
ทริสเรทติ้งกล่าวว่า บริษัทระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพก่อตั้งในปี 2535 โดยเป็นผู้ประกอบการรายแรกที่ดำเนินกิจการระบบขนส่งมวลชนในประเทศไทย บริษัทได้รับสัมปทานเป็นเวลา 30 ปีจาก กทม. ในการก่อสร้างและดำเนินการระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพหรือระบบรถไฟฟ้าบีทีเอส ระยะทางรวมทั้งสิ้น 23.5 กิโลเมตร นอกจากนี้ บริษัทยังได้ลงนามในสัญญากับ บริษัท กรุงเทพธนาคม จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทลูกของ กทม. เพื่อให้บริการเดินรถและซ่อมบำรุงรักษาส่วนต่อขยายรถไฟฟ้าบีทีเอสทั้งในสายสีลมและสายสุขุมวิทด้วย ภายใต้ข้อกำหนดในสัญญาสัมปทาน บริษัทได้รับสิทธิในการจัดเก็บรายได้ค่าโดยสาร รวมทั้งการให้เช่าพื้นที่และการโฆษณาในสถานี (ยกเว้นในส่วนต่อขยาย) โดยมี บริษัท วี จี ไอ โกลบอล มีเดีย จำกัด (วีจีไอ โกลบอล) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยเป็นผู้ดำเนินการ นอกจากนี้ บริษัท วี จี ไอ โกลบอลยังได้ขยายธุรกิจการให้บริการสู่ช่องทางธุรกิจค้าปลีกสมัยใหม่ (Modern Retail Trade) และ Hypermarket ด้วย
ระบบรถไฟฟ้าบีทีเอสเป็นระบบรางยกระดับที่เริ่มเปิดดำเนินการเมื่อวันที่ 5 ธันวาคม 2542 ประกอบด้วยเส้นทาง 2 สายคือสายสีลมและสายสุขุมวิทซึ่งให้บริการในย่านสีลม สาทร และสุขุมวิท โดยมีสถานีเชื่อมต่อระหว่างกันที่สถานีสยาม บริษัทระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพประสบปัญหาทางด้านการเงินมาตั้งแต่เริ่มเปิดให้บริการโดยมีสาเหตุจากต้นทุนการก่อสร้างที่สูงกว่าประมาณการและการมีปริมาณผู้โดยสารที่ต่ำกว่าที่ประเมินไว้เป็นอย่างมาก ทั้งนี้ หากไม่นับรวมต้นทุนทางการเงิน บริษัทเริ่มมีกำไรจากการดำเนินงานในรอบปีบัญชี 2546 ด้วยจำนวนผู้โดยสารที่ระดับ 100 ล้านคน ทั้งนี้ ในช่วง 9 เดือนแรกของปีบัญชี 2555 บริษัทให้บริการผู้โดยสารทั้งสิ้น 128,009,656 คน เพิ่มขึ้น 20.93% เมื่อเทียบปีต่อปี โดยจำนวนผู้โดยสารเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 463,808 คน จำนวนผู้โดยสารที่เพิ่มขึ้นส่วนหนึ่งมาจากการเปิดให้บริการส่วนต่อขยายสายสุขุมวิทเมื่อวันที่ 12 สิงหาคม 2554 สำหรับเส้นทางเดินรถเดิมที่เปิดให้บริการอยู่แล้วนั้นจำนวนผู้โดยสารก็เพิ่มขึ้นตามการเติบโตของเศรษฐกิจแม้ว่าจะได้รับผลกระทบจากปัจจัยภายนอกเป็นครั้งคราวไม่ว่าจะเป็นเหตุการณ์น้ำท่วมหรือความไม่สงบทางการเมืองในกรุงเทพมหานครก็ตาม ทริสเรทติ้งเชื่อว่าจำนวนผู้โดยสารของระบบรถไฟฟ้าบีทีเอสจะเติบโตอย่างต่อเนื่องซึ่งเป็นผลจากการขยายเส้นทางการให้บริการระบบรถไฟฟ้า ตลอดจนการขยายตัวของโครงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ตามแนวระบบรถไฟฟ้าบีทีเอส การจราจรบนท้องถนนที่ติดขัด และการขยายตัวอย่างต่อเนื่องของเศรษฐกิจในประเทศ
บริษัทระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพมีฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่งจากการมีกระแสเงินสดจากการดำเนินงานที่สม่ำเสมอ รวมทั้งการมีสภาพคล่องที่เพียงพอ และการมีโครงสร้างเงินทุนที่แข็งแกร่ง บริษัทมีอัตรากำไรจากการดำเนินงานที่คงตัวในระดับ 58% มาตั้งแต่รอบปีบัญชี 2550 โครงสร้างเงินทุนของบริษัทได้รับผลดีจากการปรับโครงสร้างหนี้ในปี 2551 ภาระหนี้ซึ่งรวมอัตราดอกเบี้ยปรับลดลงมาอยู่ในระดับที่บริหารจัดการได้ สถานะทางการเงินของบริษัทค่อนข้างคงที่ในช่วงปีบัญชี 2553-2554 และปรับตัวดีขึ้นเล็กน้อยในปี 2555 โดยบริษัทมีเงินทุนจากการดำเนินงานประมาณ 2,000 ล้านบาทในระหว่างปี 2553-2554 และเพิ่มขึ้นเป็น 2,615 ล้านบาทในช่วง 9 เดือนแรกของปีบัญชี 2555 ส่งผลให้อัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อเงินกู้รวมเพิ่มสูงขึ้นจาก 15% ในปีบัญชี 2554 มาอยู่ที่ 20% ในช่วง 9 เดือนแรกของปีบัญชี 2555 (ยังไม่ได้ปรับอัตราส่วนให้เป็นตัวเลขเต็มปี) อัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายต่อดอกเบี้ยจ่ายอยู่ที่ 3.8 เท่าถึง 5.3 เท่าในช่วงปีบัญชี 2553-2554 อัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนคงที่ที่ระดับ 26.27% เมื่อเปรียบเทียบกับ 26.44% ณ เดือนมีนาคม 2554 โดยภาระหนี้ของบริษัทค่อนข้างคงที่ระหว่าง 12,000-13,000 ล้านบาทมาตั้งแต่ปีบัญชี 2553 ตามการคาดการณ์ของทริสเรทติ้ง ภาระหนี้ของบริษัทไม่น่าจะปรับลดลงมากนักในช่วง 2-3 ปีข้างหน้าเนื่องจากบริษัทมีแผนการลงทุนประมาณปีละ 1,000-4,000 ล้านบาทในช่วงระหว่างปีบัญชี 2556-2557 โดยเป็นการลงทุนเพื่อซื้อรถไฟฟ้าและขยายธุรกิจสื่อโฆษณา นอกจากนี้ ทริสเรทติ้งยังคาดว่าบริษัทจะยังคงดำเนินนโยบายการจ่ายเงินปันผลในเชิงรุกให้แก่บีทีเอส กรุ๊ปต่อไปเพื่อใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินงานและจ่ายชำระหนี้ ทริสเรทติ้งกล่าว
บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) (BTSC)
อันดับเครดิตองค์กร: คงเดิมที่ A
อันดับเครดิตตราสารหนี้:
BTS128A: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 2,500 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2555 คงเดิมที่ A
BTS138A: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 2,500 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2556 คงเดิมที่ A
BTS148A: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 4,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2557 คงเดิมที่ A
BTS158A: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 1,500 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2558 คงเดิมที่ A
BTS168A: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 1,500 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2559 คงเดิมที่ A
แนวโน้มอันดับเครดิต: Stable (คงที่)