กรุงเทพฯ--27 เม.ย.--ฮิตาชิ ดาต้า ซิสเต็มส์
Hitachi Compute Blade 500 รองรับเทคโนโลยี LPAR พื้นฐานและซอฟต์แวร์ไฮเปอร์ไวเซอร์ที่หลากหลายภายในโครงสร้างเดียวเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพให้ศูนย์ข้อมูล
บริษัท ฮิตาชิ ดาต้า ซิสเต็มส์ คอร์ปอเรชัน หรือ เอชดีเอส ธุรกิจในเครือของบริษัท ฮิตาชิ จำกัด (ชื่อในตลาดหุ้นนิวยอร์ก: HIT / ชื่อในตลาดหุ้นโตเกียว: 6501) เปิดเผยว่า บริษัทได้ขยายกลุ่มผลิตภัณฑ์ Hitachi Compute Systems ให้ครอบคลุมกว่าเดิมด้วยการเพิ่ม Hitachi Compute Blade 500 รุ่นใหม่เข้ามาไว้ด้วย โดยเบลดเซิร์ฟเวอร์รุ่นใหม่นี้ถือเป็นผลิตภัณฑ์แรกของบริษัท ฮิตาชิ ดาต้า ซิสเต็มส์ ที่ได้ผสานรวมตัวประมวลผล Intel? Xeon? E5-2600 รุ่นล่าสุดเข้าไว้ในระบบ และจากคุณสมบัติของสถาปัตยกรรมแบบเปิดและยืดหยุ่น มีสมรรถนะและพร้อมใช้งานในระดับสูง จึงทำให้ Hitachi Compute Blade 500 เป็นแพลตฟอร์มที่เหมาะสมสำหรับโครงสร้างพื้นฐานระบบเสมือนจริงและแอพลิเคชันแบบคลาวด์ที่กำลังเป็นที่ต้องการของตลาดอยู่ในขณะนี้
"Hitachi Compute Blade 500 เป็นความก้าวหน้าของกลยุทธ์ด้านเซิร์ฟเวอร์ของเราที่จะช่วยให้ลูกค้าสามารถผสานระบบและเร่งเวลาในการผลิตให้เร็วยิ่งขึ้นสำหรับแอพพลิเคชั่นที่สำคัญ" โรเบอร์โต บาซิลิโอ รองประธาน ฝ่ายการจัดการผลิตภัณฑ์แพลตฟอร์มโครงสร้างพื้นฐาน บริษัท ฮิตาชิ ดาต้า ซิสเต็มส์ กล่าว และว่า "การผสานรวมอย่างแนบแน่นกับระบบจัดเก็บข้อมูลและระบบเครือข่ายข้อมูลระดับมาตรฐานอุตสาหกรรมของบริษัท ฮิตาชิ ดาต้า ซิสเต็มส์ พร้อมทั้งการเชื่อมต่อกับเฟรมเวิร์กการจัดการศูนย์ข้อมูลทั่วไป ช่วยให้การปรับใช้รวดเร็วยิ่งขึ้นตลอดจนลดต้นทุนรวมในการเป็นเจ้าของลงได้ โดยขณะนี้เรากำลังทำงานร่วมกับผู้จำหน่ายซอฟต์แวร์ รายใหญ่เพื่อพัฒนาโซลูชั่นศูนย์ข้อมูลแบบผสานรวมที่มี Hitachi Compute Blade 500 เป็นส่วนประกอบสำคัญเพื่อนำเสนอสมรรถนะสูงสุด เพิ่มมูลค่า และมีความสามารถในการปรับขยายในลักษณะที่คาดการณ์ได้"
Hitachi Compute Blade 500 เป็นระบบเบลดเซิร์ฟเวอร์ที่ติดตั้งภายในแร็คขนาด 6U ที่มีความหนาแน่นสูง สามารถรองรับเบลดเซิร์ฟเวอร์ได้ถึง 8 ชุดพร้อมด้วยฮาร์ดแวร์การจัดการและ I/O ที่เกี่ยวข้อง เช่นเดียวกับผลิตภัณฑ์อื่นๆ ในกลุ่ม Hitachi Compute Systems เบลดเซิร์ฟเวอร์รุ่นใหม่นี้ประกอบด้วยเทคโนโลยีการแบ่งพาร์ติชันแบบลอจิคัลพื้นฐาน (LPAR) ที่นำไปใช้ในเฟิร์มเแวร์ โดยปกติแล้ว เทคโนโลยี LPAR จะรองรับแพลตฟอร์มองค์กรระดับบนที่มีราคาแพงและถือเป็นเทคโนโลยีที่แสดงให้เห็นถึงประสบการณ์และการถ่ายทอดเทคโนโลยีด้านเมนเฟรมที่มีมาอย่างยาวนานของบริษัท ฮิตาชิ ดาต้า ซิสเต็มส์ และด้วยส่วนเสริมความสมบูรณ์สำหรับระบบเสมือนจริงแบบโฮสต์ ทำให้เทคโนโลยี LPAR สามารถเพิ่มประสิทธิภาพการปรับใช้ทรัพยากรให้เกิดประโยชน์ได้อย่างสูงสุด และช่วยให้ลูกค้าสามารถลดค่าใช้จ่ายในการดำเนินการทางธุรกิจ ตลอดจนเพิ่มความสามารถในการจัดการ ความน่าเชื่อถือ และได้รับประสิทธิภาพในระดับสูง โดย Hitachi Compute Blade 500 สนับสนุนการนำขีดความสามารถด้านการแบ่งพาร์ติชันพื้นฐานและซอฟต์แวร์ไฮเปอร์ไวเซอร์ต่างๆ เข้ามาไว้ภายใต้โครงสร้างเดียวกัน ซึ่งนั่นทำให้ศูนย์ข้อมูลมีประสิทธิภาพและความยืดหยุ่นเพิ่มขึ้น
Hitachi Compute Blade 500 ยังมีสวิตช์อีเทอร์เน็ตขนาด 10 กิกะบิตแบบฝังตัวรุ่นใหม่ที่ออกแบบมาเพื่อเพิ่มความสามารถในการปรับขยายและเพิ่มประสิทธิภาพในการเคลื่อนย้ายเครื่องเสมือน (VM) อีกทั้งยังทำให้การจัดการเป็นเรื่องง่ายและลดค่าใช้จ่ายในการดำเนินการของระบบเบลดเซิร์ฟเวอร์แบบเสมือนได้อีกด้วย สวิตช์ใหม่นี้เป็นสถาปัตยกรรมแบบ Non-Blocking และ Cut-Through สำหรับพอร์ตภายนอกซึ่งรองรับการทำงานของอุปกรณ์สองรายการที่มีอัตราความเร็วต่างกันให้สามารถทำงานร่วมกันได้ (1Gbps/10Gbps) โดยมีค่าความหน่วงเวลาต่ำ และมีสมรรถนะในระดับสูง
Hitachi Compute Blade 500 ที่มีสถาปัตยกรรมแบบเปิด สมรรถนะสูง และยืดหยุ่น ช่วยให้การกำหนดค่าระบบเพื่อรองรับการผสานรวมแอพลิเคชั่นเสมือนจริงและโซลูชั่นแพลตฟอร์มที่ครอบคลุมเป็นเรื่องง่าย โดยทรัพยากรเซิร์ฟเวอร์สามารถได้รับการจัดสรรให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงของปริมาณงาน อีกทั้งยังมีความพร้อมใช้งานในระดับสูงโดยอาศัยคุณสมบัติต่างๆ เช่น ระบบสำรอง (redundancy) การถอดเปลี่ยนอุปกรณ์ต่างๆ โดยไม่ต้องปิดระบบ (hot-swap) และการหยุดการทำงานชั่วคราวในกรณีที่มีเหตุการณ์ฉุกเฉิน (Cold Standby)
ผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการเปิดตัวในวันนี้สร้างขึ้นจากพื้นฐานของนวัตกรรมและการเป็นผู้นำในตลาดเซิร์ฟเวอร์องค์กรมากว่า 50 ปีของบริษัท โดย Hitachi Compute Blade 500 ได้เข้าเป็นส่วนหนึ่งในกลุ่มผลิตภัณฑ์ Hitachi Compute Systems ซึ่งรวมถึง Hitachi Compute Blade 2000 และ Hitachi Compute Blade 320 ด้วย นอกจากนี้ กลุ่มผลิตภัณฑ์ดังกล่าวยังรวมตระกูลเซิร์ฟเวอร์ที่มุ่งเน้นการปรับใช้แร็ค (rack) ให้เกิดความเหมาะสมสูงสุด ได้แก่ Hitachi Compute Rack ที่เป็นพื้นฐานสำหรับโซลูชั่นพร้อมใช้ในรูปแบบเฉพาะ เช่น Hitachi Content Platform (HCP) ระบบจัดเก็บออบเจ็กต์ที่ได้รับรางวัลของบริษัท
ทั้งนี้ Hitachi Compute Systems เป็นเซิร์ฟเวอร์ที่เหมาะสมในการสร้างโซลูชั่นศูนย์ข้อมูลแบบผสานรวม โดยโซลูชั่นเหล่านี้จะรวมระบบจัดเก็บข้อมูล ระบบการประมวลผล และระบบเครือข่ายข้อมูลที่เป็นมาตรฐานอุตสาหกรรมของบริษัท ฮิตาชิ ดาต้า ซิสเต็มส์ เข้าไว้ด้วยกัน ตลอดจนสามารถกำหนดค่าล่วงหน้าและนำไปปรับใช้ร่วมกับแอพลิเคชั่นชั้นนำ เช่น Microsoft? Exchange 2010, SAP HANA? และโซลูชั่นวีเอ็มแวร์ได้อย่างเหมาะสมสูงสุด การรวมการจัดการที่ราบรื่นของโซลูชั่นศูนย์ข้อมูลแบบผสานรวมจากบริษัท ฮิตาชิ ดาต้า ซิสเต็มส์ จะช่วยให้แอพลิเคชั่นสามารถได้รับการปรับใช้ได้เร็วขึ้นและมีความสามารถในการคาดการณ์ได้มากขึ้น นอกจากนี้การผสานรวมนี้ยังจะช่วยให้การดำเนินงานมีประสิทธิภาพ ลดค่าใช้จ่าย และช่วยปรับปรุงการจัดการในด้านการปรับใช้แอพลิเคชั่นองค์กรจากส่วนกลาง โดยโซลูชั่นศูนย์ข้อมูลแบบผสานรวมใหม่ที่มี Hitachi Compute Blade 500 เป็นส่วนประกอบสำคัญจะพร้อมวางจำหน่ายได้ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้านี้