กรุงเทพฯ--24 พ.ค.--ฟิทช์ เรทติ้งส์ (ประเทศไทย)
บริษัท ฟิทช์ เรทติ้งส์ (ประเทศไทย) จำกัด ประกาศคงอันดับเครดิตภายในประเทศ (National Rating) ระยะยาวของหุ้นกู้มีหลักประกันชนิดทยอยชำระคืนเงินต้นของบริษัท วนชัย กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ VNG ครั้งที่ 1/2545 ครบกำหนดไถ่ถอนปี พ.ศ. 2548 และ ครั้งที่ 1/2546 ครบกำหนดไถ่ถอนปี พ.ศ. 2551 ที่ระดับ "BBB+(tha)" แนวโน้มเครดิตมีเสถียรภาพ
อันดับเครดิตของหุ้นกู้สะท้อนถึงความสามารถในการชำระหนี้ของ VNG รวมถึงมูลค่าหลักประกันของตัวหุ้นกู้ โดย ที่ดิน สิ่งปลูกสร้าง และเครื่องจักรของ VNG และของบริษัทย่อยคือ บริษัท ปาร์ติเกิ้ล แพลนเนอร์ จำกัด ได้ถูกจดจำนองไว้เป็นหลักประกันของหุ้นกู้ครั้งที่ 1/2545 และ ที่ดิน สิ่งปลูกสร้าง และเครื่องจักรของบริษัทย่อยคือ บริษัท วนชัย พาเนล อินดัสทรี่ส์ จำกัดได้ถูกจดจำนองไว้เป็นหลักประกันของหุ้นกู้ครั้งที่ 1/2546
อันดับเครดิตสะท้อนถึงความเป็นผู้นำทางด้านส่วนแบ่งตลาดภายในประเทศของ VNG ทั้งในธุรกิจแผ่นเอ็มดีเอฟ และแผ่นปาร์ติเกิ้ล รวมถึงข้อได้เปรียบในการผลิตจากการที่บริษัทมีโรงงานผลิตกาวซึ่งเป็นหนึ่งในวัตถุดิบหลัก และกำลังมีแผนการขยายการผลิตไปสู่ผลิตภัณฑ์ขั้นต่อเนื่องของแผ่นเอ็มดีเอฟและแผ่นปาร์ติเกิ้ล ถึงแม้ว่าการลงทุนขยายกำลังการผลิตของแผ่นปาร์ติเกิ้ล ได้ส่งผลให้ระดับหนี้สินของ VNG สูงขึ้นในปี 2546 ความสามารถในการชำระหนี้ของบริษัทยังจัดอยู่ในระดับที่เพียงพอ
นอกจากนี้ อันดับเครดิตได้สะท้อนถึงความเสี่ยงจากการที่อุปทานของแผ่นเอ็มดีเอฟและแผ่นปาร์ติเกิ้ลในประเทศมีมากกว่าอุปสงค์ และความผันผวนที่มากขึ้นของราคาไม้ยางพาราซึ่งเป็นอีกหนึ่งวัตถุดิบหลักในการผลิต นอกจากนี้ การที่บริษัทต้องพึ่งพาตลาดส่งออกในภูมิภาคนี้ในระดับสูง ส่งผลให้เกิดความกังวลเนื่องจากภาพรวมเศรษฐกิจในอนาคตของประเทศในภูมิภาคยังไม่มีความชัดเจนนัก การที่เงินบาทโดยเฉลี่ยมีแนวโน้มแข็งค่าขึ้น อาจส่งผลกระทบต่อการรายได้จากการส่งออกของบริษัท
เนื่องจาก VNG มีแผนการลงทุนเพิ่ม ระดับหนี้สินของบริษัทคาดว่าจะสูงขึ้นในปี 2547 และ 2548 อย่างไรก็ตาม รายได้ที่เพิ่มขึ้นจากส่วนขยายของแผ่นปาร์ติเกิ้ล ซึ่งเริ่มทำการผลิตอย่างเป็นทางการในเดือนเมษายน 2547 จะช่วยให้บริษัทสามารถรักษาระดับความสามารถในการชำระหนี้ให้อยู่ในระดับที่เพียงพอได้ โดยอัตราส่วนหนี้สินสุทธิต่อกำไรจากการดำเนินงานก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อม และค่าตัดจำหน่าย (net debt to EBITDA ratio) คาดว่าจะอยู่ในระดับ 2.2-2.4 เท่าปี 2547 และ 2548 (เมื่อเทียบกับปี 2546 ที่ 2.4 เท่า) ก่อนที่จะลดลงมาอยู่ในระดับที่ต่ำกว่า 2.0 เท่า ในปี 2549
เพื่อเป็นการเพิ่มมูลค่าสินค้าและรักษาความเป็นผู้นำในอุตสาหกรรม VNG มีโครงการลงทุนในผลิตภัณฑ์ขั้นต่อเนื่อง ซึ่งคาดว่าจะเริ่มผลิตได้ในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2547 นอกจากนี้ บริษัทยังมีโครงการลงทุนขยายกำลังการผลิตแผ่น เอ็มดีเอฟเป็น 405,000 ลูกบาศก์เมตรต่อปี โดยคาดว่าจะเริ่มผลิตได้ภายในสิ้นปี 2548 เงินลงทุนในโครงการทั้งสองนี้ จะอยู่ประมาณ 2.6 พันล้านบาทโดยคาดว่าจะมีแหล่งเงินทุนจากกระแสเงินสดในบริษัทและเงินกู้ยืม
VNG และบริษัทย่อยในกลุ่ม เป็นผู้นำด้านการผลิตและจำหน่ายแผ่นเอ็มดีเอฟและแผ่นปาร์ติเกิ้ลในประเทศ โดยมีกำลังการผลิตแผ่นเอ็มดีเอฟอยู่ที่ 270,000 ลูกบาศก์เมตรต่อปี และแผ่นปาร์ติเกิ้ลอยู่ที่ 948,000 ลูกบาศก์เมตรต่อปี ในปี 2546 VNG มีรายได้จากการจำหน่ายในประเทศประมาณ 54% ของรายได้รวม ส่วนที่เหลือ 46% เป็นรายได้จากการจำหน่ายในต่างประเทศ ซึ่งส่วนใหญ่จำหน่ายไปยังประเทศจีน และเกาหลีใต้ VNG มีผู้ถือหุ้นรายใหญ่คือ กลุ่มตระกูลสหวัฒน์ และตระกูลเจริญนวรัตน์ ซึ่งปัจจุบันถือหุ้นในสัดส่วน 56% ของจำนวนหุ้นทั้งหมด
หมายเหตุ : การจัดอันดับเครดิตภายในประเทศ (National Ratings) ใช้วัดความน่าเชื่อถือของบริษัทในประเทศที่อันดับเครดิตของประเทศนั้นอยู่ในระดับต่ำกว่าอันดับเครดิตระดับเพื่อการลงทุน หรือมีอันดับเครดิตอยู่ในระดับต่ำแม้จะอยู่ในระดับเพื่อการลงทุน อันดับเครดิตของบริษัทที่ดีที่สุดของประเทศจะอยู่ที่ระดับ "AAA" และการจัดอันดับเครดิตอื่นในประเทศ จะเป็นการเปรียบเทียบความเสี่ยงกับบริษัทที่ดีที่สุดนี้เท่านั้น อันดับเครดิตภายในประเทศนั้นถูกออกแบบมาเพื่อนักลงทุนภายในประเทศในแต่ละประเทศนั้นๆ และมีสัญลักษณ์ที่กำหนดไว้ต่อท้ายจากอันดับเครดิตสำหรับแต่ละประเทศ เช่น "AAA(tha)" ในกรณีของประเทศไทย อันดับเครดิตภายในประเทศนั้นไม่สามารถนำไปใช้เปรียบเทียบระหว่างประเทศได้
สำหรับรายงานฉบับสมบูรณ์ของบริษัท วนชัย กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หาได้จาก www.fitchresearch.com หรือ ติดต่อ
อรวรรณ การุณกรสกุล กรรมการ ภาคอุตสาหกรรม +662 655 4766
วสันต์ ผลเจริญ นักวิเคราะห์ ภาคอุตสาหกรรม +662 655 4763
Vincent Milton กรรมการผู้จัดการ +662 655 4759--จบ--
-นท-