กรุงเทพฯ--30 เม.ย.--ธนาคารกสิกรไทย
ตลาดรถบูมสุดสุด ส่งผลลีสซิ่งกสิกรไทย ปล่อยกู้รถใหม่ไตรมาสแรก 55 เพิ่มกระฉูด 26.8% โชว์กำไร 102 ล้านบาท คาดยอดขายรถยนต์ทั้งปีทะลุ 1 ล้านคัน
นายอัครนันท์ ฐิตสิริวิทย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ลีสซิ่งกสิกรไทย จำกัด เปิดเผยว่า จากการที่อุตสาหกรรมรถยนต์ไทยกลับมาเติบโตอย่างรวดเร็วอีกครั้ง หลังจากได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์น้ำท่วมครั้งใหญ่เมื่อปลายปีที่แล้ว ส่งผลให้ยอดขายรถยนต์ในประเทศในไตรมาสแรกปี 55 อยู่ที่ 277,631 คัน เพิ่มจากปีช่วงเดียวกันของที่แล้ว 16.3% โดยเฉพาะเดือนมีนาคมสามารถทำยอดขายได้จำนวน 110,928 คัน ซึ่งเป็นสถิติยอดขายต่อเดือนที่สูงที่สุดเป็นประวัติการณ์ ซึ่งนับเป็นครั้งแรกที่มียอดขายต่อเดือนมากกว่า 100,000 คัน
จากยอดขายรถยนต์ที่บูมมาก ส่งผลให้บริษัท ลีสซิ่งกสิกรไทย จำกัด สามารถปล่อยสินเชื่อใหม่ในไตรมาสแรกปี 55 ได้ถึง 17,519 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีที่แล้ว 3,700 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 26.78% และสูงกว่าเป้าที่ได้ตั้งไว้ ปีนี้ คือ 13,035 ล้านบาท หรือคิดเป็น 34.40% ทั้งนี้แบ่งเป็นสินเชื่อเช่าซื้อและลีสซิ่งรถยนต์ใหม่ 8,679 ล้านบาท สูงกว่าเป้าที่ตั้งไว้ 2,144 ล้านบาท หรือคิดเป็น 32.81% สินเชื่อผู้แทนจำหน่ายรถยนต์ 8,840 ล้านบาท สูงกว่าเป้าที่ตั้งไว้ 2,340 ล้านบาท หรือ คิดเป็น 36%
ขณะที่สินเชื่อคงค้างในระบบ (Outstanding Loan) ของบริษัทฯ อยู่ที่ 66,821 ล้านบาท จากเป้าที่ตั้งไว้ 64,789 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.14% สินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ หรือ NPL อยู่ที่ 0.97% จากเป้าที่ตั้งไว้ 1.15% ส่งผลให้ผลประกอบการไตรมาส 1 ปี 2555 ของบริษัท ลีสซิ่งกสิกรไทย มีกำไร 102 ล้านบาท จากเป้าที่ตั้งไว้ที่ 98 ล้านบาท หรือสูงกว่าเป้าหมาย 4.08%
ด้านนายอิสระ วงศ์รุ่ง ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ลีสซิ่งกสิกรไทย จำกัด กล่าวเพิ่มเติมว่า ทิศทางตลาดรถยนต์ในประเทศปี 2555 คาดว่า ยอดขายรถยนต์ตลอดปี 55 น่าจะอยู่ที่ 1.05-1.10 ล้านคัน หรือขยายตัวประมาณ 32%-38% ขณะที่การแข่งขันด้านราคาในธุรกิจเช่าซื้อน่าจะลดลง โดยผู้ประกอบการธุรกิจเช่าซื้อน่าจะยังคงอัตราดอกเบี้ยเช่าซื้อต่อไปอีกระยะหนึ่ง แล้วเน้นการปรับกลยุทธ์การตลาด ด้วยการเร่งทำตลาดดีลเลอร์เพิ่มขึ้น เพื่อกระจายความเสี่ยงและเพิ่มโอกาสในการได้ลูกค้าใหม่
ส่วนตลาดรถยนต์มือสอง ซึ่งเคยเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับผู้ประกอบการบางรายในการขยายฐานสินเชื่อที่สร้างรายได้จากมาร์จิ้น (Margin) อาจได้รับผลบวกลดลง เนื่องจากส่วนต่างระหว่างราคารถใหม่กับรถเก่าบางรุ่นที่แคบลง ส่วนมาตรการกระตุ้นยอดขายรถยนต์จากภาครัฐและเอกชนในช่วงที่เหลือ เช่น ความคืบหน้าในการต่ออายุโครงการรถยนต์คันแรก การปรับอัตราภาษีสรรพสามิตรถยนต์ใหม่ ความนิยมของผู้บริโภคต่อรถยนต์รุ่นใหม่ ๆ ที่เปิดตัวออกมา ทิศทางราคาน้ำมันขายปลีกในประเทศ ประกอบกับทิศทางเศรษฐกิจทั้งในและต่างประเทศ น่าจะมีผลต่อการตัดสินใจซื้อของผู้บริโภค
สำหรับกลยุทธ์ในไตรมาสที่ 2 ปี 55 บริษัทฯ จะใช้กลยุทธ์ยึดความต้องการของลูกค้า คู่ค้าเป็นศูนย์กลาง โดยคาดว่า ในช่วงไตรมาสที่ 2 กลุ่มรถยนต์ประเภท Eco Car, Super Car และ Pick-Up มีแนวโน้มจะได้รับความนิยมมากขึ้น ซึ่งทางบริษัทฯ ได้ออกแคมเปญส่งเสริมการขายเพื่อตอบสอดรับกับตลาดขาขึ้น เช่น Mitsubishi รุ่น Mirage บริษัท ฯ ได้เสนอโปรแกรมผ่อนแบบ Balloon ซึ่งเป็นการผ่อนชำระที่ตอบโจทย์ผู้ที่ต้องการสภาพคล่องทางการเงินสูงและมีเงินหมุนเวียน นอกจากนี้ยังร่วมกับผลิตภัณฑ์ในเครือธนาคารกสิกรไทย ในการออกแคมเปญโปรโมชั่นต่าง ๆ เพื่อให้ตอบสนองความต้องการของลูกค้าและคู่ค้าอย่างสูงสุด นอกจากนั้น บริษัท ฯ ยังได้ศึกษาเพื่อขยายตลาดไปยังกลุ่มตลาดรถจักรยานยนต์ โดยเฉพาะรถจักรยานยนต์ในกลุ่ม Big Bike เพราะลูกค้ากลุ่มนี้เป็นกลุ่มที่มีศักยภาพสูง มีการขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งมีความเป็นไปได้ที่จะเริ่มทำตลาดในครึ่งปีหลังปีนี้