กรุงเทพฯ--1 พ.ค.--เนชั่น มัลติมีเดีย กรุ๊ป
“สุทธิชัย หยุ่น”ลั่น “เครือเนชั่น” พร้อมพุ่งทะยานครั้งใหม่ ลดทุนจดทะเบียนเหลือ 873 ล้านบาท ล้างขาดทุนสะสม 770 ล้านบาท เหลือแค่ 2 ล้านบาทเศษ ตั้งเป้าเติบโตสมดุลยั่งยืน เพิ่มสัดส่วนรายได้ดิจิทัล-บรอดคาสท์ เป็น 40% ธุรกิจการศึกษา 20% ภายใน 5 ปี เตรียมเปิดน่านฟ้าธุรกิจสื่อและการศึกษากลุ่มเออีซี เริ่มเจรจาร่วมธุรกิจสื่อรายใหญ่พม่า
การประชุมสามัญประจำปีผู้ถือหุ้น บริษัทเนชั่น มัลติมีเดีย กรุ๊ป ซึ่งมีขึ้นเมื่อวันที่ 26 เม.ย. ณ โรงแรมเลอบัว แอทสเตท ทาวเวอร์ กรุงเทพฯ มีมติสำคัญ คือลดทุนจดทะเบียน พร้อมนำส่วนเกินมูลค่าหุ้นไปล้างขาดทุนสะสม ซึ่งทำให้ ทุนจดทะเบียนของบริษัท ลดจาก 2,500 ล้านบาท เหลือ 873,302,359 บาท ส่งผลให้ขาดทุนสะสมของบริษัทเหลือเพียง 2,017,174 บาท
เป็นที่น่าสังเกตว่า การประชุมผู้ถือหุ้นของเครือเนชั่นครั้งนี้ ได้รับความสนใจล้นหลาม นอกจากผู้ถือหุ้นที่เข้าร่วม ทั้งที่แสดงตนและมอบฉันทะ เป็นอัตราส่วนถึง 76.56% ของผู้ถือหุ้นทั้งหมด ยังรวมถึงสื่อมวลชนและนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ ที่เข้าร่วมประชุมนักวิเคราะห์ในวันเดียวกัน โดยมีเป้าหมายหลักคือต้องการพบปะคณะกรรมการบริหารชุดใหม่ ซึ่งถือเป็น “เลือดใหม่” ของเครือเนชั่น
นายสุทธิชัย หยุ่น ประธานกรรมการบริหาร บริษัทเนชั่น มัลติมีเดีย กรุ๊ป กล่าวเปิดการประชุมโดยให้คำมั่นกับผู้ถือหุ้นว่า ภายใต้การบริหารของทีมผู้บริหารชุดใหม่ เครือเนชั่น พร้อมก้าวไปข้างหน้า ด้วยโมเดล “C = ME3” (C เท่ากับ ME ยกกำลังสาม) ซึ่งจะทำให้เครือเนชั่นทะยานไปข้างหน้าอย่างไม่หยุดยั้ง
“สูตรของเนชั่น คือ C เท่ากับ ME ยกกำลังสาม เราตั้งเป้าหมายไว้ว่าจะเข้าถึงผู้บริโภค คือ Consumer อย่างไร้ขีดจำกัด ด้วย ME กำลังสาม M หรือมวลสารของเรา คือ เนื้อหาสาระหรือคอนเทนท์ที่แข็งแกร่ง ส่วนตัวคูณ หรือ ความเร็วแสงของไอน์สไตน์ สำหรับเรา คือ M 3 ตัว และ E 3 ตัว ประกอบด้วย Multi Platform, Multi Content และ Multi Region เราจะก้าวไปอาเซียน และ ก้าวไปทั่วโลกในอนาคต ส่วน E ทั้ง 3 ตัว ได้แก่ E คือ Edutainment Entertainment และ E Business”นายสุทธิชัยกล่าว
เขาขยายความว่าด้าน Multi Content เครือเนชั่น พร้อมขยายคอนเทนท์ หรือเนื้อให้ครอบคลุมทุกกลุ่มผู้รับสื่อ โดยจะมุ่งเดินหน้าข่าวสารไปสู่ ข้อมูล ความรู้ และปัญญาในที่สุด ในด้าน Multi Platform เครือเนชั่นจะมุ่งแผ่ขยายด้านแพลตฟอร์ม โดยเปิดเกมรุกในธุรกิจดิจิทัล และบรอดคาสท์อย่างจริงจัง
เนชั่นเล็งรุกธุรกิจสู่พม่า
ส่วนการก้าวสู่ธุรกิจในต่างประเทศ หรือ Multi Region เครือเนชั่น จะเริ่มรุกเข้าสู่ต่างประเทศทั้งในธุรกิจสื่อ และธุรกิจการศึกษา ผ่านเครือข่ายที่แข็งแกร่งของหนังสือพิมพ์ The Nation
“เรามีเครือข่ายสื่อต่างประเทศที่แข็งแกร่งคือ ANN (Asia News Network) เครือข่ายสื่อที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย มีสมาชิกมากถึง 21 สื่อ ใน 18 ประเทศ ตั้งแต่ปากีสถานไปจนถึงญี่ปุ่น ตั้งแต่จีนจรดอินเดีย ซึ่งเครือข่าย ANN จะเป็นสะพานให้การเปิดธุรกิจในต่างประเทศทั้งธุรกิจสื่อ และธุรกิจการศึกษา ของเครือเนชั่น เป็นไปได้ง่ายขึ้น
นายสุทธิชัย ยังเปิดเผยด้วยว่าเครือเนชั่น ได้รับการติดต่อจากสื่อเอกชนของพม่า Eleven Media เจ้าของ นสพ.ภาษาพม่า และนสพ.ภาษาอังกฤษในพม่า และเป็นผู้ให้บริการข่าว SMS ภาษาอังกฤษครั้งแรกในพม่า โดยทาบทามให้เครือเนชั่นเข้าไปช่วยเหลือในการขยายธุรกิจ เพราะชื่อเสียงของเนชั่น กรุ๊ปที่เป็นที่รู้จักดีในกลุ่มสื่อประเทศอาเซียน “เราจะก้าวสู่สากล โดยมี ANN เป็นฐานที่สำคัญ จากสื่อทั้งหมด 21 ฉบับ ใน 18 ประเทศ ข่าวของเราจะเข้าถึง 15 ล้านคน ทั่วเอเชีย นี่คือจุดแข็งที่คนอื่นไม่มี”
สำหรับแนวคิด 3 E คือ ยุทธศาสตร์ ก้าวรุกสู่ ธุรกิจการศึกษา และ ธุรกิจบันเทิง พร้อมด้วยการรุกสู่ E-Business ซึ่งจะเป็นแหล่งก่อเกิดรายได้ที่สำคัญในอนาคต โดยมีนายต่อบุญ พ่วงมหา อดีตซีอีโอสนุกดอทคอม เป็นกำลังสำคัญ ด้วยประสบการณ์ที่บ่มเพาะในธุรกิจดิจิทัลเกินทศวรรษ เชื่อมั่นได้ว่านายต่อบุญ จะนำเครือเนชั่น ก้าวสู่ยุคดิจิทัล และสร้างรายได้จากสื่อใหม่ได้ต่อเนื่อง
ภายใต้การนำทีมของผู้บริหารชุดใหม่ และทิศทางธุรกิจ C= ME กำลัง 3 นายสุทธิชัย กล่าวว่า จะนำพาเนชั่นให้ก้าวไปข้างหน้า โดยเข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคอย่างไร้ขีดจำกัด ตั้งแต่ Generation X , Generation Y ไปจนถึง Generation C หรือ Generation “Click&Connect”
“จากปัจจุบัน เครือเนชั่นเข้าถึงผู้บริโภค 35 ล้านคน ผมคิดว่าใน 5 ปี เราจะเข้าถึงมากกว่า 70 ล้านคน”นายสุทธิชัยกล่าว พร้อมทิ้งท้ายว่า”นายแบงก์ท่านหนึ่ง พูดกับทีมใหม่ของเราว่านี่คือ New Blood , Old Brain”เลือดใหม่ แต่สมองขั้นเก๋า ผมคิดว่าเขาเห็นค่าประสบการณ์ และค่าสมองของประสบการณ์ความเป็นมืออาชีพกว่า 40 ปีของเรา เหล่านี้คือพลังมหาศาลที่จะทำให้เครือเนชั่น ทะยานขึ้นไปในท้องฟ้า ผมว่าอนาคตของเครือเนชั่นสุดยอดครับ”นายสุทธิชัย กล่าว
อีก 5 ปีลดรายได้สิ่งพิมพ์เหลือ 40%
ขณะเดียวกัน นางสาวดวงกมล โชตะนา กรรมการ และกรรมการผู้อำนวยการ บริษัท เนชั่น มัลติมีเดีย กรุ๊ป ระบุว่า ภายใต้ทิศทางใหม่ เครือเนชั่นพร้อมก้าวสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน โดยมีโครงสร้างรายได้ที่สมดุล และลดความเสี่ยง โดยใน 5 ปีข้างหน้า รายได้จากสื่อดิจิทัลและบรอดคาสท์ จะมีสัดส่วนเพิ่มเป็น 40% และรายได้จากธุรกิจการศึกษา จะเพิ่มเป็น 20% ส่วนรายได้จากสื่อสิ่งพิมพ์ จะลดจาก 60% ในปัจจุบัน เหลือ 40% ใน 5 ปีข้างหน้า
กรรมการผู้อำนวยการบริษัท เนชั่น มัลติ มีเดีย กรุ๊ป กล่าวว่า ปีนี้บริษัทมีแผนจะบุกธุรกิจดิจิทัลอย่างเต็มที่ เพราะเป็นธุรกิจที่มีแนวโน้มการเติบโตและเป็นเทรนด์ของโลก โดยกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจก็จะมีความหลากหลายทั้งสาระบันเทิง การศึกษา และจะเข้าไปสู่ธุรกิจการกระจายภาพและเสียง แต่ไม่ได้แข่งกับบริษัท เนชั่น บรอดแคสติ้ง คอร์ปอเรชั่น (NBC) จะมีความแตกต่างให้เห็นชัดเจน รวมทั้งจะมีกรุงเทพธุรกิจทีวีเกิดขึ้น ขณะที่บริษัทเนชั่น ก็จะมีการขยายไปสู่ทีวีอาเซียนมากขึ้น ต้องอาศัยความแข็งแกร่งเครือข่ายที่มีอยู่ในเอเชีย และตั้งเป้าหมายที่จะหาพันธมิตรมากขึ้น ทั้งนี้กำลังพิจารณาหาโอกาสที่จะเข้าในประเทศพม่า
“กลุ่ม NMG ได้ ขยายธุรกิจเพื่อสร้างสมดุลรายได้มานานแล้วจะเห็นได้ว่า เรามีสถานีข่าวเนชั่น แชนแนล มาแล้วถึง 12 ปี ในปีนี้เราจะมีสถานีโทรทัศน์ ดาวเทียม เพิ่มขึ้นอีก 2 สถานี คือ สถานีกรุงเทพธุรกิจทีวี มุ่งโฟกัสกลุ่มนักธุรกิจ และสถานี Kid Zone หรือคิดซน เจาะกลุ่มเยาวชน ซึ่งจะทำให้รายได้ของเราเติบโตอย่างมั่นคงขึ้น”นางสาวดวงกมล กล่าว
นางสาวดวงกมล กล่าวต่อว่า ภาพรวมของบริษัทเนชั่นปีนี้ คาดจะมีรายได้เติบโต 30% เนื่องจากรายได้จากโฆษณาที่เติบโตอย่างคึกคัก หลังจากที่ปลายปีก่อนต้องประสบกับปัญหาอุทกภัยครั้งใหญ่ ทำให้เม็ดเงินโฆษณาทะลักเข้ามาในไตรมาส 1/2555 ส่งผลให้ผลประกอบการของบริษัทเติบโตได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ ส่วนแผนการล้างขาดทุนสะสมที่เหลืออยู่ 2.7 ล้านบาทนั้น คาดว่าในไตรมาสแรกเมื่อบริษัทมีกำไรก็จะสามารถล้างขาดทุนได้ทั้งหมด
ผู้บริหารชุดใหม่เร่งดันบริษัทโต
ด้าน นายเสริมสิน สมะลาภา รองประธานกรรมการบริหาร บริษัทเนชั่น มัลติมีเดีย กรุ๊ป กล่าวว่า การเข้ามาลงทุนถือหุ้นเนชั่น เนื่องจากได้ศึกษาการลงทุนในธุรกิจประเทศไทย ซึ่งพิจารณาว่าธุรกิจใดที่ต่างชาติไม่สามารถเข้ามาเป็นเจ้าของได้ และเข้ามาดูรูปแบบธุรกิจมีความเป็นมืออาชีพ และอนาคตดีมีโอกาสเติบโตเพราะเป็นสื่อที่ครบวงจรน่าจะให้ผลตอบแทนที่ดี
“ผมมั่นใจในธุรกิจของเนชั่น และการมีกลุ่มผู้บริหารใหม่จะเร่งผลักดันให้บริษัทเติบโตได้ดี ปัจจุบันได้ขายหุ้นที่ถืออยู่ที่หมดแล้วและถือหุ้นเนชั่นเพียงบริษัทเดียวมั่นใจว่าจะมีกำไรและเป็นสื่อที่จะสร้างชื่อเสียงให้ประเทศได้ในอนาคต” นายเสริมสิน กล่าว
ส่วนการเคลื่อนไหวราคาหุ้นเนชั่น เมื่อวันที่ 26 เม.ย.2555 ราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้น และมีวอลุ่มเข้ามาหนาแน่น จนกระทั่งมาปิดตลาดที่ราคา 0.89 บาท เพิ่มขึ้น 0.13 บาท คิดเป็น 17.11% มูลค่ารวม 72.35 ล้านบาท
มองเห็นอนาคตเนชั่นชัดเจน
นายศิริวัฒน์ วรเวท์วุฒิคุณ หนึ่งในผู้ถือหุ้น บริษัท เนชั่น มัลติมีเดีย กรุ๊ป ให้ความเห็นว่าการประชุมผู้ถือหุ้นครั้งนี้ ทำให้มองเห็นอนาคตของเนชั่นชัดเจนมากขึ้น “เป็น นิว เนชั่น อย่างแท้จริง ผมขอชื่นชมการตัดสินใจลดทุนของบริษัท เพื่อให้หลุดพ้นจากภาวะขาดทุนสะสม ซึ่งจะทำให้มีโอกาสจ่ายเงินปันผลให้กับผู้ถือหุ้นได้ในอนาคต”
ส่วนผลประกอบการของบริษัทปี 2554 บริษัทมีรายได้ทั้งสิ้น 2,643 ล้านบาท ลดลง 2% จากปี 2553 ที่มีรายได้ 2,697 ล้านบาท ทั้งที่ใน 9 เดือนแรกของปีบริษัทมีผลการดำเนินงานที่ดีมาตลอด แต่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่ในไตรมาสสุดท้าย อย่างไรก็ตาม ผลกระทบที่เกิดขึ้นนับว่าน้อยมากเมื่อเทียบกับอุตสาหกรรมสื่อด้วยกัน แต่ทั้งนี้ในภาพรวมบริษัทมีงบการเงินรวมปี 2554 ยังคงมีกำไรสุทธิ 104 ล้านบาท