“คลัง” ดีเดย์ “พักชำระหนี้ 3 ปี” ลงทะเบียน 2 พ.ค. 2555 อุ้มลูกหนี้ดีกลุ่มเกษตรกรรายย่อย และลูกหนี้ไม่เกิน 5 แสนบาท

ข่าวทั่วไป Wednesday May 2, 2012 11:51 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--2 พ.ค.--สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีเปิดโครงการ “พักชำระหนี้ 3 ปี” เพื่อให้ลูกหนี้ที่มีประวัติการชำระหนี้ดีในกลุ่มเกษตรกรรายย่อย และผู้มีรายได้น้อยที่มีมูลหนี้คงค้างไม่เกิน 5 แสนบาท เป็นระยะเวลา 3 ปี เปิดโอกาสให้ลูกหนี้เลือก พักเงินต้นพร้อมกับลดอัตราดอกเบี้ยให้ 3 % หรือ ลดดอกเบี้ย 3% โดยไม่พักเงินต้น และโดยทั้งสองกรณีสามารถกู้เพิ่มได้ตามศักยภาพของลูกหนี้ในอัตราดอกเบี้ยปกติ โดยมีนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง นายทนุศักดิ์ เล็กอุทัย รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง นายวิรุฬ เตชะไพบูลย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ผู้บริหารกระทรวงการคลัง รวมทั้งผู้บริหารสถาบันการเงินเฉพาะกิจ ร่วมให้การต้อนรับ และศิลปินดารา อาทิ ฟิล์ม-รัฐภูมิ โตคงทรัพย์, พิงกี้-สาวิกา ไชยเดช, กระแต-ศุภักษร ไชยมงคล และวงบลูเบอร์รี่ อาร์สยาม เข้าร่วมเปิดโครงการอย่างยิ่งใหญ่พร้อมเกษตรกรกว่า 600 คน ณ ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันพุธที่ 2 พฤษภาคม 2555 นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า เพื่อเป็นการดูแลปัญหาภาระหนี้สินของประชาชนอย่างต่อเนื่อง และบรรเทาความเดือดร้อนด้านการเงินให้กับประชาชน คณะรัฐมนตรีจึงมีมติให้ความเห็นชอบในการปรับปรุงโครงการพักหนี้เกษตรกรรายย่อย และประชาชนผู้มีรายได้น้อย ที่มีหนี้คงค้างไม่เกิน 500,000 บาท โดย “โครงการพักชำระหนี้ 3 ปี” นี้ จะพักชำระหนี้แก่ลูกค้าที่มีประวัติการชำระหนี้ดีในกลุ่มเกษตรรายย่อย และผู้มีรายได้น้อยที่มีมูลหนี้คงค้างไม่เกิน 500,000 บาท เป็นระยะเวลา 3 ปี เปิดโอกาสให้ลูกหนี้เลือก พักเงินต้นพร้อมกับลดอัตราดอกเบี้ยให้ 3 % หรือ ลดดอกเบี้ย 3% โดยไม่พักเงินต้นและกู้เพิ่มได้ตามศักยภาพของลูกหนี้ในอัตราดอกเบี้ยปกติ โดยทั้งสองกรณีสามารถกู้เพิ่มได้ตามศักยภาพการชำระหนี้ ซึ่งจะเริ่มพักชำระหนี้ได้ตั้งแต่ 1 กันยายน 2555 ถึงวันที่ 31 สิงหาคม 2558 โดยรัฐบาลจะเปิดให้ลูกหนี้ที่สนใจเข้าร่วมโครงการพักชำระหนี้ฯ ลงทะเบียนได้ตั้งแต่วันที่ 2 พฤษภาคม 2555 ถึง 20 สิงหาคม 2555 ลูกหนี้ที่มาลงทะเบียนจะรับทราบผลทันที ส่วนลูกหนี้ที่ขอกู้เพิ่มธนาคารที่เข้าร่วมโครงการฯ จะใช้เวลาพิจารณาอนุมัติภายใน 15 วันเท่านั้น โดยกลุ่มเป้าหมายลูกหนี้ที่เข้าข่ายโครงการพักชำระหนี้ฯ นี้มีจำนวนประมาณ 3.8 ล้านราย คิดเป็นมูลหนี้คงค้างประมาณ 4.6 แสนล้านบาท แบ่งเป็นลูกค้าจาก ธ.ก.ส. จำนวน 2.9 ล้านราย คิดเป็นมูลหนี้ 3.9 แสนล้านบาท ธนาคารออมสิน 8.4 แสนราย มูลหนี้ 6.4 หมื่นล้านบาท ธนาคารเพื่อการพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) 7.8 พันราย มูลหนี้ 1.4 พันล้านบาท และธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย (IBank) จำนวน 3.5 พันราย มูลหนี้ 450 ล้านบาท นอกจากนี้ สำหรับประชาชนที่เข้าร่วมโครงการชำระพักหนี้ฯ ตามโครงการระยะแรก (ช่วยเหลือประชาชนที่มีสถานะหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้) สามารถขอเปลี่ยนเข้าร่วมโครงการชำระพักหนี้ใหม่สำหรับประชาชนที่เป็นลูกหนี้และมีสถานะหนี้ปกตินี้ได้ โดย แสดงความจำนงกับสถาบันการเงินเฉพาะกิจที่เป็นเจ้าหนี้เพื่อแสดงเจตนาเปลี่ยนสถานะหนี้ให้เป็นสถานะหนี้ปกติ ก่อนเข้าร่วมโครงการฯ ทั้งนี้ รัฐบาลคาดว่าผลจากโครงการชำระพักหนี้ฯ ในครั้งนี้ จะส่งผลต่อการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจประมาณร้อยละ 0.4 -0.7 ต่อปี หรือ 44,000 — 77,000 ล้านบาทต่อปี อย่างไรก็ตาม จะมีการดูแลผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากการดำเนินโครงการชำระพักหนี้อย่างรอบคอบไม่ว่าจะเป็น การขาดวินัยทางการเงินของลูกหนี้ โดยกำหนดให้ภายหลังจากลูกหนี้เข้าโครงการแล้ว หากมีการผิดนัดชำระหนี้ตามเงื่อนไขใหม่ ลูกหนี้จะต้องออกจากโครงการทันที อีกทั้งกระทรวงการคลังจะแต่งตั้งคณะกรรมการเพื่อทำหน้าที่แนะนำและติดตามดูแลการใช้เงินของลูกหนี้ที่ประหยัดได้จากการเข้าโครงการครั้งนี้ พร้อมการบรรเทาและช่วยเหลือผลกระทบต่อสถานะทางการเงินของสถาบันการเงินเฉพาะกิจ กระทรวงการคลังจะชดเชยรายได้ดอกเบี้ยให้สถาบันการเงินเฉพาะกิจในอัตราร้อยละ 1.5 ต่อปี และจัดหาแหล่งเงินทุนต้นทุนต่ำ และแหล่งเงินเพิ่มทุน เพื่อลดผลกระทบที่อาจเกิดจากการดำเนินการ รวมถึงแยกบันทึกบัญชีการดำเนินงานตามโครงการฯ นี้ออกจากการดำเนินงานปกติ (Public Service Account : PSA) เพื่อประเมินผลกระทบอย่างโปร่งใสต่อไป โดยผู้สนใจสามารถติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่สถาบันการเงินเฉพาะกิจที่เข้าร่วมโครงการทุกสาขา หรือติดต่อตามหมายเลขโทรศัพท์ ดังนี้ - สำนักนโยบายพัฒนาระบบการเงินภาคประชาชน สำนักงานเศรษฐกิจการคลังโทร. 02 273 9020 ต่อ 3697 / 3212 หรือ โทร. 1689 - ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร โทร. 02 555 0555 - ธนาคารออมสิน โทร. 1115 - ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย โทร. 1357 - ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย โทร. 1302

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ