กรุงเทพฯ--3 พ.ค.--เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส
บริษัท เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส จำกัด ผู้นำเข้าและตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ปอร์เช่อย่างเป็นทางการแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย ส่งปอร์เช่ พานาเมร่า เอส ไฮบริด (Panamera S Hybrid) และ คาเยนน์ เอส ไฮบริด (Cayenne S Hybrid) คว้ารางวัลรถยอดเยี่ยมแห่งปีหรือ Car of The Year 2012 โดยการทดสอบสมรรถนะยานยนต์ในทุกด้าน ณ สนามแก่งกระจาน เซอร์กิต จังหวัดเพชรบุรี
ซึ่งการทดสอบและรางวัลนี้เกิดจากความร่วมมือขององค์กรและหน่วยงานต่างๆ ที่ได้รักบการยอมรับอย่างกว้างขวาง นั่นคือ คณะอาจารย์วิศวกรรมยานยนต์จากสถาบันต่างๆ สมาคมผู้สื่อข่าวรถยนต์และรถจักรยานยนต์แห่งประเทศไทยและบริษัท กรังด์ปรีซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด
และปอร์เช่ทั้ง 2 รุ่นนี้ ได้แสดงความเหนือชั้นด้วยการคว้ารางวัลที่สุดแห่งนวัตกรรมยานยนต์ โดยรถยนต์ปอร์เช่ พานาเมร่า เอส ไฮบริด (Panamera S Hybrid) ได้รับรางวัล “รถยนต์หรูที่เต็มไปด้วยเทคโนโลยีชั้นนำที่ดีที่สุด (BEST LUXURY CAR ADVANCE TECHNOLOGY)” และ คาเยนน์ เอส ไฮบริด (Cayenne S Hybrid) ได้รับรางวัล “รถสปอร์ตอเนกประสงค์หรูที่เต็มไปด้วยเทคโนโลยีชั้นนำที่ดีที่สุด (BEST LUXURY SUV ADVANCE TECHNOLOGY)” อีกด้วยเช่นกัน
พานาเมร่า เอส ไฮบริด (Panamera S Hybrid) รุ่นนี้มีขุมพลังอยู่อย่างเต็มพิกัด และพร้อมจะทะยานไปข้างหน้าได้อย่างโดดเด่นและเต็มไปด้วยความเป็นสปอร์ต ด้วยกำลังเครื่องยนต์ที่มีแรงม้าสูงสุดถึง 380 แรงม้า (279 กิโลวัตต์) และมีอัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงที่ดีเยี่ยมนั่นคือ 6.8 ลิตร/100 กม. เพียงเท่านั้น (ตามรูปแบบการขับขี่แบบ NEDC) อีกทั้งยังเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมด้วยอัตราการปล่อย C02 เพียง 159 กรัม/กม. สมรรถนะเครื่องยนต์ที่ดีเยี่ยมของพานาเมร่า เอส ไฮบริด (Panamera S Hybrid) นี้ จึงทำให้ปอร์เช่รุ่นนี้กลายเป็นรุ่นที่ประหยัดที่สุดสำหรับแบรนด์ปอร์เช่ตั้งแต่เคยมีมาและถือได้ว่าโดดเด่นทิ้งรถรุ่นอื่นๆที่มีเครื่องยนต์ไฮบริดในคลาสเดียวกันไปได้อย่างสง่างาม
คาเยนน์ เอส ไฮบริด (Cayenne S Hybrid) นี้ประกอบไปด้วยเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดที่ปอร์เช่พัฒนามานานนับ 10 ปี ซึ่งเป็นการทำงานด้วยกันระหว่าง เครื่องยนต์ 3.0 ลิตรติดระบบอัดอากาศซุปเปอร์ชาร์จที่สามารถผลิตกำลังออกมาได้ 333 แรงม้า ทำงานควบคู่ไปกับมอเตอร์ไฟฟ้ากำลังสูงที่ได้กระแสไฟฟ้ามาจากแบตเตอร์รี่ Nickel-Metal Hydride ที่บรรจุอยู่บริเวณท้ายรถ ซึ่งสามารถผลิตกำลังออกมาได้ 47 แรงม้า ทำให้เมื่อการขับขี่แบบ boosting หรือคิกดาวน์นั้น กำลังของทั้งสองระบบจะประสานกันและผลิตแรงม้าออกมาได้ถึง 380 แรงม้าหรือ 279 กิโลวัตต์ที่ 5,500-6,500 rpm และทำความเร็วสูงสุดอยู่ที่ 242 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และเร่งความเร็วจาก 0-100 ได้ภายใน 6.5 วินาที ซึ่งสมรรถนะเหล่านี้เทียบเท่าได้กับเครื่องยนต์ V8 แต่ประหยัดการบริโภคเชื้อเพลิงได้มากกว่าถึง 22% และนี้คือเทคโนโลยีของปอร์เช่แบบระบบ Parallel Full Hybrid System
จากรางวัลรถยนต์ยอดเยี่ยมแห่งปีที่ได้รับนี้ เป็นการการันตีได้ว่ารถยนต์ปอร์เช่นั้น คือที่สุดแห่งนวัตกรรมยานยนต์ที่แท้จริงและเป็นที่ยอมรับของผู้เชี่ยวชาญมากมาย สร้างความมั่นใจให้แก่ผู้ขับขี่และผู้ที่กำลังจะตัดสินใจซื้อได้อย่างมาก ยิ่งกว่านั้นการดูแลรักษาเครื่องยนต์ไฮบริดที่ดีนั้น ต้องเป็นวิศวกรทางเทคนิคที่ได้รับการฝึกอบรมเกี่ยวกับระบบไฟฟ้าและเครื่องยนต์ไฮบริดจากโรงงานปอร์เช่เยอรมนีเท่านั้นที่สามารถดูแลรถยนต์ให้แก่ท่านได้ ซึ่งเหล่าวิศวกรหรือผู้เชี่ยวชาญทางเทคนิคของเอเอเอสฯ ล้วนผ่านการอบรมในด้านนี้
สำหรับประเทศไทย ท่านสามารถค้นหาหรือสอบถามเกี่ยวกับรถยนต์ปอร์เช่ได้จาก บริษัท เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส จำกัด ผู้นำเข้าและตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ปอร์เช่อย่างเป็นทางการแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทยเท่านั้น ที่มีศูนย์บริการมาตรฐานและทีมบริการที่มากประสบการณ์ ซึ่งได้รับการฝึกอบรมจากทางโรงงานปอร์เช่ประเทศเยอรมนีโดยตรง พร้อมให้บริการรถปอร์เช่ของท่าน และซื้อรถยนต์ปอร์เช่จากทางเอเอเอสเท่านั้นที่สามารถได้สิทธิ์การรับประกันจากโรงงานปอร์เช่ประเทศเยอรมนีนาน 9 ปี ติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับรถยนต์ปอร์เช่ ได้ที่ แผนกขาย โทร. 02-522-6655 ต่อ 101-103 หรือเยี่ยมชมเว็บไซต์ได้ที่ www.porsche.co.th
Porsche Centre Bangkok PR
Public Relations and Media
กมลทิพย์ ศักดิ์สมานชัย (เกด)
Phone: +662 522 6655 ext. 448
E-mail: kamonthip@porsche.co.th