กรุงเทพฯ--10 พ.ค.--กลุ่มสารนิเทศการคลัง กระทรวงการคลัง
นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ในฐานะหัวหน้าคณะผู้แทนไทย นายอารีพงศ์ ภู่ชอุ่ม ปลัดกระทรวงการคลัง นายสมชัย สัจจพงษ์ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง และคณะ ได้เดินทางเข้าร่วมการประชุมประจำปีสภาผู้ว่าการธนาคารพัฒนาเอเชีย ครั้งที่ 45 และการประชุมอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง ณ กรุงมะนิลา ประเทศฟิลิปปินส์ ระหว่างวันที่ 3 - 5 พฤษภาคม 2555 โดยได้เข้าร่วมการประชุมต่างๆ ดังมีสาระสำคัญสรุปได้ดังนี้
1. พิธีเปิดการประชุมประจำปีสภาผู้ว่าการธนาคารพัฒนาเอเชีย ครั้งที่ 45
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังและคณะได้เข้าร่วมพิธีเปิดการประชุมฯ โดยมีนายฮารุฮิโกะ คุโรดะ (Mr. Haruhiko Kuroda) ประธานธนาคารพัฒนาเอเชีย (Asian Development Bank: ADB) และนายเบนิกโน ซิมยอน อาคิโน(H.E. Benigno S. Aquino) ประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ให้เกียรติเป็นผู้กล่าวเปิดการประชุมฯ โดยประธาน ADB ได้กล่าวสุนทรพจน์ในพิธีเปิด สรุปได้ว่า เมื่อ 45 ปีก่อนการจัดตั้ง ADB ภูมิภาคเอเชียเป็นเพียงภูมิภาคเล็กๆ แต่ปัจจุบันภูมิภาคนี้ได้กลายเป็นภูมิภาคที่สำคัญของโลก ถึงแม้ว่าวิกฤติเศรษฐกิจโลกที่เกิดขึ้นได้ส่งผลให้อัตราการเจริญเติบโตเศรษฐกิจภายในภูมิภาคขยายตัวได้ช้า แต่การขยายตัวก็ยังคงอยู่ในระดับที่เข้มแข็ง โดยประมาณการอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจในภูมิภาคจะอยู่ในระดับร้อยละ 6.9 ในปี 2555 และร้อยละ 7.3 ในปี 2556 นอกจากนี้ ประธาน ADB ได้เน้นย้ำถึง 3 ด้านหลักที่จำเป็นมีการเปลี่ยนแปลง (Transforming) เพื่อก่อให้เกิดการเจริญเติบโตของเศรษฐกิจภายในภูมิภาค ได้แก่ (1) การเจริญเติบโตที่จำเป็นต้องลดความยากจนโดยการกระจายรายได้ (2) การเจริญเติบโตที่ไม่เป็นพิษต่อสิ่งแวดล้อม (Green Growth) และ (3) การเจริญเติบโตที่เกิดขึ้นภายใต้ฐานความรู้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสิทธิผล สำหรับประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ ได้เน้นเรื่อง การบริหารงานของรัฐบาลนี้ที่ผ่านมา 2 ปี ได้เน้นการแก้ไขปัญหาการทุจริตภายในประเทศ เพราะเล็งเห็นว่าประเด็นดังกล่าวเป็นเรื่องสำคัญมากที่ทำลายศักยภาพการพัฒนาของประเทศ และทิศทางการดำเนินงานของรัฐบาลที่มุ่งเน้นให้เกิดการแข่งขันและสร้างธรรมาภิบาลในภาครัฐและเอกชนเพื่อนำไปสู่ความสำเร็จของประเทศ
2. การประชุมโต๊ะกลมระหว่างผู้ว่าการธนาคารพัฒนาเอเชีย ครั้งที่ 3
ในช่วงเช้าก่อนพิธีเปิดการประชุมฯ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังและปลัดกระทรวงการคลังได้เข้าร่วมการประชุมโต๊ะกลมครั้งที่ 3 ระหว่างผู้ว่าการธนาคารพัฒนาเอเชียจาก 12 กลุ่มออกเสียงใน ADB (สหรัฐอเมริกา จีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ฝรั่งเศส ออสเตรเลีย แคนาดา เยอรมนี อินเดีย อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ และไทย) ซึ่งประเทศไทยเข้าร่วมในฐานะตัวแทนของกลุ่มออกเสียงของไทย ประกอบด้วยสมาชิก 6 ประเทศ ได้แก่ บรูไน ดารุสซาลาม เนปาล สหภาพพม่า มาเลเซีย สิงคโปร์ และประเทศไทย สาระสำคัญของการประชุมฯ สรุปได้หารือภายใต้หัวข้อการแก้ปัญหาความยากจน โดยการกระจายรายได้เพื่อลดความเหลื่อมล้ำหรือความเท่าเทียมกันทางรายได้ เนื่องจากเป็นหนึ่งในสาเหตุหลักที่เป็นปัญหาต่อการพัฒนาประเทศส่วนใหญ่ในปัจจุบัน ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังไทยได้หยิบยกนโยบายการดำเนินงานของรัฐบาลที่มีส่วนช่วยลดความเหลื่อมล้ำและความไม่เท่าเทียมกันทางรายได้ให้ที่ประชุมฯ ทราบ ได้แก่ นโยบายการเพิ่มค่าแรงขึ้นต่ำเพื่อให้ประชากรมีรายได้ที่เพิ่มขึ้น โดยกล่าวว่า ในระยะแรกอาจมีผลกระทบทำให้บางภาคส่วนเสียประโยชน์ แต่ต่อไปจะเป็นการช่วยทำให้ประชากรมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นและมีกำลังซื้อที่มากขึ้น และจะนำไปสู่การเพิ่มขึ้นของอุปสงค์ในประเทศและจะช่วยกระตุ้นและขับเคลื่อนเศรษฐกิจในระยะยาว ซึ่งหลายประเทศในที่ประชุมฯ ได้แสดงความสนใจต่อแนวนโยบายการดำเนินงานของไทยดังกล่าว ทั้งนี้ ที่ประชุมฯ เห็นพ้องต้องกันว่า ภาครัฐและเอกชนควรร่วมดำเนินการในการแก้ปัญหาดังกล่าว โดยเน้นการพัฒนาด้านการศึกษา การเพิ่มการลงทุนในประเทศที่ต้องการการพัฒนาให้มากขึ้น การสร้างนวัตกรรมที่ทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลง การพัฒนาเศรษฐกิจทุกภาคส่วน (Inclusive Growth) เพื่อช่วยให้เข้าถึงแหล่งเงินทุนให้แก่ประชากรทุกระดับ ซึ่งที่ประชุมฯ ได้มอบหมายให้ ADB จัดทำเว็บไซต์กลางในการแลกเปลี่ยนข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการช่วยเหลือในการลดความเลื่อมล้ำ/ความไม่เท่าเทียมทางรายได้
3. การประชุมประจำปีสภาผู้ว่าการธนาคารพัฒนาเอเชีย ครั้งที่ 45
ในช่วงบ่ายรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังและคณะได้เข้าร่วมการประชุมประจำปีสภาผู้ว่าการธนาคารพัฒนาเอเชีย ครั้งที่ 45 ซึ่งประเทศไทยได้จัดส่งสุนทรพจน์ โดยมีสาระสำคัญกล่าวถึง ปัจจุบันการขยายตัวทางเศรษฐกิจภายในภูมิภาคเป็นไปในทิศทางที่ดีและมีบทบาทสำคัญในเศรษฐกิจโลก สำหรับประเทศไทยมีการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่ดีอย่างต่อเนื่องถึงแม้ประสบปัญหาอุทกภัยในช่วงปีที่ผ่านมา ทั้งนี้ รัฐบาลไทยได้จัดทำแผนและมาตรการฟื้นฟูหลังอุทกภัยน้ำท่วมอย่างเป็นระบบ โดยในปี 2555 คาดว่าแผนฟื้นฟูดังกล่าวจะช่วยเพิ่มการบริโภคและการลงทุนภายในประเทศ อีกทั้งการร่วมมือทางเศรษฐกิจที่ขยายตัวในภูมิภาคจะส่งผลให้เศรษฐกิจไทยมีอัตราการเจริญโตทางเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่องโดยประมาณการว่า อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจของประเทศไทยในปี 2555 จะมีการขยายตัวอย่างน้อยร้อยละ 5.5
สำหรับความร่วมมือระหว่างไทยกับ ADB ได้มีการจัดทำยุทธศาสตร์ความเป็นหุ้นส่วนระดับประเทศ (Country Partnership Strategy: CPS) ซึ่งมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อช่วยพัฒนาความร่วมมือทั้งในระดับประเทศและระดับภูมิภาค นอกจากนี้ ไทยเล็งเห็นความสำคัญของการให้ความช่วยเหลือแก่ประเทศยากจนในภูมิภาค โดยไทยได้เข้าร่วม เป็นผู้บริจาคในการเพิ่มทุนกองทุนพัฒนาเอเชีย (Asian Development Fund :ADF) ครั้งที่ 10 ของกองทุน ADF XI ทั้งนี้ ไทยคาดหวังจาก ADB ในการบริหารกองทุนฯ เพื่อนำไปใช้ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด โดยการนำไปพัฒนาด้านต่างๆ ภายในประเทศยากจน อาทิ การพัฒนาระบบคมนาคม พลังงาน ประปา ระบบโครงสร้างพื้นฐานอื่นๆ การพัฒนาด้านการศึกษา และการเตรียมพร้อมเพื่อรับมือการเปลี่ยนทางสภาพภูมิอากาศ เป็นต้น นอกจากนี้ ไทยยังมีบทบาทสำคัญใน การให้ความช่วยเหลือทั้งด้านการเงินและวิชาการเพื่อพัฒนาเศรษฐกิจในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง โดยไทยคาดหวังให้ ADB ยังคงให้การสนับสนุนอย่างต่อเนื่องในการร่วมมือกับไทยในการให้ความช่วยเหลือแก่ประเทศสมาชิกภายในภูมิภาคต่อไป
การประชุมประจำปีสภาผู้ว่าการธนาคารพัฒนาเอเชีย ครั้งที่ 46 จะจัดขึ้นในระหว่างวันที่ 4-5พฤษภาคม 2556 ณ กรุงนิวเดลี ประเทศอินเดีย