กรุงเทพฯ--11 พ.ค.--สหมงคลฟิล์ม
ประเภท Dance 3D
กำหนดฉาย 17 พฤษภาคม 2012
บริษัทจัดจำหน่าย มงคลเมเจอร์
อำนวยการสร้าง เจมส์ ริชาร์ดสัน (StreetDance 3D, Monsters)
เขียนบท เจน อิงลิช (StreetDance 3D)
กำกับ แม็กซ์ กิวา และ ดาเนีย พาสควินิ (StreetDance 3D)
นำแสดง ฟอร์ค เฮนท์เชล (Knight and Day)
โซเฟีย โบเทลล่า (แสดงนำในเอ็มวี Hollywood Tonight ของ ไมเคิล แจ็คสัน)
จอร์จ แซมสัน (ผู้ชนะเลิศการแข่งขัน Britain’s Got Talent ปี 2008)
ทีมเต้น Flawless (แชมป์โลก ปี 2005)
เนื้อเรื่อง
เพื่อที่จะเอาชนะทีมเต้นที่เก่งที่สุดในโลก แอช (ฟอร์ค เฮนท์เชล) นักเต้นสตรีทแด๊นซ์ และเพื่อนซี้คนใหม่ของเขา เอ็ดดี้ (จอร์จ แซมสัน) ก็ได้ออกเดินทางไปทั่วยุโรป และตกหลุมรักกับ อีวา (โซเฟีย โบเทลล่า) นักเต้นซัลซ่าสุดฮ็อตในมหานครปารีส ด้วยการผสมผสานการเต้นอันร้อนแรงของลาติน เข้ากับความดิบดุมันของสตรีทแด๊นซ์ StreetDance 2 ภาคต่อของหนังเต้นสุดฮิต ก็กำลังกลับมายิ่งใหญ่กว่าเดิม ในรูปแบบสามมิติอีกครั้ง
หลังจาก StreetDance 3D ประสบความสำเร็จถล่มทลาย กลายเป็นหนังสามมิติสัญชาติอังกฤษที่ทำเงินสูงสุด StreetDance 2 ก็ได้ทีมงานเดิมกลับมาทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นสองผู้กำกับ แม็กซ์ กิวา และ ดาเนีย พาสควินิ ผู้เขียนบท เจน อิงลิช (StreetDance 3D, Sugar Rush) และผู้อำนวยการสร้าง เจมส์ ริชาร์ดสัน ที่ถ่ายทำไปทั้งยุโรป รวมถึง ลอนดอน ปารีส โรม อิบิซ่า และเบอร์ลิน
StreetDance 2 นำแสดงโดย ฟอร์ค เฮนท์เชล และ โซเฟีย โบเทลล่า และทีมนักแสดงที่มีลีลาการเต้นเฉียบขาด โดย โซเฟีย ก็เป็นสมาชิกทีมเต้นของ มาดอนน่า มาถึงสองทัวร์ (Confessions และ Sticky & Sweet) รวมถึงการรับบทนำในเอ็มวี Hollywood Tonight ของ ไมเคิล แจ็คสัน ราชาเพลงป็อปผู้ล่วงลับ ในขณะที่ เฮนท์เชล มีการผลงานในหนังบล็อคบัสเตอร์ Knight & Day ในฉากที่ต้องสู้กับ ทอม ครูส
นอกจากนั้น จอร์จ แซมสัน ผู้ชนะเลิศการแข่งขัน Britain’s Got Talent ปี 2008 กลับมารับบท เอ็ดดี้ ในขณะที่ทีมเต้น Flawless ก็กลับมารับบท The Surge ทีมเต้นคู่แข่งในภาคแรก อะไค กลับมารับบทเป็น จูเนียร์ สมาชิกทีมเต้นที่อายุน้อยที่สุด และยังมีนักแสดงอย่าง ทอม คอนติ มารับบทเป็น มานู ลุงของ อีวา ที่พยายามปกป้องเธอ
จุดเริ่มต้นการสร้าง
หลังจากความสำเร็จของ StreetDance 3D ทีมงานทุกคนต่างก็เห็นด้วยว่า การตอกย้ำความสำเร็จในภาคที่สองจะต้องเป็นเรื่องที่ท้าทาย ดาเนีย พาสควินิ ผู้กำกับ อธิบายว่า "พวกเรารู้สึกช็อคกับความสำเร็จในภาคแรก ไม่น่าเชื่อว่าเราสามารถเปิดตัวได้สูงกว่า Prince of Persia เสียอีก" อีกหนึ่งผู้กำกับ แม็กซ์ กิวา เสริมว่า "พวกเราช็อคไปเลย โดยเฉพาะการที่เราเป็นหนังเต้นเรื่องแรกของโลกที่ทำเป็นสามมิติ คุณจะคิดไม่ถึงว่าผู้ชมจะตอบรับมันยังไง นี่เป็นเรื่องที่ไม่คาดฝัน"
สำหรับผู้อำนวยการสร้าง เจมส์ ริชาร์ดสัน นี่ถือเป็นโปรเจ็คในฝัน และเขาต้องการที่จะกลับมาสร้างสิ่งที่ยิ่งใหญ่และดียิ่งกว่า "ผมชอบประสบการณ์การทำงานใน StreetDance 3D มันเป็นเรื่องที่เยี่ยมในการมีส่วนร่วมกับบางสิ่ง ที่แตกต่างจากทุกอย่างที่ผมเคยทำมาก่อน ผมชอบหนังเต้นและเทคโนโลยีใหม่ๆ มันเป็นเรื่องที่ตื่นเต้นที่จะกลับไปทำอีกครั้ง แต่ถ้าจะทำเราก็ต้องมีทุกอย่างที่ดีกว่าเดิม ทั้งเรื่องท่วงท่าการเต้น เรื่องราว ความโรแมนติก และเทคโนโลยีสามมิติ มันเป็นเรื่องท้าทาย เพราะภาคแรกถือเป็นการประสบความสำเร็จอย่างสูง"
ความท้าทายของผู้สร้างก็คือ การหาส่วนผสมใหม่ที่ใหม่และลงตัวยิ่งกว่าเดิม เจมส์ อธิบายว่า "มีหนังหลายเรื่องที่มีส่วนผสมของการเต้น แต่เราอยากทำให้มันมีความแตกต่าง หนังเต้นหลายเรื่องมักมีสูตรที่ตายตัว ในภาคแรกเราผสมผสานบัลเล่ต์เข้ากับสตรีทแด๊นซ์ พวกเราต้องการผลักดันให้ไปไกลกว่าเดิม ดาเนีย ส่งคลิปการเต้นซัลซ่าบนเวทีชกมวยมาให้ สำหรับผมแล้วการเต้นซัลซ่าก็เหมือนกับการเต้นบอลล์รูม ที่ทุกคนจะอยู่ในชุดที่งดงามและมีอารมณ์ที่เร่าร้อนที่สุด นั่นคือสิ่งที่ผมอยากทำให้ภาคนี้"
ดาเนีย ก็ได้เขียนเรื่องราวขึ้นมา "แก่นแท้ของ StreetDance ในภาคแรก พวกเราคิดว่ามันเกี่ยวกับการแนะนำสไตล์การเต้นใหม่ให้คนดู ฉันและ แม๊กซ์ จึงต้องการสร้างส่วนผสมที่ลงตัวแบบนั้นอีกครั้ง พวกเราทำงานด้วยกันมานาน และเห็นด้วยว่าครั้งนี้เราไปทางลาติน พวกเราเคยเล่นกับสไตล์การเต้นแบบลาตินมาแล้ว นี่คือสิ่งที่พวกเราต้องการทำ"
นักแสดงนำ ฟอร์ค เฮนท์เชล รู้สึกตื่นเต้นกับการเต้นคู่ ซึ่งไม่ใช่สิ่งที่เกิดขึ้นในการเต้นสตรีทแด๊นซ์ เขาเผยว่า "ผมรู้สึกตื่นเต้นที่สุด ผมไม่คิดว่ามีใครเคยทำแบบนี้มาก่อน ผมคิดว่าการเต้นแบบสตรีทแด๊นซ์ เกี่ยวกับการใช้พลกำลังและโชว์ท่าเต้นที่น่าเหลือเชื่อ ดังนั้นการเต้นสตรีทแด๊นซ์ แบบแตะเนื้อต้องตัวฝ่ายตรงข้าม และให้ความสนใจกับคู่เต้นที่อยู่ตรงหน้าคุณ นั้นคือสิ่งที่ทำให้ผมสนใจ นี่เป็นสิ่งที่ทำให้ผมอยากเข้ามาแสดง"
ดาเนีย ขยายความต่อว่า "สุดท้ายแล้วหัวใจของมันก็คือ โลกสองใบที่เข้ามาประสานกัน อีวา (โซเฟีย) เป็นตัวแทนของโลกลาติน และ แอช (ฟอร์ค) ก็เป็นตัวแทนของโลกสตรีทแด๊นซ์ ที่ผสมผสานกันกลายเป็นแนวเต้นเฉพาะตัว และก็ตกหลุมรักกัน โดยมีเรื่องราวหลักคือ แอช ที่พยายามรวบรวมทีมเต้นที่เก่งที่สุดในโลก และเพื่อที่จะทำเช่นนั้น เขาก็ต้องเอาชนะใจสมาชิกทีมด้วยการเต้นสไตล์ใหม่ให้ได้"
ผู้อำนวยการสร้าง เจมส์ ริชาร์ดสัน ได้พูดถึงแก่นของหนังว่า "มันเกี่ยวกับการอยู่และเต้นด้วยกัน มันเกี่ยวกับใครบางคนที่ต้งองเรียนรู้ที่จะไม่อยู่อย่างโดดเดี่ยว และละทิ้งอีโก้ไป มันมีฉากที่ มานู เต้นกับ แบม แบม การเต้นเกี่ยวกับการทำให้ฝ่ายตรงข้ามดูสง่างาม มันไม่เกี่ยวกับคุณ แน่นอนที่เขาอาจเต้นได้สุดยอด แต่แนวคิดของการไม่เห็นแก่ตัวและปล่อยให้คู่เต้นนำคุณบ้าง นั้นแหละคือหัวใจของการเต้น"
ในขณะที่ StreetDance 3D เกิดเรื่องในลอนดอน แนวทางของภาคนี้ก็คือการไปตามเมืองต่างๆทั่วยุโรป เจมส์ ริชาร์ดสัน อธิบายว่า "ในภาคแรกเราถ่ายทอดบรรยากาศลอนดอนได้อย่างเต็มที่ ครั้งนี้เราก็ตะลุยไปตามเมืองต่างๆในยุโรป โดยฉากที่สำคัญตั้งอยู่ในแต่ละเมือง นั้นทำให้เรามีโอกาสไปทั้ง โรม เบอร์ลิน โคเปนเฮเก้น อัมสเตอร์ดัม ปารีส และเมืองอื่นๆ มันเกี่ยวกับการเลือกสถานที่ที่จะถ่ายทอดให้เห็นว่า อเมริกาไม่ใช่จุดศูนย์กลางแห่งโลกของการเต้น"
การคัดเลือกนักแสดง
ผู้อำนวยการสร้าง ริชาร์ดสัน และสองผู้กำกับ แม๊กซ์ & ดาเนีย ต้องการบรรยากาศของความหลากหลายทางเชื้อชาติ ในการเลือกนักแสดงนำ อีวา และ แอช โดยเฉพาะอย่างยิ่ง อีวา ซึ่งพวกเขาก็มีตัวเลือกในใจแล้ว ดาเนีย เล่าว่า "โซเฟีย โบเทลล่า เป็นนักเต้นที่หลายคนรู้จักดีอยู่แล้วในโลกสตรีทแด๊นซ์ เธอเคยออกเวิลด์ทัวร์กับ มาดอนน่า และเป็นโมเดลให้กับ Nike พวกเราบินไปหาเธอที่แอลเอ และโชคดีที่เธอเองก็เรียนการแสดงมาหลายปีแล้ว มันเป็นช่วงเวลาที่เหมาะที่สุด เธอชอบความท้าทาย เพราะหนังเรื่องนี้จะทำให้เธอเติบโตทั้งในแง่ของการเต้นและการแสดง เธอไม่เคยเต้นแนวซัลซ่ามาก่อน เธอต้องเรียนเต้นซัลซ่าและแทงโก้ภายใน 6 อาทิตย์ มันเป็นงานที่หนักแต่เธอก็ทำสำเร็จ"
ผู้อำนวยการสร้าง ริชาร์ดสัน เสริมต่อว่า "โซเฟีย จะเป็นนักแสดงชั้นนำในอนาคต เธอมีทั้งความเข้มแข็งและอ่อนไหวอยู่ภายในตัว รวมถึงพื้นเพของการเป็นลูกครึ่งแอลเบเนียและฝรั่งเศส ก็ยิ่งทำให้เธอมีเสน่ห์น่าดึงดูด ผมบอกทั้ง แม๊กซ์ และ ดาเนีย ว่า พวกเราไม่เพียงแค่พบนักแสดงนำหญิงของหนัง แต่เรายังค้นพบซุปเปอร์สตาร์คนใหม่ประดับวงการ"
โซเฟีย ก็รู้สึกตื่นเต้นที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของหนัง มันเป็นสิ่งที่ท้าทายโดยเฉพาะเรื่องของแนวทางการเต้น "สิ่งที่น่าสนใจก็คือแนวคิดการผสมผสานท่าเต้น และพัฒนาการในตัวละครของฉัน ฉันมีเวลาฝึกเต้นแทงโก้และซัลซ่าประมาณ 3 เดือนก่อนการถ่ายทำ จริงๆแล้วฉันก็เคยคิดเหมือนตัวละครนำชายอย่าง แอช นั้นคือการเต้นที่ดีต้องมาจากตัวเอง แต่จริงๆแล้วมันไม่ใช่อย่างนั้น คุณต้องให้ความสนใจไปที่คู่เต้น ในการเคลื่อนไหวไปตามจังหวะของเขาหรือเธอ ฉันเรียนรู้อะไรหลายอย่างจากเรื่องนี้ เหมือนกับที่ แอช ได้เรียนรู้จาก อีวา"
หลังจากได้นักแสดงนำหญิงแล้ว ก็มาถึงการตามหานักแสดงนำชาย ริชาร์ดสัน เล่าว่า "มันมีความลำบากตรงที่เราต้องการนักแสดงที่สามารถเต้นได้จริงๆ โดยทีมงานแคสติ้งของเราก็พบกับ ฟอร์ค เฮนท์เชล และเราเห็นรูปถ่ายของเขาและคิดว่าเขาดูดีและมีเสน่ห์ รวมถึงความแข็งแกร่งของร่างกาย และแน่นอนที่เขาก็เป็นคนที่มีพื้นฐานของการเต้นอีกด้วย"
สำหรับ ฟอร์ค เฮนท์เชล นอกจากการเต้นแล้ว เรื่องราวก็ยังเป็นสิ่งที่ดึงดูดใจเขาเช่นกัน "ผมคิดว่ามันเป็นเรื่องราวของความรัก และมอบสารที่ยอดเยี่ยมให้กับคนดู มันมีบทพูดอยู่ประโยคหนึ่งในหนัง ที่เกี่ยวกับการแชร์ช่วงเวลาด้วยกัน นั้นคือสิ่งที่จับใจผม มันเกี่ยวกับผู้ชายคนหนึ่งที่เติบโตเป็นผู้ใหญ่ เรียนรู้ชีวิตผ่านผู้หญิงคนหนึ่ง และเรียนรู้ว่าหัวใจของการเต้นที่แท้จริงอยู่ตรงไหน"
หลังจากได้สองนักแสดงนำที่เหมาะสมแล้ว แม๊กซ์, ดาเนีย และ เจมส์ ก็ต้องการจุดเชื่อมต่อกับภาคแรก ดาเนีย อธิบายว่า "พวกเรามีความสัมพันธ์ที่ดีกับ จอร์จ แซมสัน พวกเราทำงานร่วมกับเขามาตลอด นับตั้งแต่ที่เขาชนะรายการ Britain's Got Talent เรารู้ดีว่าเขามีเสน่ห์น่าดึงดูด และหลังจากที่ได้แนะนำตัวละครของเขามาในภาคแรก เราก็พัฒนาบทของเขาให้ใหญ่และสำคัญขึ้นใน StreetDance 2"
แม๊กซ์ เสริมต่อถึง จอร์จ ว่า "เขายังเป็นนักแสดงที่เก่งอีกด้วย พวกเราช่วยกันพัฒนาตัวละครของเขา และมันก็เป็นเรื่องเยี่ยมที่ได้เห็น จอร์จ ได้เติบโตขึ้น และผู้ชมก็สามารถเชื่อมต่อกับเขา พวกเราอยากรู้ว่าครั้งนี้เขาจะไปที่ไหนและทำอะไร และเหนือสิ่งอื่นใด จอร์จ เป็นเด็กหนุ่มที่สุดยอดในชีวิตจริง เขาทำให้พวกเราทุกคนสนุกในกองถ่าย"
ถึงแม้ตามเนื้อผ้าแล้ว แอช กับ เอ็ดดี้ ไม่น่าจะเป็นคู่หูกันได้ แต่สำหรับ จอร์จ และ ฟอร์ค พวกเขาก็สามารถถ่ายทอดอารมณ์ขันระหว่างทั้งคู่ได้อย่างน่าทึ่ง นอกจากนั้นพวกเขาก็ยังเป็นเพื่อนกันในชีวิตจริงอีกด้วย จอร์จ แซมสัน เล่าว่า "ผมชอบความสัมพันธ์ระหว่าง แอช และ เอ็ดดี้ เพราะผมคิดว่ามันทำให้เรามีทั้งหนังที่มีทั้งการเต้น ความรัก และมิตรภาพระหว่างเพื่อน ครั้งแรกที่พวกเราอ่านบทด้วยกัน มันให้ความรู้สึกที่ยอดเยี่ยม ทุกคนเหมือนเป็นเพื่อนกันมาก่อนหน้านี้"
ฟอร์ค เสริมต่อว่า "พวกเราเหมือนคู่แต่งงานกันเลย (หัวเราะ) มันมีหลายฉากที่เราต้องออกเดินทางท่องยุโรปไปด้วยกัน มันน่าสนใจตรงที่ ถึงแม้ แอช จะดูมีความเป็นผู้ใหญ่กว่า เอ็ดดี้ แต่ในช่วงสุดท้าย แอช กลับทำตัวเป็นเด็ก และ เอ็ดดี้ ก็เป็นคนที่เตือนสติให้เขาโตขึ้นมาสักที"
อีกตัวละครหนึ่งที่เชื่อมต่อกับภาคแรกก็คือ The Surge ทีมเต้นคู่แข่ง แม๊กซ์ เล่าว่า "ทีมเต้น Flawless สร้างความประทับใจให้กับเราในภาคแรก และเราก็อยากเล่าถึงการต่อสู้ระหว่าง เอ็ดดี้ และ สวูส ที่เกิดขึ้นในภาคแรก" เจมส์ เล่าต่อว่า "พวกเราอยากให้ Flawless กลับมา เพราะพวกเขาให้ความร่วมมือกับเราเป็นอย่างดี เราต้องการให้พวกเขากลับมาแสดงในฉากสำคัญของหนัง"
ในขณะเดียวกัน อะไค นักเต้นรุ่นจิ๋วที่คนดูจดจำได้ดีจากภาคแรก ด้วยการเต้นท่าหุ่นได้ไม่แพ้มืออาชีพ ทุกคนจึงเห็นพ้องต้องกันว่าจะให้เขากลับมาในครั้งนี้ ดาเนีย เล่าว่า "อะไค เป็นนักเต้นมีอนาคต ฝีมือของเขาพัฒนาไปมากนับจากภาคแรก พวกเราคิดวามันเป็นเรื่องที่ดีในการนำเขากลับมา" แม๊กซ์ เสริมต่อว่า "การเต้นสตรีทแด๊นซ์หรือเบรคแด๊นซ์ มาจากเด็กที่ดูเด็กคนอื่นๆเต้น และพวกเขาก็พัฒนาฝีมือขึ้นเรื่อยๆเมื่อเติบโตขึ้น จนกระทั่งกลายเป็นนักเต้นมืออาชีพ ผมคิดว่า อะไค จะกลายเป็นเช่นนั้น เพราะเขาสนุกกับการเต้น เขารักในสิ่งที่ทำและคอยสนับสนุนเด็กคนอื่นๆ"
ใน StreetDance ภาคแรก นักเต้นส่วนใหญ่มาจากเครือสหราชอาณาจักร ครั้งนี้ผู้สร้างและสองผู้กำกับต้องการที่จะหานักเต้นทั่วทั้งยุโรป ดาเนีย อธิบายว่า "พวกเราไปกรแข่งเต้นที่ชื่อ Juste Debout ในปารีส ที่แปลเป็นภาษาอังกฤษได้ว่า Just Stand Up มันเป็นการแข่งเต้นที่นักเต้นสตรีทแด๊นซ์จากทั่วโลกมาช่วงชิงความเป็นหนึ่ง พวกเราไปมาหลายปีก่อนหน้านี้ เราและที่ปรึกษาการเต้น มาร์ค เพมบรูค ก็ใช้เวลาเป็นปีในการไปดูการแข่งขันเต้น Juste Debout หรือ The IBE และ 'Battle of the Year’ พวกเราคัดเลือกทีมงานกันตรงนั้นเลย มันเป็นประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยมมาก”
แม๊กซ์ พูดถึงการคัดเลือกทีมเต้นว่า "เมื่อเราได้ทีมงานครบแล้ว เราก็พยายามหาทีมเต้นของพระเอกที่อยู่ในหนัง เราไม่ต้องการนักเต้นที่อยู๋ในมิวสิควิดีโอหรือโฆษณา เราต้องการใครที่มีความสามารถพิเศษในสไตล์ของตัวเอง เรามีทั้งคนที่เต้นแนวป็อปเปอร์เก่งที่สุด เต้นบี-บอยเก่งที่สุด และอื่นๆ เราต้องการสร้างทีมเต้นที่มีสไตล์การเต้นที่แตกต่างกัน และมาฝึกเต้นให้เป็นทีมเดียวกัน"
แม๊กซ์ เล่าต่อว่า "สิ่งที่เราต้องการก็คือ การเอาที่สุดของที่สุดนักเต้นมารวมตัวกัน สิ่งที่น่าตลกก็คือ แต่ละคนก็ไม่เคยเจอกันมาก่อน พวกเขาดังในแนวการเต้นของตัวเอง เมื่อคุณดู Twitter หรือ Youtube คุณจะเห็นว่าหลายคนจะรู้สึกตื่นเต้นที่ ลิลูว์ กับ สกอร์เปี้ยน จะได้เต้นด้วยกัน และก็รวมถึง สเต็ฟ, เบ็ตตี้, เดย์ เดย์, บี-บอย แซมโบ, เนียค, ไคท์, เด็ดสัน และคนอื่นๆ ทุกคนจะได้รวมตัวกันเป็นทีม ผมรู้สึกตื่นเต้นกับทีมเต้นแบบรวมฮิตของเรา"
การออกแบบท่าเต้น
เมื่อได้ทีมนักแสดงทั้งหมดแล้ว การออกแบบท่าเต้นก็กลายเป็นส่วนที่สำคัญ ซึ่งก็เป็นหน้าที่ของ ริชาร์ด และ แอนโธนี่ ทาลัวก้า หรือ” ริช แอนด์ โทน” ที่เข้ามาเพื่อสร้างสรรค์ท่วงท่าการเต้น ผู้อำนวยการสร้าง เจมส์ ริชาร์ดสัน เผยว่า "ริช แอนด์ โทน เคยทำงานร่วมกับตำนานอย่าง ไมเคิล แจ็คสัน และก็น่าจะเป็นสองนักเต้นสตรีทแด๊นซ์ที่เก่งที่สุดในโลก เราดีใจที่ได้พวกเขาเข้ามาร่วมงาน พวกเขาตื่นเต้นที่นักแสดงที่ไม่ใช่นักเต้นอาชีพอย่าง ฟอร์ค พร้อมจะทำทุกอย่าง เพื่อทำให้สิ่งที่พวกเขาจินตนาการกลายเป็นจริง"
สำหรับ จอร์จ แซมสัน ที่ไม่ได้คาดว่าจะได้เต้นในทีมหลัก การอยู่ในทีมเต้นจึงเป็นเรื่องสุดเซอร์ไพรซ์ เขาเล่าว่า "ผมไม่คิดว่า เอ็ดดี้ จะได้เต้นมากนักในภาคนี้ แต่ตอนที่อยู่ในปารีสพวกเขาก็เรียกตัวผม และบอกว่าผมต้องอยู่ในทีมเต้นด้วย มันเป็นเรื่องช็อค เพราะแต่ละคนที่ผมต้องเต้นด้วย ถือเป็นเจ้าแห่งการเต้นในแต่ละสไตล์ (หัวเราะ) การได้เต้นกับพวกเขาถือเป็นเกียรติ และผมก็พอใจกับตัวเองมาก"
การซ้อมเต้นถือเป็นงานสุดทรหด จอร์จ เผยถึงประสบการณ์ว่า "พวกเราต้องซ้อมเต้น 8 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ พักทานข้าวกลางวันหนึ่งชั่วโมง ซ้อมห้าถึงหกวันต่อสัปดาห์ และเป็นแบบนี้ไปประมาณสองเดือน ถึงแม้ว่าจะลำบาก แต่ถ้าไม่มีการซ้อมกันขนาดนี้ เราก็คงไม่สามารถทำสิ่งที่เกิดขึ้นในหนังได้ ผมคงต้องยกความดีความชอบให้ ริช แอนด์ โทน ที่เป็นทีมออกแบบท่าเต้นที่เก่งที่สุดที่ผมเคยร่วมงาน พวกเขาพยายามผลักดันผมออกจากโซนปลอดภัยของตัวเอง และให้ผมท้าทายตัวเองในการเต้นตลอดเวลา"
สำหรับ ฟอร์ค และ โซเฟีย การฝึกซ้อมของพวกเขาเริ่มต้นก่อนคนอื่นๆ ฟอร์ค เล่าถึงประสบการณ์ว่า "มันเป็นงานที่ยากที่สุดเท่าที่ผมเคยทำ โดยเฉพาะ 4 อาทิตย์แรกที่มีเพียง โซเฟีย และผม พลังงานความกดดันมีอยู่สูง เมื่อเกิดความผิดพลาดคุณก็หยุดไม่ได้ เพราะทั้งสตูดิโอมีเพียงเราแค่สองคน พวกเราต้องทำซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนกว่าจะถูกต้อง ผมจำได้ว่าตัวเองนั่งคุกเข่าและภาวนาให้ทุกอย่างจบสิ้นเสียที (หัวเราะ) แต่หลังจากนั้น 4 อาทิตย์ทีมเต้นก็เข้ามาร่วมฝึกซ้อม ทุกอย่างก็ดีขึ้นเพราะความเจ็บปวดถูกกระจายไปทั่วทุกคน (หัวเราะ)"
ในขณะเดียวกัน โซเฟีย ที่เคยอยู่ในทีมเต้นของราชินีเพลงป็อป มาดอนน่า ก็เคยชินกับความทรหดของการฝึกซ้อม "ช่วงเวลาการฝึกซ้อมเป็นอะไรที่หนักหนา แต่โชคดีที่ฉันเคยออกเวิร์ลทัวร์กับ มาดอนน่า มาสองครั้ง ที่มีการซ้อมเข้มข้นและจริงจังไม่แพ้กัน ฉันรู้สึกว่าตัวเองมีพลกำลังและความแข็งแกร่งทางจิตใจพอ ฉันรู้สึกดีใจที่ได้ร่วมงานกับ ริช แอนด์ โทน อีกครั้ง เพราะฉันรู้จักพวกเขามานานกว่า 10 ปีแล้ว พวกเขาถือเป็นผู้บุกเบิกอย่างแท้จริง"
ฟอร์ค รู้สึกทึ่งกับความสามารถของนักแสดงร่วมจอ รวมถึงความทุ่มเทของเธอในการเรียนรู้สิ่งใหม่ๆในช่วงเวลาที่จำกัด "โซเฟีย เป็นคนที่ต้องการความสมบูรณ์แบบ เธออยากให้ทุกอย่างออกมาเป๊ะตามที่ออกแบบไว้ เธอมีความทุ่มเทและเป็นผู้ชายมากกว่าผมเสียอีก (หัวเราะ) ในช่วงระหว่างฝึกซ้อมผมต้องยกตัวเธอ แต่ก็พลาดจนเธอตกลงบนพื้น สิ่งที่เธอทำก็คือรีบลุกขึ้นมาแล้วถามผมว่าเป็นอะไรหรือเปล่า (หัวเราะ) เธอเป็นนักเต้นที่มีพรสวรรค์ ลาตินเป็นสไตล์การเต้นที่เธอไม่เคยสัมผัสมาก่อน แต่เมื่อเธอเข้าไปในสังเวียนมวยและเต้นในหนัง ผมก็แทบช็อคไปเลย เพราะเธอทำมันได้อย่างดงามเพียงแค่ช่วงเวลาสั้นๆ แถมเธอก็เป็นผู้หญิงที่มีเสน่ห์สุดๆอีกด้วย"
ทีมนักแสดง
โซเฟีย โบเทลล่า (รับบทเป็น อีวา)
หลังจากเรียนจบจากสถาบันการเต้นที่มีชื่อเสียงที่สุดในโลกอย่าง International Dance Academy of Paris และ the Millennium Dance Academy โซเฟีย ก็ได้เป็นแด๊นเซอร์ให้กับศิลปินชื่อดังมากมาย ไม่ว่าจะเป็น มารายห์ แครี, เกวน สเตฟานี่ และวง The Black Eyed Peas รวมถึงปรากฏตัวในมิวสิควิดีโอของ คริส บราวน์, จามิโรไคว และ มาดอนน่า ซึ่งเธอก็ได้ร่วมเวิลด์ทัวร์ถึงสองครั้งคือ Confessions และ Sticky and Sweet
โซเฟีย เพิ่งได้รับบทนำในมิวสิควิดีโอ Hollywood Tonight ของศิลปินในตำนานผู้ล่วงลับ ไมเคิล แจ็คสัน โดยนอกจากจะเป็นนักเต้นพรสวรรค์สูงแล้ว เธอยังเป็นหน้าตาให้กับแบรนด์ดังอย่าง Nike โดยถูกเรียกว่า Nike Girl ผลงานการแสดงของเธอก็เคยมีการแสดงในหนังฝรั่งเศสเรื่อง Permis D’Aimer ในปี 2005 และให้เสียงในอนิเมชั่นเรื่อง Azur and Asmar
ฟอร์ค เฮนท์เชล (รับบทเป็น แอช)
ฟอร์ค เริ่มต้นเส้นทางในกรุงลอนดอน ด้วยการเป็นแด๊นเซอร์ให้กับศิลปินชื่อดังมากมาย ไม่ว่าจะเป็น มารายห์ แครี, บริทนี่ย์ สเปียร์ และ เจมิเลีย การแสดงหนังเรื่องแรกของ ฟอร์ค ก็คือการแสดงในซีรี่ย์สุดฮิตเรื่อง Arrested Development ก่อนที่จะได้รับโอกาสกับการแสดงเป็นนักฆ่าสุดโหด ในหนังบล็อคบัสเตอร์เรื่อง Knight and Day ประกบคู่กับ ทอม ครูส และ คาเมรอน ดิแอซ ก่อนที่จะปรากฏตัวในซีรี่ย์ชื่อดังอย่าง CSI และ NCIS
จอร์จ แซมสัน (รับบทเป็น เอ็ดดี้)
จอร์จ เริ่มต้นการเต้นตั้งแต่อายุ 6 ขวบ โดยเขามักจะฝึกซ้อมท่าเต้นใน แมสเชสเตอร์ ซิตี้ เซนเตอร์ ที่ดึงดูดผู้คนที่เดินผ่านไปมาตลอด หลังจากเข้าตัดสินใจเข้าร่วมแข่งขัน Britain's Got Talent และได้รับรางวัลชนะเลิศมาในปี 2008 จอร์จ ก็ได้แสดงต่อหน้าเจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ ในลอนดอน พัลลาเดียม และได้เปิดตัวในละครเวทีครั้งแรกกับเรื่อง Into The Hoods ก่อนที่จะสร้างความประทับใจให้กับคนดู กับผลงานหนังเรื่องแรก StreetDance 3D ในบท เอ็ดดี้ นักเต้นขี้เล่นแต่เปี่ยมไปด้วยพรสวรรค์
ทอม คอนติ (รับบทเป็น มานู)
ผลงาน >>> The Dark Knight Rises, Shirley Valentine, The Tempest
ทีมผู้สร้าง
แม๊กซ์ กิวา และ ดาเนีย พาสควินิ (ผู้กำกับ)
แม๊กซ์ กิวา และ ดาเนีย พาสควินิ คือสองผู้กำกับที่สร้างปรากฏการณ์ เมื่อหนังเรื่องแรกของพวกเขา StreetDance 3D สามารถเปิดตัวเอาชนะหนังบล็อคบัสเตอร์อย่าง Prince of Persia และกลายเป็นหนังอังกฤษที่ทำรายได้สูงสุดประจำปี 2010 โดยพวกเขาอยู่ในวงการมิวสิควิดีโอมากว่า 15 ปี เคยทำงานร่วมกับศิลปินชื่อดังในประเทศอย่าง วง Girls Aloud, วง Oasis และ โซฟี เอลลิส-เบ็กซ์เตอร์ รวมถึงการข้ามมาทำงานร่วมกับศิลปินอเมริกาชื่อดังอย่าง เคร็ก เดวิด, ลี ไรอัน และ อาลีชาห์ ดิกซ์สัน
เจมส์ ริชาร์ดสัน (ผู้อำนวยการสร้าง)
ผลงาน >>> StreetDance 3D, Monsters, Bronson, The Football Factory
แซม แม็คเคอร์ดี้ (ผู้กำกับภาพ)
ผลงาน >>> The Descent, Doomsday, The Hills Have Eyes II
ริช แอนด์ โทน (ผู้ออกแบบท่าเต้น)
ผลงาน >>> Madonna: Sticky & Sweet Tour, Michael Jackson: The One, Take the Lead