กรุงเทพฯ--1 มิ.ย.--กทม.
เมื่อวานนี้ (31 พ.ค.47) เวลา 11.00 น. คุณหญิงณฐนนท ทวีสิน ปลัดกรุงเทพมหานคร เป็นประธานลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) เรื่อง “ความร่วมมือระหว่างกรุงเทพมหานคร สำนักงานคณะกรรมาธิการเศรษฐกิจและสังคม ประจำภาคพื้นเอเซียและแปซิฟิค (UNESCAP ) สมาคมแนวร่วมภาคธุรกิจต้านภัยเอดส์ และสโมสรผู้ประสบปัญหาเอดส์ (CPA) ในการดูแลผู้ติดเชื้อเอดส์” จากนั้น จึงแถลงข่าวในกิจกรรมพบกัน จันทร์ละหน คนกับข่าว เรื่องสถานการณ์เอดส์ในกรุงเทพมหานคร พร้อมด้วย นพ.ปิตินันท์ ณัฐรุจิโรจน์ รองปลัดกรุงเทพมหานคร นพ.ประวิทย์ ภัทรวิชา ผู้อำนวยการสำนักการแพทย์ นายสมชาย พรหมสมบัติ นายกสโมสรผู้ประสบปัญหาเอดส์ (CPA) Ms.Nanda Krairiksh ผู้แทน UNESCAP และMr.Anthony Pramualratana ผู้แทน TBCA ณ ห้องอเนกประสงค์ ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร
ผู้อำนวยการสำนักการแพทย์ กล่าวว่า กทม.ร่วมกับองค์การความร่วมมือระหว่างประเทศต่าง ๆ และ โรงพยาบาลในสังกัดสำนักการแพทย์ กทม.ทั้ง 9 แห่ง จัดโครงการ Partners for Health เพื่อแก้ปัญหาเอดส์อย่างเร่งด่วน โดยเฉพาะการให้ยาต้านไวรัสเอดส์แก่ผู้ติดเชื้อเอดส์ที่มีอยู่ทั่วประเทศจำนวน 50,000 คน สำหรับโรงพยาบาลในสังกัดกทม.ทั้ง 9 แห่งได้รับการสนับสนุนโควต้า ยาต้านไวรัสเอดส์ ซึ่งสามารถดูแลผู้ป่วยและผู้ที่ติดเชื้อจำนวน 1,300 คน ปัจจุบันมีผู้ป่วยที่เข้ามารับการรักษา 681 คนแล้ว ทั้งนี้ จากการสำรวจจำนวนผู้ป่วยและผู้ที่ติดเชื้อเอดส์ในสถานพยาบาลภาครัฐและเอกชนเฉพาะในเขตกรุงเทพมหานคร พบว่ามีจำนวน 25,892 คน ยังมีชีวิตอยู่ 18,633 คน และเสียชีวิตแล้ว 7,259 คน สำหรับปัจจัยเสี่ยงของการติดเชื้อพบว่ามาจากการมีเพศสัมพันธ์ ร้อยละ 78.21 และร้อยละ 62.67 มีอายุระหว่าง 25 — 39 ปี อันเป็นกลุ่มที่อยู่ในวัยแรงงาน
สำหรับโครงการความร่วมมือตามบันทึกความเข้าใจที่องค์กรต่าง ๆ ได้ร่วมลงนามในครั้งนี้นั้น ได้เริ่มต้นที่โรงพยาบาล หนองจอกเป็นแห่งแรก โดยมีองค์การความร่วมมือระหว่างประเทศดำเนินการให้ความช่วยเหลือผู้ป่วยในการให้คำปรึกษาทางด้านสังคมและเศรษฐกิจเป็นหลัก ในส่วนของขั้นตอนการดำเนินงาน เจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลจะทำการดูแลสุขภาพของผู้ป่วยอย่าง ต่อเนื่อง ให้คำปรึกษาแนะนำด้านจิตวิทยาแก่ผู้ป่วยและดูแลผู้ป่วยให้ได้รับยาต้านไวรัสเอดส์อย่างถูกต้อง จากนั้นจะมีกลุ่มองค์กรเอกชนดำเนินการประชุมกลุ่มย่อย ติดตามเยี่ยมบ้านผู้ป่วย และร่วมสนับสนุนการประกอบอาชีพโดยการรับซื้อผลิตภัณฑ์ที่ผลิตขึ้นโดยผู้ป่วย ซึ่งปัจจุบันมีสมาชิกกลุ่มประมาณ 90 คน ภายใต้ชื่อกลุ่มฟ้าใส
ทั้งนี้เมื่อทุกฝ่ายเห็นความสำคัญของปัญหาการเกิดโรคเอดส์เป็นเรื่องที่สำคัญระดับชาติและระดับโลกที่จะต้องให้ความร่วมมือในการแก้ไขอย่างเร่งด่วนแล้ว เชื่อว่าสถานการณ์การขยายตัวของการเกิดโรคเอดส์ก็จะลดลงอย่างแน่นอน และที่สำคัญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็ควรรณรงค์ให้ประชาชนเกิดความเข้าใจถึงพิษภัยของโรคเอดส์อย่างถูกต้องด้วย--จบ--
-นห-