กรุงเทพฯ--11 พ.ค.--IR network
บมจ.แฮลเซี่ยน เทคโนโลยี่ โชว์กำไรสุทธิไตรมาส 1/55 จำนวน 36.ล้านบาท ทะยาน 42.31 % หลังรายได้พุ่งตามออเดอร์ล้นทะลัก ด้านบอร์ดอนุมัติเพิ่มทุนจดทะเบียนอีก 60 ล้านบาท เข้าซื้อหุ้น” เอฟ.ดี.เอ็ม เทคโนโลยี” และบางส่วนเสนอขายให้กับบุคคลในวงจำกัด ส่วนที่เหลือรองรับการออก ESOP 'พีท ริมชลา' ชี้ภาพรวมธุรกิจทั้งปียังเติบโตต่อเนื่อง หลังลงทุนซื้อเครื่องจักรเพิ่มกำลังการผลิตอีก 25% ในปีนี้ มั่นใจดันรายโตตามเป้าไม่ต่ำกว่า 25%
นายพีท ริมชลา กรรมการผู้จัดการ บริษัท แฮลเซี่ยน เทคโนโลยี่ จํากัด (มหาชน) หรือ HTECH เปิดเผยถึง ผลประกอบการไตรมาส1/2555 สิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2555 ของบริษัทและบริษัทย่อยว่า บริษัท มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 36.01 ล้านบาท เทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 25.30 ล้านบาท หรือคิดเป็นอัตราการเพิ่มขึ้น 10.71 ล้านบาท หรือ 42.31% เนื่องจากบริษัทมีการรับรู้รายได้จากบริษัทย่อยในประเทศฟิลิปปินส์ ซึ่งเริ่มดำเนินการผลิตอย่างเต็มรูปแบบในช่วงปลายไตรมาส 1 ของปีที่แล้ว รวมถึงมีการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมต่างๆที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์อุทกภัยในไตรมาสก่อน เป็นผลให้ความต้องการในกลุ่มอุตสาหกรรมชิ้นส่วนรถยนต์ อุตสาหกรรมชิ้นส่วนเครื่องจักรกล และอุตสาหกรรมฮาร์ดดิสก์ไดร์ฟ เพิ่มมากขึ้นอย่างชัดเจน โดยบริษัทมีรายได้จากการขายเพิ่มขึ้น 43.46% จาก 93.19 ล้านบาทในไตรมาส 1/2554 เป็น 133.68 ล้านบาทในไตรมาสนี้ ทำให้กำลังการผลิตโดยรวมในขณะนี้ไม่เพียงพอต่อความต้องการ
จากกำลังการผลิตโดยรวมที่เพิ่มขึ้นอีก 25% ในปีนี้ อันเป็นผลมาจาก HTECH และบริษัทย่อยที่ประเทศฟิลิปปินส์ Halcyon Technology (Philippines) ได้ลงทุนซื้อเครื่องจักรเพิ่มอีกจำนวน 15 เครื่อง ผนวกกับแนวโน้มของอุตสาหกรรมชิ้นส่วนรถยนต์ อุตสาหกรรมชิ้นส่วนเครื่องจักรกล และอุตสาหกรรมชิ้นส่วนฮาร์ดดิสก์ไดร์ฟยังขยายตัวได้ดี โดยเฉพาะกลุ่มผู้ผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ ซึ่งคาดว่าน่าจะมีความต้องการสูงสม่ำเสมอไปจนถึงสิ้นปีนี้ จึงประเมินผลการดำเนินงานในไตรมาส 2/2555 มีโอกาสที่จะขยายตัวอย่างต่อเนื่องจากไตรมาสแรก และน่าจะผลักดันให้อัตราการเติบโตของรายได้ในปีนี้เติบโตตามเป้าไม่ต่ำกว่า 25% จากปีที่ผ่านมา
เขากล่าวต่อว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท ครั้งที่ 2/2555 เมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม 2555 ยังได้อนุมัติการเพิ่มทุนจดทะเบียนอีกจำนวน 60,000,000 บาท แบ่งออกเป็นหุ้นสามัญจำนวน 60,000,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท จากทุนจดทะเบียนเดิมจำนวน 240,000,000 บาทเป็น 300,000,000 บาท แบ่งออกเป็น 15,500,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ1 บาท เพื่อชำระค่าหุ้นให้กับนายรัตติพัฒน์ อร่ามวัฒนพงศ์ ในการเข้าซื้อหุ้นสามัญ บริษัท เอฟ.ดี.เอ็ม เทคโนโลยี จำกัด (FDM) ดำเนินธุรกิจเป็นตัวแทนจำหน่ายสินค้าประเภทเครื่องมือตัดเฉือนโลหะ ประเภท PCD และ Carbide เพื่อรองรับงานด้านอุตสาหกรรมผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์และอุตสาหกรรมผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ ในราคาหุ้นละ3.32 บาทต่อหุ้น คิดเป็นร้อยละ 60 ของหุ้นสามัญทั้งหมดของ FDM
และอีกจำนวน 39,500,000 หุ้น หรือคิดเป็น 16.46% ของทุนที่ชำระแล้ว เป็นการเพิ่มทุนเพื่อเสนอขายให้แก่บุคคลในวงจำกัด (PP) ส่วนที่เหลืออีกจำนวน 5,000,000 หุ้น รองรับการออก ESOP ให้แก่กรรมการที่เป็นผู้บริหารและ/หรือพนักงานของบริษัทและบริษัทย่อย โดยไม่คิดมูลค่า
“การที่บริษัทออก ESOP ให้กับทีมงานบริษัท ก็เพื่อเป็นการสร้างแรงจูงใจให้บุคลากรที่มีความสำคัญให้มีความตั้งใจในการทำงาน เพื่อสร้างประโยชน์สูงสุดให้แก่บริษัท และมีความรู้สึกเป็นเจ้าขององค์กรและมีส่วนร่วมในความสำเร็จและการเติบโตของบริษัท ส่วนการลงทุนใน FDM เพื่อขยายฐานลูกค้าและช่องทางการจัดจำหน่าย ซึ่งสามารถสร้างรายได้ให้กับบริษัทในอนาคต และเพิ่มบุคลากรทางด้านการตลาดให้แก่บริษัท”นายพีทกล่าวในที่สุด
อย่างไรก็ตามบริษัทได้กำหนดวันประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่1/2555 เพื่อขออนุมัติการเพิ่มทุน และจัดสรรหุ้นเพิ่มทุน เป็นวันศุกร์ที่ 22 มิถุนายน 2555 เวลา 10.00 น. ณ ห้องประชุม Crystal Ballroom 1 อาคารโครงการคริสตัล ดีไซน์ เซ็นเตอร์ อาคารอี โดยกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิเข้าร่วมการประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่ 1/2555 ในวันศุกร์ที่ 25 พฤษภาคม 2555 และให้รวบรวมรายชื่อผู้ถือหุ้นตามมาตรา 225 ของพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ โดยวิธีปิดสมุดทะเบียนพักการโอนหุ้นในวันจันทร์ที่ 28 พฤษภาคม 2555