จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ โชว์ผลประกอบการไตรมาส 1/2555 รายได้รวมเกือบ 3,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 18 ธุรกิจบรอดคาสติ้งนำลิ่ว ทำรายได้เพิ่มกว่าร้อยละ 120

ข่าวเศรษฐกิจ Monday May 14, 2012 12:14 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--14 พ.ค.--จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ โชว์ผลประกอบการไตรมาสแรก ปี 2555 เริ่มฟื้นตัวจากภาวะน้ำท่วม ทำรายได้ 2,837 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 18 จากงวดเดียวกันของปีก่อน มีกำไร 146 ล้านบาท โดยธุรกิจบรอดคาสติ้งนับเป็นธุรกิจดาวเด่นที่มีการเติบโตแบบก้าวกระโดด ทำรายได้เพิ่มร้อยละ 120 ขณะที่ธุรกิจสื่อ และภาพยนตร์ ยังคงรักษาการเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง คุณบุษบา ดาวเรือง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงผลประกอบการไตรมาส 1/2555 ว่า เริ่มฟื้นตัวจากภาวะน้ำท่วม มีรายได้รวมเท่ากับ 2,837 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 18 จากงวดเดียวกันของปีก่อน และมีกำไร 146 ล้านบาท โดยกลุ่มธุรกิจบรอดคาสติ้ง ประกอบด้วยธุรกิจขายกล่องรับสัญญาณโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม ภายใต้ชื่อ GMM Z และธุรกิจสื่อโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม เป็นธุรกิจดาวเด่นที่มีการเติบโตแบบก้าวกระโดด ในไตรมาสนี้มีรายได้เท่ากับ 208 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 120 จากงวดเดียวกันของปีก่อน จากการเริ่มจำหน่ายกล่อง GMM Z ซึ่งได้รับการตอบรับจากบรรดาดีลเลอร์ ร้านค้า รวมถึงผู้บริโภคเป็นอย่างดี ในขณะที่การพัฒนาคอนเทนท์ในกลุ่มช่องแกรมมี่ ช่วงไตรมาสแรกของปีนี้บริษัทได้ร่วมกับพันธมิตรทั้งรายใหญ่และรายเล็ก ผลิตรายการที่มีคุณภาพและตรงกับความต้องการของผู้ชมป้อนให้กับช่องแกรมมี่ ขณะเดียวกันยังมีการร่วมมือกับพันธมิตรกลุ่มใหม่ๆ ในการนำเสนอคอนเทนท์ที่เป็นที่ชื่นชอบของผู้ชม ไม่ว่าจะเป็นคอนเทนท์กีฬา ซึ่งปีนี้มีฟุตบอลยูโร 2012 เป็นไฮไลต์หลัก รวมถึงคอนเทนท์ด้านเอ็นเตอร์ เทนเม้นท์จากต่างประเทศ เพื่อรองรับการขยายตัวของธุรกิจทีวีดาวเทียม ที่มีผู้ชมทีวีผ่านจานดาวเทียมเพิ่มขึ้น ขณะที่เม็ดเงินโฆษณาผ่านสื่อฟรีทีวี มูลค่า 60,000 ล้านบาท ก็เริ่มไหลเข้าสู่ทีวีดาวเทียมมากขึ้น ซึ่งคาดว่าในปีนี้กลุ่มธุรกิจบรอดคาสติ้งของจีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จะมีการเติบโตเพิ่มขึ้นอีกอย่างแน่นอน สำหรับธุรกิจเดิมของบริษัท ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจเพลง ธุรกิจสื่อ และธุรกิจภาพยนตร์ ยังคงรักษาการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดย ธุรกิจภาพยนตร์ ในไตรมาสแรกของปีนี้ทำรายได้ 127 ล้านบาท มีภาพยนตร์เข้าฉาย 1 เรื่อง คือ “ATM เออรัก เออเร่อ” ซึ่งประสบความสำเร็จอย่างสูง สามารถทำรายได้ box office ถึง 150 ล้านบาท และยังมีแนวโน้มที่จะมีรายได้เพิ่มขึ้นจากการจำหน่ายวีซีดี และดีวีดี ในไตรมาสถัดมา ส่วน ธุรกิจสื่อ ประกอบด้วย วิทยุ โทรทัศน์ สิ่งพิมพ์ และกิจกรรมทางการตลาด ในไตรมาสนี้ค่อยๆฟื้นตัวจากเหตุการณ์น้ำท่วมจากช่วงปลายปี 2554 ที่ผ่านมา ส่งผลให้รายได้รวมของธุรกิจสื่อในไตรมาสแรก มีรายได้ถึง 1,387 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 25 จากปีก่อน โดยเฉพาะธุรกิจสื่อจากกิจกรรมทางการตลาด ซึ่งมีการเลื่อนจัดงาน BOI FAIR มาจากไตรมาสสุดท้ายของปีก่อนมาในไตรมาสนี้ ซึ่งมีมูลค่าถึง 200 ล้านบาท ส่วน ธุรกิจเพลง ประกอบด้วย การจำหน่ายสินค้าเพลง (Physical products) การจัดเก็บค่าลิขสิทธิ์ การจำหน่ายสินค้าเพลงในรูปแบบดิจิตอล และการจัดแสดงในรูปแบบคอนเสิร์ตและละครเวที ไตรมาสแรกมีรายได้รวม 976 ล้านบาท โดยไตรมาสนี้มีจำนวนอัลบั้มเพลงออกใหม่ทั้งหมด 75 อัลบั้ม ส่วนการจัดคอนเสิร์ตมีจำนวนเพิ่มขึ้น เนื่องจากหลายคอนเสิร์ตถูกเลื่อนมาจากช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 2554 ขณะที่ละครเวที มีการแสดงเรื่อง “สี่แผ่นดิน เดอะ มิวสิคคัล” ซึ่งได้รับการตอบรับจากผู้ชมอย่างล้นหลามด้วยรอบการแสดงถึง 100 รอบ ส่งผลให้ธุรกิจโชว์บิสในไตรมาสนี้มีการเติบโตเพิ่มขึ้น สำหรับแนวโน้มการดำเนินธุรกิจของจีเอ็มเอ็ม แกรมมี่นั้น ยังคงมุ่งเน้นในการขยายธุรกิจบรอดคาสติ้งอย่างต่อเนื่อง ด้วยการนำเสนอคอนเทนท์ที่ชื่นชอบและตรงกับความต้องการของผู้ชม ภายใต้ Platform GMM Z โดยมีการแข่งขันฟุตบอลยูโร 2012 เป็นตัวผลักดันให้ยอดขายกล่อง GMM Z เพิ่มขึ้น ขณะเดียวกันก็จะมีการนำเสนอบริการเสริมด้วย 2 แพคเกจหลัก คือ แพคเกจเอ็นเตอร์เทนเม้นท์ 4 ช่อง ราคา 200 บาท / 30 วัน และแพคเกจกีฬา 5 ช่อง ราคา 300 บาท / 30 วัน ซึ่งจะช่วยเพิ่มรายได้ให้กับกลุ่มธุรกิจบรอดคาสติ้งของจีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ และจะส่งผลต่ออัตราค่าโฆษณาในตลาดทีวีดาวเทียม ที่จะปรับตัวเพิ่มขึ้นด้วย

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ