กรุงเทพฯ--14 พ.ค.--สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ
สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ (วช.) จัดสัมมนา เรื่อง “นโยบายศาสนา: ของมีค่าที่ถูกลืม”ระหว่างวันที่ ๑๑ — ๑๒ พฤษภาคม ๒๕๕๕ ณ ห้องแกรนด์บอลรูม โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ คอนเวนชั่น กรุงเทพมหานคร ทั้งนี้เพื่อหาแนวทางในการกำหนดนโยบายด้านศาสนาของประเทศ
ศาสตราจารย์กิตติคุณปรีชา ช้างขวัญยืน ประธานกรรมการสภาวิจัยแห่งชาติ สาขาปรัชญา กล่าวว่า ประเทศไทยแม้มีพระพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำบ้านเมืองมาแต่โบราณ แต่ประชาชนก็ไม่ได้นับถือศาสนาพุทธเพียงศาสนาเดียว จึงทำให้เกิดความหลากหลายของศาสนาในสังคม ซึ่งในอดีตความแตกต่างในเรื่องของศาสนาไม่ได้เป็นปัจจัยสำคัญที่ก่อให้เกิดความแตกแยกและแตกต่างในสังคม ซึ่งต่างจากในปัจจุบันที่มี
ผู้พยายามทำให้ศาสนาเป็นเหตุในการเกิดความแตกแยก ปัจจัยที่ทำให้เกิดปัญหาดังกล่าวเกิดจากการขาดการอุปถัมภ์บำรุงและให้ความสำคัญแก่ศาสนา ทั้งนี้เนื่องจากประเทศไทยได้พัฒนาเข้าสู่ความเป็นวัตถุนิยมมากขึ้นทำให้วิถีชีวิตของคนเปลี่ยนไปการให้ความสำคัญกับศาสนาที่เป็นวัฒนธรรมที่สำคัญลดลง ดังนั้น การจัดการด้านศาสนาของประเทศจึงเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้ศาสนิกชนที่แม้จะเป็นคนไทย แต่นับถือศาสนาต่างกันสามารถดำเนินชีวิตได้อย่างสันติ กล่าวคือ ศาสนาในสังคมประชาธิปไตยจะต้องมีคุณค่าในตัวเองไม่ว่าสภาพสังคมจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร ศาสนาจะต้องรับมือกับความเปลี่ยนแปลงทางด้านสังคม เศรษฐกิจและการปกครองในอนาคตได้
คณะกรรมการสภาวิจัยแห่งชาติ สาขาปรัชญา ตระหนักถึงความสำคัญของการจัดการด้านศาสนาของประเทศ จึงได้จัดการสัมมนาเรื่อง “นโยบายด้านศาสนา: ของมีค่าที่ถูกลืม” ขึ้น เพื่อให้ผู้ทรงคุณวุฒิ นักวิจัย นักวิชาการ ผู้ที่สนใจและผู้ที่เกี่ยวข้องได้มีโอกาสในการร่วมกันพิจารณาปัญหา นโยบายและวิธีการจัดการ วิธีการดำเนินการเกี่ยวกับศาสนาของชาติในด้านต่าง ๆ เพื่อเป็นแนวทางในการดำเนินการเกี่ยวกับศาสนาของชาติอันจะนำไปสู่การกำหนดนโยบายด้านศาสนาของประเทศต่อไป โดย ศาสตราจารย์เกียรติคุณ นายแพทย์เกษม วัฒนชัย องคมนตรี กล่าวปาฐกถานำเรื่อง “นโยบายศาสนาเรื่องควรค่าคู่ชาติ” และพระเทพวิสุทธิกวี กล่าวปาฐกถาเรื่อง “นโยบายศาสนา: ของมีค่าที่ถูกลืม” นอกจากนี้ยังมีการอภิปรายเกี่ยวกับศาสนาในแง่มุมต่าง ๆ อีกด้วย
ติดต่อ:
สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ (วช.) 025612445