กรุงเทพฯ--14 พ.ค.--ฟิทช์ เรทติ้งส์
ฟิทช์ เรทติ้งส์ ประกาศคงอันดับเครดิตของหุ้นกู้ที่ออกโดยบริษัท อีเทอนอล 4 นิติบุคคลเฉพาะกิจ จำกัด (Eternal 4) และที่ออกโดยบริษัท อีเทอนอล 5 นิติบุคคลเฉพาะกิจ จำกัด (Eternal 5) โครงการทั้ง 2 เป็นโครงการแปลงสินทรัพย์เป็นหลักทรัพย์ประเภทกลุ่มลูกหนี้บัตรเครดิตของบริษัท อิออน ธนสินทรัพย์ (ประเทศไทย) จำกัด มหาชน (AEONTS) ซึ่งปัจจุบันมีอันดับเครดิตภายในประเทศอยู่ที่ ‘BBB+(tha)’/’F2(tha)’ แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ รายละเอียดของอันดับเครดิตมีดังต่อไปนี้
Eternal 4
- หุ้นกู้ชุด A-2 มูลค่า 500 ล้านบาท (ISIN TH-094703OA0-1) คงอันดับเครดิตภายในประเทศ (National rating) ที่ ‘AAAsf(tha)’ แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ
- หุ้นกู้ชุด B มูลค่า 205 ล้านบาท (ISIN TH-0947A3OA0-1) คงอันดับเครดิตภายในประเทศที่ ‘AAAsf(tha)’ แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ
Eternal 5
- หุ้นกู้มูลค่า 2.79 พันล้านบาท คงอันดับเครดิตสากลสกุลเงินในประเทศระยะยาว (International Long-Term Local Currency) ที่ ‘A-sf’ แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ
ฟิทช์ให้ความเห็นว่าตัวแปรหลักที่ใช้ในการวัดผลการดำเนินงานของกลุ่มลูกหนี้ของทั้ง Eternal 4 และ Eternal 5 ที่ผ่านมา อยู่ในระดับที่สอดคล้องกับสมมุติฐานของฟิทช์ ทั้งนี้ผลการดำเนินงานที่ผ่านมาของกลุ่มลูกหนี้บัตรเครดิตที่อยู่ในระดับที่ดีเมื่อเทียบกับสมมุติฐานของฟิทช์ ณ วันที่เริ่มโครงการ ระดับส่วนช่วยสนับสนุนเครดิต (credit enhancement) ที่แข็งแกร่ง โดยเฉพาะระดับส่วนช่วยสนับสนุนเครดิตของ Eternal 4 ที่เพิ่มขึ้นจากการทยอยสะสมเพื่อชำระคืนเงินต้น รวมทั้งภาวะเศรษฐกิจไทยที่คาดว่าจะฟื้นตัวในปี 2555 เป็นปัจจัยสนับสนุนหลักในการประกาศคงอันดับเครดิตและแนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพของหุ้นกู้ของโครงการทั้งสอง
อรวรรณ การุณกรสกุล Senior Director ฝ่าย Structured Finance ของฟิทช์ กล่าวว่า “ผลการดำเนินงานของกลุ่มลูกหนี้บัตรเครดิตของ Eternal 4 และ Eternal 5 ที่ผ่านมา แสดงถึงความยืดหยุ่นและความสามารถของโครงการในการรองรับวิกฤตการณ์ทางเศรษฐกิจต่างๆ ซึ่งรวมถึงอุทกภัยครั้งใหญ่สุดในรอบหลายสิบปีของประเทศไทยที่เกิดขึ้นในช่วงปลายปี 2554 ถึงแม้ว่าผลการดำเนินงานของกลุ่มลูกหนี้ภายใต้โครงการจะได้รับผลกระทบจากอุทกภัยดังกล่าวในช่วงปลายปี 2554 ถึงช่วงต้นปี 2555 แต่ระดับของผลกระทบยังอยู่ในระดับที่บริหารจัดการได้
AEONTS ได้ให้ความช่วยเหลือแก่ลูกหนี้ที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยโดยให้ลูกหนี้หยุดพักชำระหนี้ได้ระยะหนึ่ง ซึ่งลูกหนี้ดังกล่าวคิดเป็นจำนวนประมาณเกือบ 10% ของลูกหนี้ภายใต้โครงการแปลงสินทรัพย์เป็นหลักทรัพย์ทั้ง 2 โครงการ การหยุดพักชำระหนี้ของลูกหนี้ส่งผลให้อัตราส่วนการชำระหนี้คืนรายเดือนเมื่อเทียบกับยอดลูกหนี้ (monthly payment rate) ลดลงในช่วงเดือนพฤศจิกายน 2554 ถึงเดือนมกราคม 2555 ก่อนที่จะฟื้นตัวในเดือนกุมภาพันธ์ 2555 เนื่องจากระยะเวลาการพักชำระหนี้ของลูกหนี้ประมาณ 90% ได้สิ้นสุดลง จากการที่ AEONTS ได้หยุดการนับสถานะการผิดนัดชำระหนี้ของลูกหนี้ที่ได้ทำการขอพักชำระหนี้จนกว่าระยะเวลาการพักชำระหนี้จะสิ้นสุดลง ทำให้ยอดลูกหนี้ค้างชำระ (delinquencies) และอัตราส่วนลูกหนี้ผิดนัด (default rate) ไม่ได้เพิ่มขึ้นสูงในช่วงที่มีอุทกภัย โดยอัตราส่วนลูกหนี้ผิดนัดเพิ่มขึ้นสูงในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ 2555