กรุงเทพฯ--15 พ.ค.--ไนท์แฟรงค์ ชาร์เตอร์
ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในภูเก็ตส่อแววฟื้นตัว ตั้งแต่ไตรมาสที่ 4 ปีที่ผ่านมา พบความต้องการซื้อวิลล่า และคอนโดมิเนียมเพิ่มขึ้น ส่งผลให้นักลงทุนชาวยุโรปต่างเฝ้ามองจังหวะในการกลับมาพัฒนาโครงการอีกครั้ง ตัวเลขจากฝ่ายวิจัยและประเมินมูลค่าทรัพย์สิน บริษัท ไนท์แฟรงค์ ชาร์เตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด ได้แสดงให้เห็นว่า จำนวนหน่วยอุปทานคอนโดมิเนียมเปิดขายในภูเก็ตมีจำนวนหน่วยสะสมราว 6,094 หน่วย ซึ่งหน่วยที่เปิดขายใหม่ในไตรมาสแรกของปีนี้มีราว 493 หน่วย จากจำนวน 8 โครงการ ส่วนจำนวนหน่วยวิลล่าที่เปิดขายในภูเก็ตมีจำนวนอุปทานสะสมที่ราว 1,880 หน่วย เป็นหน่วยที่เปิดขายในไตรมาสที่ 1 ปีพ.ศ. 2555 ราว 108 หน่วย จาก โครงการวิลล่า 5 โครงการ
อย่างไรก็ดีทาง บริษัทไนท์แฟรงค์ ได้ทำการปรับลดตัวเลขของอุปทานสะสมวิลล่าออก ราว 111 หน่วย ทั้งนี้เนื่องจาก จำนวนหน่วยดังกล่าวมิได้มีการพัฒนาเพื่อเป็นวิลล่าขาย ซึ่งบางโครงการอาจทำการปรับปรุงเพื่อเป็นโรงแรม หรือ บางโครงการอาจหยุดโครงการ และหยุดขาย
นางสาวริษิณี สาริกบุตร ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย และ ประเมินมูลค่าทรัพย์สิน บริษัท ไนท์แฟรงค์ ชาร์เตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด ได้ให้แนวความคิดเกี่ยวกับธุรกิจที่พักอาศัยเพื่อขายในภูเก็ตว่า ปัจจุบันความต้องการในการซื้อที่อยู่อาศัย หรือ บ้านพักตากอากาศในภูเก็ตเริ่มฟื้นตัวขึ้นอย่างเห็นได้ชัด โดยกลุ่มลูกค้าชาวรัสเซีย และ สิงคโปร์ กำลังให้ความสนใจในการซื้อบ้านพักตากอากาศในภูเก็ตเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก ในหลายพื้นที่ของเกาะภูเก็ต โครงการวิลล่าชื่อ ซาว่า ซึ่งตั้งอยู่บริเวณตอนเหนือของเกาะภูเก็ต ข้ามผ่านสะพานสารสิน ซึ่งเป็นบริเวณที่เรียกว่า หาดนาใต้ ได้ทำการขายวิลล่าราคาแพง จำนวน 3 หน่วยสุดท้าย จาก 7 หน่วย ในช่วง 2 เดือนแรกของปีนี้ ระดับราคาขายวิลล่าต่อหน่วยสูงกว่า 100 ล้านบาท
นางสาวริษิณี ได้กล่าวเพิ่มเติมว่า ชาวสิงคโปร์สนใจเข้ามาลงทุนในภูเก็ตเนื่องจากภาวะอสังหาริมทรัพย์ในสิงคโปร์ที่ค่อนข้างชะลอตัว ทำให้นักลงทุนจากสิงคโปร์หันมาซื้อบ้านพักตากอากาศซึ่งตั้งอยู่ใกล้ประเทศ อย่างไรก็ดีนักลงทุนจากสิงคโปร์มักให้ความสนใจซื้อวิลล่าในระดับราคาที่ต่ำมากกว่าครึ่งของราคาที่พักอาศัยที่เทียบเท่ากันในสิงคโปร์ ระดับราคาที่ผู้ซื้อส่วนใหญ่ให้ความสนใจอยู่ในช่วง 7 ล้าน ถึง 12 ล้านบาท ต่อหน่วย อีกทั้งผู้ซื้อให้ความสำคัญกับโครงการที่มีผลตอบแทนในการเช่า นางสาวริษิณี กล่าวว่า โครงการไสยวน เอสเตท ที่ตั้งอยู่บริเวณไนหาน ซึ่งเปิดขายในไตรมาสที่ 4 พ.ศ. 2554 มียอดขาย 20 หน่วย จากจำนวน 26 หน่วย ในระยะเวลาเพียง 6 เดือนนับจากวันที่เปิดขาย ซึ่งระดับราคาขายอยู่ที่ 8-12 ล้านบาท อีกทั้งชาวรัสเซียคือกลุ่มลูกค้าใหม่ซี่งมีเป็นจำนวนมาก ได้ซื้อวิลล่าของโครงการ และชาวรัสเซียนิยมเลือกซื้อวิลล่า 2 ห้องนอน ที่มีรูปแบบการตกแต่งแบบสมัยใหม่
นอกจากนี้ยังมีโครงการคอนโดมิเนียมที่เปิดขายใหม่ที่น่าสนใจ คือ รอยัล ภูเก็ต มารีน่า ซึ่งได้ทำการเปิดขายในเฟสที่ 3 ในช่วงปลายเดือนมีนาคม ระดับราคาขายต่อหน่วย เริ่มต้นที่ 4.9 ล้านบาท และ ราคาสูงสุดไม่เกิน 9 ล้านบาท นางสาวริษิณี กล่าว
จากผลการวิจัย พบว่า ระดับราคาขายวิลล่าที่เปิดขายใหม่ในไตรมาสแรกของปีนี้ เริ่มต้นที่ 15 ล้านบาท และ ระดับราคาขายสูงไปถึงราว 300 ล้านบาท ต่อ หน่วย ในขณะที่ระดับราคาขายของคอนโดมิเนียมที่เปิดขายใหม่ในภูเก็ต มีระดับราคาขายต่ำกว่า 10 ล้านบาท ต่อ หน่วย
นางสาวริษิณี กล่าวเพิ่มเติมว่า ปัจจุบันนักลงทุนต่างให้ความสนใจและอยู่ระหว่างการวางแผนพัฒนาโครงการบนเกาะภูเก็ตมีอีกเป็นจำนวนมาก อันได้แก่ โครงการโบ๊ท อเวนิว ซึ่งตั้งอยู่บริเวณเชิงทะเล ปากทางเข้าลากูน่า เป็นโครงการขนาดใหญ่ประกอบด้วยคอมมิวนิตี้มอลล์ คอนโดมิเนียม และ วิลล่า นอกจากนี้บริเวณหาดบางเทา ยังมีแผนการพัฒนาโครงการที่พักอาศัยขนาดใหญ่ ที่ทำการพัฒนาโดย บริษัท คาจิมา บริเวณหาดป่าตอง มีแผนการพัฒนาโครงการที่พักอาศัยอย่างน้อย 2 โครงการ โครงการแรกได้แก่ โครงการของกลุ่มอมารี ซึ่งจะเปิดขายคอนโดมิเนียม จำนวน 190 หน่วย บริเวณหาดป่าตอง นอกจากนี้บริเวณอ่าวเอเมอรัลย์ ในป่าตอง ยังมีแผนการพัฒนาโครงการที่พักอาศัยของชาวต่างชาติอีกด้วย และในปีนี้จะมีการเปิดตัวโครงการวิลล่าระดับซุปเปอร์ อัลตร้า บริเวณหาดนาใต้ ซึ่งอยู่บริเวณตอนเหนือของเกาะภูเก็ต บริเวณนี้เป็นบริเวณชายหาดที่มีความเป็นส่วนตัว มีความสงบเหมาะสำหรับเป็นที่พักอาศัยระดับบน