กรุงเทพฯ--15 พ.ค.--คาร์ล บายร์ แอนด์ แอสโซซิเอทส์
พร้อมต้อนรับสมาชิกโปรแกรมอินเทลเทคโนโลยี 345 ราย ในงาน โซลูชั่นส์ ซัมมิท 2012ที่บาหลี
ประเด็นข่าว
- ในปีที่ผ่านมา มีพันธมิตรซึ่งเป็นบริษัทตัวแทนจำหน่ายของอินเทลกว่า 7,000 ราย ที่เข้าร่วมโปรแกรม อินเทล เทคโนโลยี พาร์ทเนอร์ ของอินเทลในเอเชียแปซิฟิค ปัจจุบัน อินเทลมีพันธมิตรในเอเชียแปซิฟิคเข้าร่วมเป็นสมาชิกกว่า 45,000 ราย และมีสมาชิกทั่วโลกสูงถึง 245,000 ราย
- อินเทลช่วยให้พันธมิตรประสบความสำเร็จในธุรกิจด้วยการเปิดตัวเทคโนโลยีล่าสุด อินเทล? คอร์? โปรเซสเซอร์ เจนเนอเรชั่น 3 พร้อมด้วยแรงบันดาลใจที่ได้รับจาก อัลตร้าบุ๊ก
- อินเทลได้ช่วยกำหนดแนวทางให้พันธมิตร ในการสร้างสรรค์ ให้การสนับสนุน และจำหน่ายผลิตภัณฑ์หรือโซลูชั่นที่ใช้เทคโนโลยีอินเทล เพื่อให้สามารถครอบคลุมสินค้าและบริการที่มากกว่าการรองรับเฉพาะคอมพิวเตอร์เท่านั้น
ในสัปดาห์นี้ อินเทลได้เชิญพันธมิตรที่เป็นตัวแทนจำหน่ายของอินเทลจากทั่วเอเชียแปซิฟิค เข้าร่วมงาน อินเทล โซลูชั่นส์ ซัมมิท ประจำปีนี้ ซึ่งจัดขึ้นที่บาหลี ประเทศอินโดนีเซีย โดยในช่วงสามวันของงานดังกล่าว พันธมิตรของอินเทลจะได้รับความรู้ และเรียนรู้ถึงการนำทูลส์ต่างๆ มาใช้เพื่อนำเสนอโซลูชั่นที่สามารถตอบสนองต่อธุรกิจต่างๆ รวมถึงผู้บริโภคทั่วทั้งภูมิภาคได้อย่างเต็มที่ ในปีที่ผ่านมา โปรแกรม อินเทล เทคโนโลยี พาร์ทเนอร์ (Intel Technology Partner) ได้รับการตอบรับอย่างกว้างขวาง โดยมีจำนวนสมาชิกในเอเชียแปซิฟิคเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก ในจำนวนนี้ มีสมาชิกจากองค์กรใหม่ๆ เข้าร่วมเพิ่มขึ้นถึง 7,000 ราย
ในงานซัมมิทครั้งนี้ คามิล ฮาซัน ผู้อำนวยการ องค์กรตัวแทนจำหน่ายระดับรีเซลเลอร์ของอินเทลในเอเชียแปซิฟิค จะกล่าวถึงภาพรวมของทิศทางที่อินเทลมุ่งเน้นสำหรับปี 2555 และในอนาคตว่า “ขณะนี้ พันธมิตรอินเทลในเอเชียล้วนเล็งเห็นถึงศักยภาพใหม่ๆ ของการเชื่อมต่ออุปกรณ์คอมพิวเตอร์ชนิดต่างๆ(Compute Continuum) และโอกาสที่จะเกิดขึ้นจากการนำเสนอชิ้นส่วนต่างๆ ที่ทำงานได้อัจฉริยะมากขึ้น ปลอดภัยมากขึ้น และเอื้อให้ผู้ใช้สามารถเชื่อมต่อประสบการณ์บนโลกออนไลน์ได้ตลอดเวลา เพื่อนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการของตนให้ครอบคลุมอุปกรณ์กลุ่มต่างๆ ได้มากขึ้น ตั้งแต่คอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ก ป้ายดิจิตอล อุปกรณ์แบบครบวงจร ไปจนถึงเซิร์ฟเวอร์ หรือแม้แต่ดาต้าเซ็นเตอร์ที่ถูกนำมาเชื่อมต่อ เป็นต้น เฉพาะปีที่แล้วเพียงปีเดียว มีพันธมิตรกว่า 7,000 รายที่เข้าร่วมโปรแกรมนี้เพื่อเรียนรู้แนวทางในการพัฒนาธุรกิจของตนให้เติบโตต่อไปได้ในโลกแห่งพัฒนาการทางเทคโนโลยีดังเช่นปัจจุบัน”
โปรแกรม อินเทล เทคโนโลยี พาร์ทเนอร์ ได้รับการออกแบบมาเพื่อช่วยฝึกอบรม สนับสนุนและเป็นช่วยกำหนดแนวทางให้ตัวแทนจำหน่ายสร้างธุรกิจให้เติบโตได้อย่างยั่งยืน ทั้งในรูปแบบของการสนับสนุนโมเดลทางธุรกิจในปัจจุบันของตัวแทนจำหน่าย และการช่วยวิเคราะห์เพื่อหาโอกาสใหม่ๆ ทางการตลาดให้ โดยในงานนี้ อินเทลจะสร้างมูลค่าให้เกิดขึ้นกับกลุ่มที่ทำธุรกิจเกี่ยวเนื่องกัน ด้วยการสร้างสัมพันธภาพใหม่ๆ ให้เกิดขึ้น และเสริมสร้างประโยชน์ที่จะเกิดขึ้นร่วมกันระหว่างบริษัทต่างๆ
นายสายพิน ใสสุก กรรมการผู้จัดการ บริษัท เจท คอมพิวเตอร์ พลัส ประเทศไทย กล่าวว่า “อินเทลคงความเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีมาอย่างต่อเนื่อง ดังนั้น การได้เป็นพันธมิตรกับอินเทลจึงทำให้เราได้เปรียบในการแข่งขันมาตลอด นอกจากนี้ การเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของโปรแกรม อินเทล เทคโนโลยี พาร์ทเนอร์ ยังทำให้เรามีโอกาสได้ทำความรู้จักกับพันธมิตรอื่นๆ ของอินเทลในภูมิภาคนี้อีก 45,000 รายอีกด้วย กิจกรรมต่างๆ ของอินเทลที่ช่วยในการจับคู่ทางธุรกิจ เปิดโอกาสให้เราได้รู้จักพันธมิตรรายอื่นๆ ที่มีการพัฒนานวัตกรรมใหม่ๆ และเป็นแรงบันดาลใจ ที่ช่วยกระตุ้นให้เราสามารถร่วมงานกันเพื่อผลักดันผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ออกสู่ตลาดในประเทศของเราได้ดียิ่งขึ้น”
“การเป็นพันธมิตรกับอินเทลยังเป็นปัจจัยที่ช่วยให้บริษัทของเรามีความน่าเชื่อถือ และทำให้ลูกค้าไว้วางใจในบริษัทเรามากขึ้น นอกจากนี้ อินเทลยังจัดการฝึกอบรมและให้การสนับสนุนเพื่อสร้างโอกาสใหม่ๆ ทางธุรกิจ ให้กับเรา ทั้งในด้านการตลาดและการสร้างเครือข่ายกับบริษัทอื่นๆ”
นวัตกรรม คือประเด็นสำคัญของหัวข้อในการสนทนาสำหรับงานซัมมิทปีนี้ เนื่องจากพันธมิตรจำนวนมากต้องการนำมาใช้ในการขยายตลาดไปสู่เซ็กเม้นต์ใหม่ๆ ซึ่งอินเทลกำลังจะนำเสนอชิ้นส่วนต่างๆ ที่เป็นโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญต่อการผลิตซีพียูสำหรับคอมพิวเตอร์เดสท้อป อุปกรณ์มือถือและเซิร์ฟเวอร์ รวมถึงมาเธอร์บอร์ดและระบบต่างๆ เพื่อให้พันธมิตรสามารถเปิดตลาดสำหรับผลิตภัณฑ์และโซลูชั่นใหม่ นี้ได้ ทั้งนี้ พันธมิตรที่เข้าร่วมโปรแกรมนี้ ยังได้มีโอกาสสัมผัสกับความสำเร็จที่เกิดขึ้นแล้วกับอุปกรณ์ต่างๆ ในกลุ่มของอุปกรณ์เอ็มเบ็ดเด็ด อุปกรณ์ชนิดครบวงจร อัลตร้าบุ๊ก และซอฟต์แวร์
นายสนธิญา หนูจีนเส้ง ผู้จัดการฝ่ายขาย บริษัท อินเทล ไมโครอิเล็กทรอนิกส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “ความต้องการของตลาดสำหรับอุปกรณ์ที่ต้องใช้หน่วยประมวลผลยังคงเติบโตและมีวิวัฒนาการอย่างต่อเนื่อง เราจะสร้างความแข็งแกร่งของแนวทางดังกล่าวให้เกิดขึ้นและครอบคลุมในทุกเซ็กเม้นต์ พร้อมทั้งเน้นการร่วมงานกับพันธมิตรเพื่อการเติบโตและการพัฒนาช่องทางจำหน่ายให้กว้างขวางยิ่งขึ้น สำหรับ อินเทล ประเทศไทย เรายังคงมุ่งมั่นที่จะทำงานร่วมกับพันธมิตรในเครือข่ายของเราเพื่อนำนวัตกรรมใหม่ๆ มาสู่ตลาดในประเทศของเราอย่างต่อเนื่อง”