ซิตี้แบงก์จัดสัมมนา “Wealth Preservation” นำเสนอ 4 กองทุนตราสารหนี้จาก 4 บลจ. ชั้นนำ แก่ลูกค้าซิตี้โกลด์

ข่าวเศรษฐกิจ Tuesday May 15, 2012 15:10 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--15 พ.ค.--พีอาร์ แอนด์ แอสโซซิเอส ธนาคารซิตี้แบงก์ เชิญลูกค้าซิตี้โกลด์สร้างความมั่งคั่งอย่างยั่งยืนให้กับพอร์ตการลงทุน โดยร่วมมือกับ 4 บลจ.ชั้นนำร่วมให้ข้อมูลเศรษฐกิจ การลงทุน และรายละเอียดของกองทุนตราสารหนี้ที่ให้ผลตอบแทนสูงสุด ธนาคารซิตี้แบงก์ จัดงานสัมมนา “Wealth Preservation” โดยได้รับเกียรติจากผู้บริหารของบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนชั้นนำรวม 4 แห่ง มาร่วมพูดคุยเกี่ยวกับเศรษฐกิจ การลงทุน และรายละเอียดของ 4 กองทุนตราสารหนี้ (Bond) ที่ผ่านการคัดสรรมาแล้วว่าให้ผลตอบแทนที่ดี เพื่อให้ลูกค้าซิตี้โกลด์สามารถสร้างความมั่งคั่งที่ยั่งยืนให้กับพอร์ตการลงทุนของตนเอง นายปวิณ รอดลอยทุกข์ ผู้อำนวยการฝ่ายบุคคลธนกิจ ธนาคารซิตี้แบงก์ กล่าวว่า การจัดงานสัมมนาครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจและเพื่อเป็นการเปิดมุมมองใหม่ด้านการลงทุนในกองทุนตราสารหนี้ (Bond) ให้ลูกค้าซิตี้โกลด์ได้เห็นถึงโอกาสในการสร้างผลตอบแทนที่มั่งคั่งยั่งยืนให้กับพอร์ตการลงทุนของตนเอง “นักลงทุนที่แต่เดิมมีพอร์ตการลงทุนในตราสารทุนหรือหุ้นเท่านั้น ควรลดความเสี่ยงด้วยการกระจายการลงทุนบางส่วนไปในกองทุนตราสารหนี้ (Bond) เพราะเป็นกองทุนที่ให้ผลตอบแทนที่ดีในระยะยาวและมั่นคงในทุกช่วงการลงทุน มีความผันผวนต่ำกว่ากองทุนตราสารทุน อีกทั้งการลงทุนในตราสารหนี้ยังมีผลประกอบการที่ดีอย่างสม่ำเสมอเป็นเวลายาวนานด้วย” อย่างไรก็ตาม แม้ธนาคารซิตี้แบงก์ จะนำเสนอกองทุนตราสารหนี้ที่หลากหลายให้กับลูกค้าซิตี้โกล์ดอย่างต่อเนื่อง แต่กองทุนตราสารหนี้เหล่านี้มีนโยบายการลงทุนที่แตกต่างกันตามระดับความเสี่ยงที่นักลงทุนยอมรับได้ และตามความวัตถุประสงค์ที่หลากหลายของนักลงทุน ดังนั้น ธนาคารจึงจัดงานสัมมนา “Wealth Preservation” ขึ้น โดยนับเป็นครั้งแรกที่ธนาคารซิตี้แบงก์ ได้รับเกียรติจากผู้บริหารระดับสูงของ 4 บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ชั้นนำ ได้แก่ บลจ.อเบอร์ดีน บลจ.กรุงไทย บลจ.กรุงศรี และบลจ.ไอเอ็นจี ซึ่งล้วนเป็นพันธมิตรกับธนาคารฯ มาร่วมพูดคุยและให้ความรู้เกี่ยวกับเศรษฐกิจ การลงทุน และรายละเอียดของกองทุนตราสารหนี้ จำนวน 4 กองทุน ที่ผ่านการคัดสรรมาเป็นอย่างดีสำหรับลูกค้าซิตี้โกลด์ที่มองหาโอกาสในการสร้างผลตอบแทนที่มั่งคั่งยั่งยืนให้กับพอร์ตการลงทุนของตนเอง โดย นายพงค์ธาริน ทรัพยานนท์ ผู้จัดการกองทุนตราสารหนี้ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน อเบอร์ดีน จำกัด เปิดเผยว่า กองทุนเปิด อเบอร์ดีน อีเมอร์จิ้ง ออพพอร์ทูนิตี้ส์ บอนด์ ฟันด์ (Aberdeen Emerging Opportunities Bond Fund) มีนโยบายกระจายการลงทุนไปในประเทศที่เป็นตลาดเกิดใหม่ เนื่องจากมีปัจจัยบวก 3 ประการ คือ 1.คุณภาพของอันดับความน่าเชื่อถือที่ปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง 2. มูลค่าของตราสารหนี้เหล่านี้อยู่ในระดับที่ยังเหมาะสม และ 3.เม็ดเงินยังไหลเข้าตราสารหนี้ของประเทศต่างๆ ในกลุ่มตลาดเกิดใหม่ นอกจากนี้ ตราสารหนี้ตลาดเกิดใหม่ยังมีแนวโน้มจะได้รับการปรับอันดับความน่าเชื่อถือเพิ่มขึ้น ประกอบกับแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยในประเทศพัฒนาแล้ว ยังคงอยู่ในระดับต่ำไปอีกระยะหนึ่ง ส่งผลให้ตราสารหนี้ทั้งที่เป็นพันธบัตรรัฐบาลและหุ้นกู้เอกชนในกลุ่มประเทศกำลังพัฒนายังมีความน่าสนใจ ทั้งนี้ ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา กองทุนนี้ได้สร้างผลตอบแทนที่ประมาณ 7-8% ด้านนายศรชัย เตรียมวรกุล ผู้จัดการกองทุนฝ่ายลงทุนตราสารหนี้ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวมกรุงไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า กองทุนเปิด เคแทม เวิลด์ บอนด์ ฟันด์ (KTAM World Bond Fund)เป็นกองทุนที่มีนโยบายเน้นลงทุนในกองทุน Templeton Global Bond Fund โดยกองทุนดังกล่าวได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือในระดับ AAA จากสถาบันการจัดอันดับความน่าเชื่อถือ สแตนดาร์ดแอนด์พัวร์ส (S&P Fund Management Rating) โดยปัจจุบันมีขนาดกองทุนประมาณ 43.7 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ซึ่งที่ผ่านมากองทุนหลักสามารถสร้างอัตราผลตอบแทนเฉลี่ยย้อนหลังที่ 6-10% ต่อปี จุดเด่นของกอง KT-World Bond ((Master Fund: Templeton Global Bond Fund) เป็นกองทุนที่เน้นลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลของประเทศต่างๆ ทั่วโลก (Sovereign Bond) ไม่น้อยกว่า 75% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ จึงมีความเสี่ยงด้านเครดิตต่ำ และกองทุนฯ มีการกระจายลงทุนในประเทศต่างๆ กว่า 30 ประเทศ และ 20 สกุลเงิน ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงจาก Concentration Risk ในประเทศหรือกลุ่มประเทศใดประเทศหนึ่งเท่านั้น โดยกองทุนฯ มีทีมงานการจัดการกองทุนและทีมงานวิจัยมืออาชีพกว่า 100 คน และยังมี Regional Fund manager ประจำอยู่ในแต่ละประเทศที่เป็น key strategy ของกองทุน ทั้งนี้ แนวทางการบริหารจะ focus ที่การวางพอร์ตระยะกลางถึงยาวเพื่อบริหารให้ได้ผลตอบแทนโดยรวมสูงสุด โดยที่มาของผลตอบแทนเกิดจากองค์ประกอบ3Cs ได้แก่ Curve , Credit , Currency โดยขึ้นอยู่กับภาวะตลาดในแต่ละช่วง นายประภาส ตันพิบูลย์ศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงศรี จำกัด เปิดเผยว่า กองทุนเปิด กรุงศรีโทเทิลรีเทิร์นบอนด์” (Krungsri Total Return Bond Fund -KFTRB) ลงทุนในกองทุนหลัก PIMCO Total Return Bond Fund ซึ่งเป็นกองทุนที่จัดตั้งมายาวนานกว่า 24 ปี ถือเป็นกองทุนรวมที่ใหญ่ที่สุดในโลก ด้วยขนาดกองทุนกว่า 257,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณ 7.7 ล้านล้านบาทจากนักลงทุนทั้งภาครัฐและเอกชนหลายล้านรายทั่วโลก บริหารงานโดย Mr. Bill Gross ผู้จัดการกองทุนที่ได้รับการยอมรับระดับโลก จุดเด่นของกองทุนหลัก PIMCO Total Return Bond คือ ที่มีนโยบายกระจายการลงทุนในตราสารหนี้คุณภาพสูงทั่วโลก โดยต้องเป็นตราสารหนี้ที่มีอันดับความน่าเชื่อถือในระดับน่าลงทุน (Investment Grade) ไม่ต่ากว่า 90% ของพอร์ตลงทุน และเป็นกองที่เน้นคุณภาพของตราสาร ปัจจุบันมีคุณภาพของตราสารเฉลี่ยในระดับAA โดยมีความผันผวนในระดับที่ต่ำมาก (ค่า SD= +/-3.6%) ซึ่งถือว่าต่ำมากเมื่อเทียบกับระดับผลตอบแทนเฉลี่ยในอดีตประมาณ 7-8% ต่อปี แต่เนื่องจากระดับอัตราดอกเบี้ย(coupon) ที่ลดลงในปัจจุบัน จึงอาจคาดการณ์ผลตอบแทนที่ประมาณ 4-5% ในปีนี้ แต่อาจมีโอกาสได้มากกว่าจัดเป็น extra return อีกทั้งเป็นกองทุนที่ให้ผลตอบแทนที่ดีสม่ำเสมอมายาวนาน และสร้างผลตอบแทนที่เป็นบวกเสมอ สำหรับทุกระยะเวลาลงทุน 2 ปี ขณะเดียวกัน การที่กองทุนหลัก PIMCO Total Return Bond เน้นลงทุนในตราสารหนี้คุณภาพดีหลากหลายประเภท สำหรับการลงทุนในทุกสภาวการณ์ จึงเหมาะเป็นสินทรัพย์หลักในพอร์ตการลงทุน (ในปี2008* กองทุนหลักยังให้ผลตอบแทนบวกประมาณ4% ในสกุลเงินเหรียญสหรัฐฯ) นายอุดมการณ์ อุดมทรัพย์ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายธุรกิจกองทุนและที่ปรึกษาการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ไอเอ็นจี (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า กองทุนเปิด ไอเอ็นจี เอเชี่ยน เดบท์ รีจินอล บอนด์-ดิวิเดน ฟันด์ (ING Thai Asian Debt Regional Bond — Dividend Fund) เป็นกองทุนที่มีนโยบายกระจายการลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลและเอกชนคุณภาพดี ในแถบภูมิภาคเอเชีย ทั้งในประเทศพัฒนาแล้วและประเทศกำลังพัฒนา ซึ่งปัจจุบันมีปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งและมีศักยภาพในการเติบโตสูง จึงถือเป็นการกระจายการลงทุนที่ดี อีกทั้งยังมีโอกาสได้รับประโยชน์จากแนวโน้มการแข็งค่าของอัตราแลกเปลี่ยนของประเทศในภูมิภาคเอเชีย นอกจากนี้ ปัจจุบัน พอร์ตการลงทุนดังกล่าวยังมีการปรับอายุเฉลี่ยของตราสาร (duration) มาอยู่ที่ประมาณ 4.73 ปี เพื่อลดความผันผวนของกองทุนให้เหมาะกับสภาวะตลาดในปัจจุบัน นายปวิณกล่าวในตอนท้ายว่า “การลงทุนในกองตราสารหนี้ ผู้ลงทุนควรเลือกลงทุนให้เหมาะสมกับวัตถุประสงค์ของตนเอง เพราะแต่ละกองมีความแตกต่างกัน โดยก่อนการตัดสินใจลงทุนควรพิจารณาปัจจัยต่างๆ ประกอบด้วย อาทิ เลือกลงทุนจากตราสารหนี้ที่ผู้จัดการกองทุนเลือกลงทุน นโยบายการลงทุน ความเสี่ยงของกองทุนและความเสี่ยงที่รับได้ เป็นต้น ไม่เฉพาะแค่เลือกลงทุนจากผลตอบแทนที่ประมาณการณ์ไว้” สำหรับลูกค้าซิตี้โกลด์ที่กำลังมองหาโอกาสสร้างความมั่งคั่งที่ยั่งยืนให้กับพอร์ตการลงทุนของตนเอง ธนาคารซิตี้แบงก์ได้จัดงานสัมมนาด้านการลงทุนขึ้นอีกครั้งในวันพุธที่ 23 พฤษภาคม 2555 เวลา 14:00 - 16:30 น. ณ ห้องแกรนด์ บอลรูม โรงแรมแกรนด์ ไฮแอท เอราวัณ โดยได้รับเกียรติจาก นายประภาส ตันพิบูลย์ศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่การลงทุน บลจ.กรุงศรี และ นางสาวดารบุษป์ ปภาพจน์ รองกรรมการผู้จัดการ บลจ.กรุงไทย ร่วมให้ข้อมูลด้านการลงทุน ผู้สนใจสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม ได้ที่ศูนย์บริการลูกค้าซิตี้โกลด์ โทร. 0-2788-3335 ซิตี้ ธนาคารชั้นนำของโลก ที่ให้บริการแก่ลูกค้ากว่า 200 ล้านราย ในกว่า 160 ประเทศและเขตปกครองทั่วโลก ซิตี้นำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการทางการเงินที่หลากหลายให้กับลูกค้าบุคคล องค์กร ภาครัฐและสถาบันต่างๆ โดยธุรกิจหลักครอบคลุมการธนาคารและสินเชื่อเพื่อลูกค้าบุคคล (สายบุคคลธนกิจ) ธนาคารเพื่อองค์กรและการลงทุน (สายสถาบันธนกิจและวาณิชธนกิจ) ธุรกิจนายหน้าค้าหลักทรัพย์ บริการธุรกรรมทางการเงินต่างๆ รวมถึงบริการบริหารความมั่งคั่ง ตรวจสอบข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.citigroup.com | ทวิตเตอร์: @Citi | ยูทูป: www.youtube.com/citi | บล็อก: http://new.citi.com | เฟซบุ๊ก: www.facebook.com/citi | ลิงก์อิน: www.linkedin.com/company/citi

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ