กรุงเทพฯ--15 พ.ค.--แบรนด์คอม คอนซัลแทนส์
บริษัทเหมราชประกาศผลการดำเนินงานไตรมาส 1 ปี 2555: กำไรสุทธิ 861 ล้านบาท
- กำไรสุทธิก่อนรวมกำไรหรือขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ยังไม่รับรู้สำหรับไตรมาส 1 ปี 2555 จำนวน 731 ล้านบาท
บริษัทเหมราชพัฒนาที่ดิน (มหาชน) ประกาศผลการดำเนินงานสำหรับไตรมาสที่ 1 ปี 2555 สรุปได้ดังนี้
กำไรสุทธิไตรมาส 1 ปี 2555
ในไตรมาส 1 ปี 2555 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิทั้งสิ้น 860.9 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นเท่ากับร้อยละ 2709 เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา บริษัทฯมีกำไรสุทธิต่อหุ้นจำนวน 0.089 บาทต่อหุ้น เพิ่มขึ้นร้อยละ 2709 เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา
กำไรสุทธิที่เพิ่มขึ้นในไตรมาส 1 ปี 2555 มาจากผลการดำเนินงานที่เพิ่มขึ้นในทุกธุรกิจ และมาจากยอดการโอนที่ดินที่เพิ่มขึ้น นอกจากนี้ ยังมีกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ยังไม่ได้เกิดขึ้นจริงสำหรับเกคโค่วัน เป็นจำนวน 130.3 ล้านบาทในไตรมาสที่ 1 ปี 2555 เปรียบเทียบกับขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ยังไม่ได้เกิดขึ้นจริงของไตรมาสที่ 1 ปี 2554 จำนวน 22.1 ล้านบาท บริษัทฯมีกำไรสุทธิก่อนรวมกำไรหรือขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ยังไม่รับรู้ สำหรับปี 2555 จำนวน 730.6 ล้านบาท
อนึ่ง ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2554 เป็นต้นไป ได้มีการเปลี่ยนแปลงวิธีการทางบัญชีจากวิธีการรับรู้รายได้ตามอัตราส่วนของงานที่ทำเสร็จเป็นวิธีการรับรู้รายได้ทั้งจำนวนเมื่อมีการโอนความเสี่ยงและผลตอบแทนที่มีนัยสำคัญ ซึ่งเป็นไปตามระบบมาตรฐานการรายงานทางด้านการเงินแบบใหม่ ซึ่งออกโดยสภาวิชาชีพบัญชี ในพระบรมราชูปถัมภ์
นายเดวิด นาร์โดน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ได้ให้ความเห็นเพิ่มเติมเกี่ยวกับผลการดำเนินงานของบริษัทฯ ว่า
“บริษัทฯ เริ่มต้นปี 2555 ด้วยผลประกอบการที่แข็งแกร่งซึ่งเป็นไปอย่างที่เราได้คาดการณ์ไว้ว่าการรับรู้รายได้จากการขายที่ดินซึ่งจะมีการบันทึกบัญชีเมื่อมีการโอนกรรมสิทธิจะดีขึ้นเรื่อยๆ นอกจากนี้รายได้จากระบบสาธารณูปโภคในนิคมอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้นร้อยละ 13 และรายได้จากการให้เช่าโรงงานสำเร็จรูปเพิ่มขึ้นร้อยละ 52 จากไตรมาสเดียวกันของปีที่ผ่านมา
การลงทุนของลูกค้าที่มีเข้ามาอย่างต่อเนื่องไม่เฉพาะจากอุตสาหกรรมยานยต์เท่านั้นยังรวมถึงการลงทุนจากกลุ่มอิเลกทรอนิกส์ วัสดุก่อสร้าง และอื่นๆ โดยเฉพาะการลงทุนจากประเทศญี่ปุ่นยังคงมีสัดส่วนที่มากที่สุดโดยมีจำนวนมากกว่าครึ่งนึงของจำนวนลูกค้าทั้งหมดเมื่อพิจารณาจาก 9 ไตรมาสล่าสุด ส่งผลให้ไตรมาสที่ 1 ปี 2555 บริษัทฯมีผลประกอบการที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์ ด้วยมียอดขายพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมจำนวน 928 ไร่ (371 เอเคอร์ หรือ 150 เฮกเทอร์), มีส่วนแบ่งการตลาดเป็นอันดับที่ 1, ด้วย 39 สัญญา, 32 ลูกค้ารายใหม่ และ 7 การขยายโครงการจากลูกค้าเดิม ในปี 2554 เรามีทั้งสิ้น 74 สัญญาซึ่งนับว่าน่าตื่นเต้นแล้ว แต่สำหรับปีนี้เราคาดการณ์ไว้ที่ 90 สัญญา โรงงานสำเร็จรูปให้เช่าในปี 2554 เติบโต 13,694 ตารางเมตร หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 9 ซึ่งเพิ่มขึ้นจากพื้นที่เช่ารวมปี 2554 และยังมีสัญญาเช่าล่วงหน้าอีกจำนวน 14,000 ตารางเมตร ซึ่งเราคาดว่าจะเป็นปีทีดีอีกปีของโรงงานสำเร็จรูปให้เช่า
บริษัทเหมราชฯ เริ่มต้นปี 2555 ด้วยรายได้รวมจำนวน 1,696.7 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 190 เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมาด้วยเหตุผลดังที่ได้กล่าวแล้วในข้างต้น มีกำไรสุทธิทั้งหมดจำนวน 860.9 ล้านบาท หรือ กำไรสุทธิก่อนรวมกำไรหรือขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ยังไม่รับรู้เป็น 730.6 ล้านบาท โดยเปรียบเทียบกับขาดทุนสุทธิก่อนรวมกำไรหรือขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ยังไม่รับรู้ในช่วงเวลาเดียวกันของปี 2554 ซึ่งมีจำนวน -10.9 ล้านบาท
การผลิตรถยนต์สำหรับประเทศไทยสำหรับปี 2555 จะพื้นฟูกลับมาที่จำนวน 2.0 ล้านคัน และจะเพิ่มขึ้นเป็น 2.5 ล้านคัน และ 3.0 ล้านคัน ในอีก 3-6 ปีข้างหน้า
บริษัทยังคงมุ่งมั่นลงทุนในธุรกิจหลักอย่างต่อเนื่อง ซึ่งประกอบด้วย นิคมอุตสาหกรรม ระบบสาธารณูปโภค พลังงาน และอสังหาริมทรัพย์ เราได้ลงทุนในการพัฒนาโรงงานสำเร็จรูปอย่างมากเพื่อรองรับกับความต้องการในโรงงานสำเร็จรูปได้เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ทั้งนี้การก่อสร้างสำหรับเฟสแรกของเหมราชโลจิสติกพาร์คหมายเลขหนึ่งเพิ่งจะแล้วเสร็จและเราได้มีการเปิดตัวโครงการเหมราชโลจิสติกพาร์คหมายเลขสองในนิคมฯเหมราชอีสเทิร์นซีบอร์ดในช่วงเวลาไล่เลี่ยกัน การลงทุนจากต่างประเทศที่หลั่งไหลทั้งจากอุตสาหกรรมยานยนต์และอื่นๆที่เข้ามาในประเทศไทยได้สะท้อนให้เห็นถึงจุดเด่นของประเทศไม่ว่าจะเป็นความได้เปรียบในด้านต้นทุนการผลิต ค่าเงิน หรือ การเข้าถึงตลาดทั้งในประเทศและภูมิภาค ด้วยเหตุนี้ บริษัทฯจึงได้ประกาศเพิ่มเป้าหมายยอดขายที่ดินเพื่อุตสาหกรรมสำหรับปี 2555 จากเดิม 1,500 ไร่เป็น 2,000 ไร่ ในการประชุมสามัญประจำปีผู้ถือหุ้นซึ่งจัดเมื่อวันที่ 30 เมษายน 2555
ในธุรกิจพลังงานบริษัทฯได้ลงทุน 4.5 พันล้านบาทและได้ถือหุ้นร้อยละ 35 ในโครงการเกคโค่วันซึ่งเป็นโรงงานไฟฟ้าไอพีพีขนาด 660MW ซึ่งจะเปิดดำเนินการในเดือนพฤษภาคมปี 2555 และในเดือนมีนาคม 2555 บริษัทฯได้เซ็นสัญญาร่วมทุนกับ GULF JP โดยเข้าไปถือหุ้นจำนวนร้อยละ 25 ในโรงไฟฟ้าขนาดเล็ก (SPP) กำลังการผลิด 126MW ซึ่งตั้งอยู่ในเขตประกอบการฯเหมราชระยอง ซึ่งเป็นหนึ่งใน 8 โรงไฟฟ้าขนาดเล็กที่ทางบริษัทฯมีแผนจะร่วมทุนด้วย
บริษัทมีกลยุทธที่จะการขยายฐานรายได้เพื่อการเติบโตของรายได้ที่มั่นคงและสม่ำเสมอ ประกอบกับกำไรและเงินปันผลที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องโดยลดความเสี่ยงในขณะเดียวกันเพื่อเพิ่มโอกาสในการสร้างผลตอบแทนสูงสุดให้แก่ผู้ถือหุ้นในระยะยาว”
รายได้รวมและผลการดำเนินงานใน 3 เดือนแรก ปี 2555
สำหรับไตรมาสที่ 1 ปี 2555 บริษัทฯ มีรายได้รวมจำนวน 1,675.5 ล้านบาท เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมาจำนวน 566.3 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 196 โดยมีรายได้จากการประกอบธุรกิจหลักจำนวน 1682.4 ล้านบาทหรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 194 เปรียบเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา รายได้การขายที่ดินนิคมอุตสาหกรรมในไตรมาสแรกปี2555 มีจำนวน 1,149.2 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 3950 โดยมีรายได้จากการขายพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมที่รอการรับรู้อีกเป็นจำนวน 2,959 ล้านบาทด้วยวิธีการรับรู้รายได้ทั้งจำนวนเมื่อมีการโอนซึ่งจะกลายเป็นรายได้ที่จะรับรู้ในช่วง 3-24 เดือนข้างหน้า
รายได้จากระบบสาธารณูปโภคในนิคมอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้นเป็น 322.1 ล้านบาทหรือเพิ่มขึ้นเท่ากับร้อยละ 13 รายได้จากระบบสาธารณูปโภครวมซึ่งรวมถึงค่าบริการระบบสาธารณูปโภคในนิคมอุตสาหกรรม เงินปันผลจากบริษัทร่วมด้านพลังงานและสาธารณูปโภค และค่าบริการระบบสาธารณูปโภคและบริการอื่นๆ จำนวน 325.1 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 8 รายได้จากเช่าและการให้บริการที่รวมถึงการเช่าโรงงานสำเร็จรูป การให้เช่าฐานวางท่อ และการให้เช่าออฟฟิสสำนักงานเพิ่มขึ้นเป็น 171.5 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 37 รายได้จากการขายอสังหาริมทรัพย์ที่รวมถึงการขายโรงงานสำเร็จรูป การขายโครงการที่พักอาศัย ที่ดินและอสังหาริมทรัพย์อื่นๆ จำนวน 36.6 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 69
บริษัทฯ มีกำไรขั้นต้นจำนวน 771.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 204 จากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา มีกำไรจากการดำเนินงาน (EBITDA) จำนวน 602.1 ล้านบาท ด้วยอัตรากำไรขั้นต้น (Gross Profit Margin) และอัตรากำไรจากการดำเนินงาน (EBITDA Margin) ที่ 46% และ 36% ตามลำดับ
เหตุการณ์สำคัญในไตรมาส 1 ปี 2555
- บริษัทฯ มียอดขายที่ดินอุตสาหกรรม จำนวน 928 ไร่ จาก 39 สัญญา โดยในจำนวนนี้เป็นลูกค้าใหม่จำนวน 32 รายและจากการขยายกิจการของลูกค้ารายเดิมจำนวน 7 ราย รวมจำนวนลูกค้าจนถึงปัจจุบันทั้งสิ้น 507 รายจากสัญญาซื้อขายทั้งสิ้น 756 สัญญา เป็นลูกค้าในกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์จำนวน 174 รายจากจำนวน 267 สัญญา
- บรษัทฯได้มีการลงทุนในโครงการพลังงานอย่างต่อเนื่องโดยบริษัทฯถือหุ้นร้อยละ 35 ในโครงการเกคโค่วัน ไอพีพี ซึ่งมีกำหนดการเริ่มดำเนินงานในเดือนพฤษภาคม ปี 2555 และในเดือนมีนาคม 2555 บริษัทฯได้เซ็นสัญญาร่วมทุนกับ GULF JP โดยเข้าไปถือหุ้นจำนวน 25% ในโรงไฟฟ้าขนาดเล็ก (SPP) กำลังการผลิด 126MW ซึ่งตั้งอยู่ในเขตประกอบการฯเหมราชระยอง
- บริษัทฯมีสัญญาเช่าโรงงานสำเร็จรูปเพิ่มขึ้นร้อยละ 9 หรือ คิดให้เป็นพื้นที่ให้เช่าเพิ่มขึ้น 13,694 ตารางเมตร จากปี 2554 และยังมีสัญญาเช่าล่วงหน้าอีกจำนวน 14,000 ตารางเมตร
เหตุการณ์สำคัญหลังไตรมาส 1 ปี 2555
ในการประชุมสามัญประจำปีที่จัดขึ้นเมื่อวันที่ 30 เมษายน 2555 ที่ประชุมได้มีมติอนุมัติให้จ่ายเงินปันผลงวดสุดท้ายจำนวน 0.03 บาทต่อหุ้น หรือคิดเป็นเงินปันผลทั้งหมด 0.055 บาทต่อหุ้นสำหรับผลประกอบการของปี 2554
งบดุลรวมสำหรับงวด 3 เดือน สิ้นสุด วันที่ 31 มีนาคม 2555
ณ วันที่ 31 มีนาคม 2555 บริษัทฯ ได้แสดงสินทรัพย์รวม จำนวน 21,210 ล้านบาท หนี้สินรวมจำนวน 11,266 ล้านบาท และส่วนของผู้ถือหุ้น จำนวน 9,944 ล้านบาท สำหรับสัดส่วนของหนี้สินสุทธิต่อส่วนของผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ อยู่ในระดับที่ 0.94 ต่อ 1 โดยมีเงินสดและเงินฝากเป็นจำนวน 3,278 ล้านบาท
รายละเอียดเพิ่มเติมของบริษัทเหมราช สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.hemaraj.com หรือ www.theparkresidence.co.th หรือติดต่อทางอีเมล์ที่ invest@hemaraj.com หรือ 02-719-9555-9
นาย เผ่าพิทยา สมุทรกลิน
ผู้อำนวยการ — นักลงทุนสัมพันธ์ และวางแผน
บมจ. เหมราชพัฒนาที่ดิน
ชั้น 18 อาคาร ยู เอ็ม เลขที่ 9 ถนน รามคำแหง
สวนหลวง กรุงเทพฯ 10250 ประเทศไทย