กรุงเทพฯ--15 พ.ค.--บลจ.ไอเอ็นจี
บลจ.ไอเอ็นจี เชื่อหุ้นไทยยังมีโอกาสไปต่อ จากปัจจัยความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจและแนวโน้มเงินทุนไหลเข้า ยอมรับแม้จะมีความกังวลเกี่ยวกับการแก้ปัญหาหนี้ยูโรหลังผลการเลือกตั้งฝรั่งเศสและกรีซ แต่ความเสี่ยงในการปรับตัวลดลงของตลาดหุ้นเป็นไปอย่างจำกัด ขณะที่ผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนไทย และตัวเลขภาคการผลิตของสหรัฐฯและจีนยังเป็นแรงสนับสนุน แนะนักลงทุนแสวงหาผลตอบแทนจากตลาดหุ้นผ่านการลงทุนในกองทุนรวม 3 แบบตามความต้องการ ชู “กองทุนเปิดไอเอ็นจีไทยอีควิตี้ฟันด์” สำหรับนักลงทุนที่ชื่นชอบการลงทุนในหุ้น เผยผลตอบแทนย้อนหลังนับจากต้นปีอยู่ที่ 21.75% สูงกว่าดัชนีเปรียบเทียบที่ให้ผลตอบแทน 18.19% แนะหาจังหวะหุ้นปรับตัวลดลงก่อนเข้าลงทุน ในขณะที่ “กองทุนเปิดไอเอ็นจีไทยบาลานซ์ฟันด์” ที่ลงทุนในหุ้น 65-35% ให้ผลตอบแทนย้อนที่ 16.14% สูงกว่าดัชนีเปรียบเทียบที่ 8.70% และ “กองทุนเปิด ไอเอ็นจี ไทย มิกซ์ 15/85 ปันผล” ที่มีนโยบายลงทุนในหุ้น 15% นับตั้งแต่จัดตั้งกองทุนเมื่อวันที่ 11 เมษายนที่ผ่านมาได้รับการตอบรับที่ดี เชื่อด้วยการบริหารจัดการโดยผู้จัดการกองทุนมืออาชีพ และความหลากหลายของนโยบายลงทุน สามารถตอบสนองความต้องการของนักลงทุนได้ทุกกลุ่ม
นายจุมพล สายมาลา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ไอเอ็นจี (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า บลจ.ไอเอ็นจี ยังคงมีมุมมองที่ดีต่อตลาดหุ้นไทย แม้ว่าดัชนีราคาหุ้นตลาดหลักทรัพย์ไทยจะปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งสูงสุดที่ระดับ 1,240.03 จุด เมื่อวันที่ 3 พฤษภาคมที่ผ่านมา คิดเป็นการปรับตัวเพิ่มขึ้นกว่า 19.67% นับตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา (จากระดับดัชนีราคาหุ้นปิดทำการวันที่ 4 มกราคม 2555 ที่ 1,036.21 จุด) โดยปัจจัยสนับสนุนสำคัญมาจากการที่ตลาดหุ้นไทยยังคงได้รับแรงหนุนจากความเชื่อมั่นต่อทิศทางการขยายตัวของเศรษฐกิจไทย และแนวโน้มกระแสเงินทุนต่างชาติในเชิงบวก ขณะเดียวกัน ผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนจะเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญที่จะผลักดันให้ดัชนีราคาหุ้นสามารถปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อไปได้
ทั้งนี้ แม้ว่าตลาดจะมีความกังวลการเลือกตั้งฝรั่งเศสที่กดดันบรรยากาศการลงทุน หลังจากที่นายฟรังซัวส์ อัลลองด์ ผู้นำพรรคสังคมนิยม จะเป็นฝ่ายชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดี และนายอเล็กซิส ซีพราส ผู้นำพรรคซิริซา ซึ่งเป็นพรรคการเมืองฝ่ายซ้ายของกรีซได้รับสิทธิ์ในการจัดตั้งรัฐบาล โดยนโยบายหลักของพรรคคือการปฏิเสธการช่วยเหลือและข้อตกลงกู้ยืมเงินจาก EU และ IMF ที่อาจส่งผลให้การแก้ไขปัญหาหนี้หนี้สินยุโรปให้ต้องล่าช้าออกไป หรือมีอุปสรรคมากขึ้น แต่ Downside Risk หรือความเสี่ยงในการปรับตัวลดลงของตลาดก็น่าจะจำกัด เนื่องจากตลาดได้คาดการณ์ประเด็นดังกล่าวล่วงหน้าแล้ว ขณะเดียวกัน ตลาดหุ้นไทยยังได้รับอานิสงส์ของการเข้ามาลงทุนอย่างต่อเนื่องของนักลงทุนต่างประเทศ ซึ่งล่าสุดมูลค่าซื้อสุทธิอยู่ที่ระดับ 86,345 ล้านบาท (8 พฤษภาคม 2555) โดยตลาดได้รับมุมมองในเชิงบวกต่อตัวเลขภาคการผลิตเดือนเมษายนของสหรัฐฯ และจีนที่ดีกว่าที่ตลาดคาด รวมถึงแรงเก็งกำไรผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในไตรมาสแรกอีกด้วย
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บลจ.ไอเอ็นจี กล่าวว่า ดังนั้นเพื่อให้การแสวงหาผลตอบแทนของนักลงทุนสอดคล้องกับทิศทางของตลาดหุ้นไทย บลจ.ไอเอ็นจี จึงแนะนำให้นักลงทุนหาจังหวะเข้าลงทุนในหุ้นผ่านกองทุนรวม ซึ่งจะช่วยกระจายความเสี่ยงจากการลงทุน รวมถึงเป็นการลงทุนผ่านผู้จัดการกองทุนมืออาชีพที่ใกล้ชิดกับข้อมูล และจะทำหน้าที่คัดกรองหุ้นที่จะเข้าลงทุน เพื่อให้นักลงทุนได้รับผลตอบแทนที่น่าพอใจ ภายใต้ความเสี่ยงที่ยอมรับได้
สำหรับกองทุนที่มีนโยบายลงทุนในหุ้นของ บลจ.ไอเอ็นจี ที่นักลงทุนสามารถพิจารณาเป็นทางเลือกในการลงทุน สามารถแบ่งออกเป็น 3 นโยบายการลงทุนตามความต้องการของนักลงทุน โดยนักลงทุนที่ชื่นชอบการลงทุนในหุ้น บลจ.ไอเอ็นจี ขอแนะนำ กองทุนเปิดไอเอ็นจีไทยอีควิตี้ฟันด์ ซึ่งเป็นกองทุนหุ้นที่มีการดำเนินงานที่ดีสม่ำเสมอ จากการเลือกลงทุนในหุ้นที่มีคุณภาพ ที่ผ่านการคัดกรองจากผู้จัดการกองทุนมืออาชีพ โดยนับตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา จนถึงวันที่ 27 เมษายน 2555 กองทุนดังกล่าวให้ผลตอบแทนอยู่ในระดับ 21.75% สูงกว่าดัชนี SET Index ที่ 18.19% และผลตอบแทนนับตั้งแต่จัดตั้งกองทุนอยู่ที่ 326.63% สูงกว่าดัชนีเปรียบเทียบซึ่งให้ผลตอบแทน 167.15% ซึ่งปัจจัยที่ส่งผลให้กองทุนมีผลการดำเนินงานดี เนื่องจากหุ้นที่เข้าลงทุนให้ผลตอบแทนค่อนข้างสูง โดยกองทุนเน้นลงทุนหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานดีและมีการจ่ายเงินปันผลสูง รวมทั้งกองทุนนี้ไดรับการจัดอันดับ MorningStar Rating (Overall) อยู่ในระดับ 4-Star (ข้อมูล ณ 30 เมษายน 2555) (www.morningstarthailand.com) จากผลการดำเนินงานย้อนหลัง 3 ปีที่อยู่ที่ 157.67% สูงกว่าดัชนีเปรียบเทียบที่ 146.45% โดยในช่วง 3 เดือนย้อนหลังผลตอบแทนอยู่ที่ 14.80%, 6 เดือนเท่ากับ 30.33%, 1 ปีเท่ากับ 8.47% ในขณะที่ดัชนีเปรียบเทียบอยู่ที่ 69.14%, 12.59%, 24.52% ตามลำดับ (ข้อมูล ณ 27 เมษายน 2555) (www.ingfunds.co.th) กองทุนนี้เหมาะสำหรับนักลงทุนที่ต้องการสร้างผลตอบแทนจากการลงทุนในหุ้น และสามารถรับความเสี่ยงจากการลงทุนในตลาดหุ้นได้ โดยนักลงทุนสามารถหาจังหวะเข้าซื้อในช่วงที่ตลาดหุ้นปรับตัวลดลง
ส่วนนักลงทุนที่ชอบการลงทุนในหุ้น แต่ต้องการลดความผันผวนในการลงทุนนั้น แนะนำให้ลงทุนใน กองทุนเปิดไอเอ็นจีไทยบาลานซ์ฟันด์ ซึ่งเป็นกองทุนที่มีสัดส่วนการลงทุนในหุ้นประมาณ 65-35% โดยส่วนที่เหลือจะลงทุนในตราสารหนี้ โดยผลตอบแทนของกองทุนดังกล่าวนับตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา จนถึงวันที่ 27 เมษายน 2555 อยู่ที่ระดับ 16.14% สูงกว่าดัชนีเปรียบเทียบซึ่งอยู่ที่ 8.70% ขณะที่ผลตอบแทนนับตั้งแต่จัดตั้งกองทุนอยู่ที่ 366.75% สูงกว่าดัชนีเปรียบเทียบที่ให้ผลตอบแทน 127.47% กองทุนนี้ได้รับการจัดอันดับ MorningStar Rating (Overall) อยู่ในระดับ 5-Star ต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3 (ข้อมูล ณ 30 เมษายน 2555) จากผลการดำเนินงานย้อนหลัง 3 ปีที่อยู่ที่ 95.83% สูงกว่าดัชนีเปรียบเทียบที่ 64.42% โดยในช่วง 3 เดือนย้อนหลังผลตอบแทนอยู่ที่ 11.99%, 6 เดือนเท่ากับ 20.83%, 1 ปีเท่ากับ 11.35% ในขณะที่ดัชนีเปรียบเทียบอยู่ที่ 5.81%, 12.03%, 7.44% ตามลำดับ (ข้อมูล ณ 27 เมษายน 2555) (www.ingfunds.co.th)
ขณะที่นักลงทุนที่ต้องการลงทุนในหุ้นด้วยสัดส่วนที่ไม่มากนัก ก็สามารถเลือกลงทุนใน กองทุนเปิด ไอเอ็นจี ไทย มิกซ์ 15/85 ปันผล ซึ่งเป็นกองทุนที่มีสัดส่วนการลงทุนในหุ้นประมาณ 15% ส่วนที่เหลือจะลงทุนในตราสารหนี้ 85% โดยจุดเด่นของกองทุนจะอยู่ที่การปรับพอร์ตการลงทุนหรือ Portfolio Rebalancing โดยเมื่อตราสารทุนหรือหุ้นที่กองทุนเข้าไปลงทุนมีกำไรและสัดส่วนของหุ้นพิ่มขึ้นเกินกว่า 15% ผู้จัดการกองทุนก็จะขายทำกำไร แล้วนำส่วนของกำไรกลับไปลงทุนในตราสารหนี้เพื่อสะสมผลตอบแทน และเพื่อให้สัดส่วนการลงทุนของพอร์ตกลับมาสู่ระดับการลงทุนที่กำหนดไว้ที่ 15/85 ซึ่งจะทำให้นักลงทุนไม่ต้องกังวลกับความเสี่ยงจากการลงทุนในหุ้น และด้วยวิธีการนี้นอกจากจะทำให้กองทุนมีการสะสมผลตอบแทนอยู่ตลอดเวลาแล้ว ยังจะสนับสนุนให้กองทุนมีการเติบโตอย่างมั่นคงอีกด้วย โดยผลตอบแทนนับตั้งแต่จัดตั้งกองทุนอยู่ที่ 0.81% สูงกว่าดัชนีเปรียบเทียบซึ่งอยู่ที่ 0.65%
“บลจ.ไอเอ็นจีมองว่า ทิศทางของตลาดหุ้นไทยยังมีโอกาสปรับตัวสูงขึ้น จากความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจไทย และผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนที่มีแนวโน้มเติบโต ทำให้ตลาดหุ้นไทยยังเป็นทางเลือกที่น่าลงทุนของนักลงทุน ซึ่ง บลจ.ไอเอ็นจี มีกองทุนหุ้นภายใต้การบริหาร ด้วยนโยบายการลงทุนที่หลากหลาย และด้วยกลยุทธ์การลงทุนโดยผู้จัดการกองทุนมืออาชีพทำให้กองทุนหุ้นแต่ละกองสามารถสร้างผลตอบแทนให้กับนักลงทุนได้อย่างน่าพอใจ” นายจุมพลกล่าว
ทั้งนี้ นักลงทุนที่สนใจลงทุนใน กองทุนเปิดไอเอ็นจีไทยอีควิตี้ฟันด์, กองทุนเปิดไอเอ็นจีไทยบาลานซ์ฟันด์ และกองทุนเปิด ไอเอ็นจี ไทย มิกซ์ 15/85 ปันผล สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ฝ่ายธุรกิจกองทุนและที่ปรึกษาการลงทุน โทรศัพท์ 02-688-7777 กด 2 หรือ www.ingfunds.co.th
การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนการตัดสินใจลงทุน ผลการดำเนินงานในอดีตของกองทุนรวม มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต การวัดผลการดำเนินงานนี้จัดทำขึ้นตามมาตรฐานการวัดผลการดำเนินงานของกองทุนรวมของสมาคมบริษัทจัดการลงทุน