กรุงเทพฯ--15 พ.ค.--IR PLUS
“ปกรณ์ บริมาสพร” ปลื้ม L&E โชว์ผลงานไตรมาสแรกปีนี้สดใส กำไรโต 32% จาก 15.18 ล้านบาท ปีก่อน เป็น 20.04 ล้านบาทงวดปีนี้ ส่วนรายได้เพิ่มขึ้น 13% อยู่ที่ 494 ล้านบาท หลังรับงานโครงการต่อเนื่อง ทั้งศูนย์การค้า ซุปเปอร์สโตร์ โชว์รูม และร้านค้าย่อย แถมได้อานิสงส์นโยบายรัฐ กระตุ้นผู้บริโภคมองหาสินค้าประหยัดพลังงาน หวังลดเงินในกระเป๋า พร้อมระบุไตรมาส 2 นี้เดินหน้าบุกตลาดอาเซียนจริงจัง เตรียมรับมือ AEC ในปี 58 เชื่อปีนี้ปั๊มรายได้ทั้งปีโต 15%ตามเป้าได้สำเร็จ
นายปกรณ์ บริมาสพร ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไลท์ติ้ง แอนด์ อีควิปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ L&E ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายโคมไฟฟ้าและอุปกรณ์แสงสว่างรายใหญ่ของไทย เปิดเผยถึงผลประกอบการประจำไตรมาสที่ 1/2555 (มกราคม — มีนาคม 2555) ว่า มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 20.04 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4 .86 ล้านบาท หรือร้อยละ 32 จากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 15.18 ล้านบาท โดยกำไรสุทธิที่เพิ่มขึ้นมาจากการเติบโตของรายได้ ส่งผลให้บริษัทฯมีกำไรเบื้องต้นเพิ่มขึ้น ในขณะค่าใช้จ่ายต่างๆ รวมกันแล้วเพิ่มขึ้นในอัตราที่น้อยกว่า ส่งผลให้กำไรสุทธิเติบโตในอัตราที่ดีดังกล่าว
ทั้งนี้ ในไตรมาสที่ 1/2555บริษัทฯ มีรายได้จากการขายรวม 494 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 58 ล้านบาท หรือร้อยละ 13 จากงวดเดียวกันของปีก่อน (มกราคม — มีนาคม 2554) ที่บริษัทฯ มีรายได้จากการขายรวม 436 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลจากการขยายตัวอย่างต่อเนื่องของงานโครงการ เช่น ศูนย์การค้า ซุปเปอร์สโตร์ โชว์รูม และร้านค้าย่อยต่างๆ รวมทั้งนโยบายส่งเสริมการประหยัดพลังงานไฟฟ้าของรัฐ ซึ่งส่งผลให้ยอดขายโคมไฟและอุปกรณ์ประหยัดพลังงานประสิทธิภาพสูงเพิ่มสูงขึ้น
เขากล่าวต่อถึงแนวโน้มอุตสาหกรรมโคมไฟฟ้าและอุปกรณ์แสงสว่างในปีนี้ว่า มีทิศทางเติบโตต่อเนื่องทั้งตลาดในประเทศและตลาดอาเซียน ซึ่งเป็นผลจากการขยายตัวของโครงการก่อสร้าง กระแสการอนุรักษ์พลังงาน ซึ่งในปีนี้บริษัทฯ พร้อมเดินหน้าขยายธุรกิจควบคู่กันไปทั้งในประเทศและภูมิภาคอาเซียน เพื่อสร้างฐานธุรกิจให้แข็งแกร่งรองรับการแข่งขันที่คาดว่าจะรุนแรงยิ่งขึ้นภายหลังเปิดเสรีการค้าจากการใช้ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) อย่างเป็นทางการในปี 2558 โดยการขยายธุรกิจในต่างประเทศ จะเห็นการรับงานเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจนตั้งแต่ไตรมาสที่ 2/2555 เป็นต้นไป จากปัจจุบันที่การรับงานในต่างประเทศ คิดเป็นร้อยละ 7 — 8 ของรายได้รวม
สำหรับตลาดในประเทศ คาดว่าในปีนี้จะเติบโตต่อเนื่องจากปีก่อนจากการก่อสร้าง และปรับปรุงห้างสรรพสินค้า โชว์รูม และร้านค้าย่อยต่างๆ ที่ขยายตัวต่อเนื่อง ทำให้ความต้องการใช้อุปกรณ์ไฟฟ้าและแสงสว่างเพิ่มขึ้นไปในทิศทางเดียวกัน นอกจากนี้ การปรับขึ้นค่าไฟฟ้าผันแปรอัตโนมัติ (เอฟที) อีก 0.30 บาทต่อหน่วยตั้งแต่ต้นเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ของคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) อาจเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ผู้บริโภคมองหาสินค้าประหยัดพลังงานมากขึ้น ซึ่งปัจจัยข้างต้นคาดว่าจะส่งผลดีต่อ L&E ในฐานะผู้ผลิตโคมไฟฟ้าและอุปกรณ์แสงสว่างรายใหญ่ของไทย ที่มีสินค้าและบริการให้เลือกครบวงจร โดยเฉพาะสินค้าในกลุ่ม LED ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่ทั้งประหยัดพลังงานไฟฟ้า และไม่สร้างมลพิษต่อสิ่งแวดล้อม โดยปัจจุบัน L&E ได้พัฒนาเป็นสินค้าหลากหลายรายการ รองรับความต้องการของลูกค้าได้ทุกกลุ่มเป้าหมาย ซึ่งจะเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยสนับสนุนให้บริษัทเติบโตได้อย่างชัดเจนในปีนี้
“การบุกตลาดในประเทศในปีนี้ยังคงให้ความสำคัญทั้งการขยายช่องทางจำหน่าย โดยเฉพาะในกลุ่มค้าปลีก และการพัฒนาสินค้านวัตกรรมใหม่เพื่อตอบสนองให้ตรงกับความต้องการของลูกค้า ซึ่งคาดว่าในปีนี้ผลิตภัณฑ์กลุ่ม LED ยังเป็นดาวเด่น เนื่องจากเป็นนวัตกรรมใหม่ด้านประหยัดพลังงาน และถือเป็นสินค้าแห่งอนาคตที่ได้รับความนิยมสูงจากผู้บริโภค ซึ่งจะเป็นอีกปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้บริษัทฯ สามารถผลักดันรายได้ให้เติบโตในอัตราร้อยละ 15 จากปีก่อนได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ นอกเหนือจากการมุ่งขยายงานโครงการที่บริษัทฯ เป็นเจ้าตลาดอยู่ในปัจจุบัน รวมทั้งตลาดค้าส่งที่เป็นช่องทางจำหน่ายเดิมที่มีอยู่และเป็นผู้จัดจำหน่ายชั้นนำของประเทศ” นายปกรณ์ กล่าว