กรุงเทพฯ--16 พ.ค.--ฟิทช์ เรทติ้งส์
บริษัท ฟิทช์ เรทติ้งส์ (ประเทศไทย) จำกัด ประกาศคงอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาว (National Long-Term Rating) ของบริษัท อิออน ธนสินทรัพย์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) (AEONTS) ซึ่งให้บริการสินเชื่อรายย่อย ที่ระดับ ‘BBB+(tha)’ แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ และอันดับเครดิตในประเทศระยะสั้น (National Short-Term Rating) ที่ระดับ ‘F2(tha)’ ในขณะเดียวกัน ฟิทช์ประกาศคงอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวของหุ้นกู้ประเภทมีผู้ค้ำประกันจำนวน 1 พันล้านบาท ของบริษัทที่ ‘AAA(tha)’
อันดับเครดิตของ AEONTS สะท้อนถึงความสามารถในการรักษาอัตรากำไรและคุณภาพสินทรัพย์ของบริษัทให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม รวมทั้งสภาพคล่องและเงินกองทุนให้อยู่ในระดับที่พอเพียง การปรับตัวดีขึ้นอย่างยั่งยืนของความสามารถในการทำกำไร คุณภาพสินทรัพย์ และอัตราส่วนหนี้สิ้น อาจส่งผลกระทบในเชิงบวกต่ออันดับเครดิตของบริษัท ในขณะที่การปรับตัวอ่อนแอลงอย่างมากของระดับเงินกองทุนและสภาพคล่องโดยรวมของบริษัท ซึ่งอาจเกิดจากการจ่ายเงินปันผลเป็นจำนวนมากหรือการขาดทุนเนื่องจากคุณภาพสินทรัพย์ปรับตัวอ่อนแอลง อาจส่งผลให้อันดับเครดิตได้รับการปรับอันดับลดลง นอกจากนี้ AEONTS มีความอ่อนไหวต่อภาวะการชะลอตัวอย่างรุนแรงของเศรษฐกิจในประเทศ เนื่องจากธุรกิจส่วนใหญ่ของบริษัทเป็นการให้สินเชื่อแก่กลุ่มลูกค้ารายย่อยที่มีรายได้ต่ำ
อับดับเครดิตยังคงมีการสนับสนุนจากบริษัทแม่ (AEON Credit Service Co. Ltd หรือ AEONCS ซึ่งเป็นบริษัทลูกของ AEON Co., Ltd.) เป็นปัจจัยสำคัญ ดังนั้นการปรับตัวอ่อนแอลงของระดับความเสี่ยงโดยรวมของ AEON Co., Ltd อาจส่งผลกระทบต่ออันดับเครดิตของ AEONTS เนื่องจากความสัมพันธ์และความเกี่ยวข้องกันระหว่างบริษัทในกลุ่ม
AEONTS เป็นหนึ่งในบริษัทจำนวนน้อยที่สามารถระดมทุนในตลาดภายในประเทศผ่านการแปลงสินทรัพย์เป็นหลักทรัพย์ (Securitisation) ได้อย่างสม่ำเสมอ ซึ่งช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นทางการเงินให้บริษัทมากขึ้น แม้ว่าอัตราส่วนส่วนของผู้ถือหุ้นต่อสินทรัพย์จะลดลงเล็กน้อยเป็น 14% ในปีงบการเงิน 2555 (สิ้นสุดเดือนกุมภาพันธ์ 2555) เทียบกับ ณ สิ้นปีงบการเงิน 2554 ที่ 15.4% ซึ่งอัตราส่วนดังกล่าวน่าจะทรงตัวอยู่ระดับคงที่และยังสามารถรองรับผลกระทบจากความผันผวนของสภาวะแวดล้อมในการดำเนินธุรกิจได้
หลังจากที่บริษัทได้รับผลกระทบจากอุทกภัยในปีงบการเงิน 2555 ฟิทช์คาดว่าผลการดำเนินงานของ AEONTS น่าจะฟื้นในปีงบการเงิน 2556 (สิ้นสุดเดือนกุมภาพันธ์ 2556) เนื่องจากการตั้งสำรองหนี้สูญที่ลดลง และรายได้รวมที่เพิ่มขึ้นจากการเติบโตของสินเชื่อ ในปีงบการเงิน 2555 กำไรสุทธิของบริษัทลดลงอย่างมากมาอยู่ที่ 161 ล้านบาท เนื่องจากการตั้งสำรองหนี้สูญที่เพิ่มขึ้นเป็น 4.5 พันล้านบาท (เพิ่มขึ้น 36% จากปีก่อน) โดยส่วนใหญ่เป็นผลกระทบจากอุทกภัยครั้งใหญ่ อย่างไรก็ตามความสามารถในการทำกำไรของ AEONTS ยังคงอยู่ในระดับดี โดยบริษัทมีรายได้รวมเพิ่มขึ้นเป็น 10.7 พันล้านบาท (เพิ่มขึ้น 5.9% จากปีก่อน) ในขณะที่อัตราส่วนต่างดอกเบี้ยสุทธิ (รวมรายได้ค่าธรรมเนียม) ยังคงอยู่ในระดับที่แข็งแกร่งที่ 24.4% (เทียบกับ 24.2% ในปีงบการเงิน 2554)
การปรับตัวลดลงของคุณภาพสินทรัพย์ในปีงบการเงิน 2555 ยังคงไม่สะท้อนถึงผลกระทบทั้งหมดจากอุทกภัย เนื่องจากลูกค้าที่ได้รับผลกระทบได้รับการปรับโครงสร้างหนี้ และได้รับการผ่อนผันการชำระหนี้ไปจนถึงเดือนเมษายน 2555 อย่างไรก็ตามบริษัทได้มีการตั้งสำรองหนี้สูญเพิ่มเติมไว้แล้วในปีงบการเงิน 2555 เพื่อรองรับผลกระทบจากการปรับตัวเพิ่มขึ้นของลูกหนี้ค้างชำระในปีงบการเงิน 2556 ลูกหนี้สินเชื่อค้างชำระ (รวมลูกหนี้ค้างชำระเกิน 90 วัน และการจำหน่ายหนี้สูญ) ปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็น 4.6 พันล้านบาท (หรือ 11.4% ของสินเชื่อเฉลี่ย) ณ สิ้นปีงบการเงิน 2555 จาก 3.7 พันล้านบาท (หรือ 9.7%) ณ สิ้นปีงบการเงินปี 2554 ในขณะเดียวกันอัตราส่วนสำรองหนี้สูญต่อลูกหนี้ค้างชำระและอัตราส่วนสำรองหนี้สูญต่อสินเชื่อรวมเฉลี่ย ปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็น 185% และ 6.8% ตามลำดับ จาก 179% และ 3.3%
AEONTS มีสาขาในกรุงเทพและสาขาในต่างจังหวัดทั้งสิ้น 86 สาขา และมีเครื่อง ATM จำนวน 329 เครื่องโดยส่วนใหญ่ตั้งอยู่ในต่างจังหวัด AEON มีสัดส่วนการถือหุ้นโดยตรงใน AEONTS อยู่ที่ 35.1% โดยบริษัทอื่นๆ ในเครือ AEON ถือหุ้นอีก 28%