กรุงเทพฯ--16 พ.ค.--เอ.พี.ฮอนด้า
เอ.พี.ฮอนด้า ต่อยอดความสำเร็จ หลังกระหึ่มตลาดรถจักรยนต์เมืองไทยกับการเปิดตัว “Honda BigWing” โชว์รูมและศูนย์บริการฮอนด้าบิ๊กไบค์ขนาดใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ภายใต้คอนเซ็ปต์ “The Destination for Riders” หรือจุดหมายปลายทางของนักบิดที่สมบูรณ์แบบที่สุดเพียงแห่งเดียวในเมืองไทยไปเมื่อปลายเดือนก่อน จัดกิจกรรม “Honda BigWing DCT Test Ride Day” พร้อมชวนสื่อมวลชน ดีลเลอร์ทั่วไทยกว่า 1,000 แห่งและผู้ใช้ร่วมสัมผัสและทดสอบสมรรถนะอันเหนือชั้นล้ำสมัย ทั้งภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติของระบบ DCT (Dual Clutch semi-automatic transmission) ที่ติดตั้งในรถบิ๊กไบค์ 3 ใน 6 รุ่นที่นำเข้าจากต่างประเทศทั้ง Honda NC700x, Honda CBR1000RR และ Honda Integra เพื่อหวังตอบทุกโจทย์ของคนรักบิ๊กไบค์ การสรรค์สร้าง Riding Culture ให้เกิดขึ้นในสังคมไทย ซึ่งสอดรับแบรนด์แคมเปญ “ชีวิตสนุก ถ้าไม่หยุดค้นหา… อะไรใหม่ๆ” ที่ฮอนด้ามุ่งมั่นนำเสนอสิ่งที่เหนือการคาดหมายของสังคมไทยมาโดยตลอด
สำหรับกิจกรรม “Honda BigWing DCT Test Ride Day” ในครั้งนี้ จัดขึ้น ณ ศูนย์ฝึกขับขี่ปลอดภัย กรุงเทพฯ รามคำแหง 127 โดยได้รับความสนใจจากสื่อมวลชน ดีลเลอร์ของฮอนด้ากว่า 1,000 แห่งทั่วไทย รวมถึงได้รับความสนใจจากผู้ใช้อย่างคับคั่ง ที่มาร่วมสัมผัสนวัตกรรมอันล้ำสมัยพร้อมทดสอบประสิทธิภาพที่เหนือชั้นของระบบ Dual Clutch semi-automatic transmission ทั้งภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติ ซึ่งเทคโนโลยี DCT (Dual Clutch Transmission) หรือระบบเปลี่ยนเกียร์สุดล้ำยุค ที่ให้ความสนุกในการขับขี่อย่างไม่มีใครเหมือน ด้วยอิสระในการเลือกโหมดเปลี่ยนเกียร์ง่ายเพียงปลายนิ้วสัมผัส และถูกติดตั้งลงในรถบิ๊กไบค์ 3 ใน 6 รุ่น ที่เอ.พี.ฮฮนด้า นำเข้ามาจากต่างประเทศเพื่อจำหน่ายในตลาดเมืองไทย อันประกอบด้วย Honda NC700x รถรุ่นใหม่แบบ On/Off ตอบสนองทุกการเดินทาง ไม่ว่าจะเป็นทางเรียบหรือเส้นทางในพื้นที่กันดาร มาพร้อมเครื่องยนต์ V-Twin 2 สูบ 670cc. ให้แรงบิดดีในรอบต่ำและแรงม้าที่ต่อเนื่องในรอบสูง ราคา 451,000 บาท, Honda VFR1200F สปอร์ตทัวร์ริ่ง บนระบบเกียร์อัตโนมัติ CVT ให้ทุกการเดินทางเป็นไปอย่างนุ่มนวล พร้อม Traction Control System ช่วยควบคุมการยึดเกาะถนนของรถเพื่อความปลอดภัย ราคา 899,000 บาท และ Honda Integra บิ๊กสกูตเตอร์ทรงพลังจากความจุกระบอกสูบที่ใหญ่ถึง 670cc. สะดวกสบายทั้งการขับขี่ในเมืองและท่องเที่ยวทางไกล ราคา 487,000 บาท
อีกทั้งระบบเทคโนโลยี DCT (Dual Clutch Transmission) ดังกล่าวนี้ นับเป็นที่สุดแห่งนวัตกรรมล้ำยุค ที่จะทำให้ทุกการขับขี่เป็นเรื่องสนุกยิ่งกว่าที่เคย ซึ่งสอดรับกับแบรนด์แคมเปญ “ชีวิตสนุก ถ้าไม่หยุดค้นหา...อะไรใหม่ๆ” ที่ฮอนด้ามุ่งมั่นนำเสนอสิ่งที่อยู่เหนือความคาดหมายต่อผู้บริโภคชาวไทยมาโดยตลอด รวมถึงความปรารถนาในการสร้าง Riding Culture ให้เกิดขึ้นในสังคมไทย
หลักการทำงานของระบบส่งคลัตซ์คู่
ระบบส่งกำลังแบบคลัตซ์คู่ นับเป็นนวัตกรรมล่าสุดของระบบส่งกำลัง มอบที่สุดแห่งพลังของการขับขี่ในทุกแรงบิด แต่ให้ความนุ่มนวลแบบระบบเกียร์อัตโนมัติ โดยฮอนด้าได้พัฒนาคิดค้นเทคโนโลยีระดับเวิล์ดคลาส ระบบส่งกำลังแบบคลัตซ์คู่สู่โลกแห่งยานยนต์มาตั้งแต่ปี 2009 เมื่อเปรียบเทียบกับการเปลี่ยนเกียร์ระบบ Manual การเปลี่ยนเกียร์ผู้ขับขี่ต้องควบคุมระบบคลัตซ์และคันเร่ง (ที่มือ) ให้สัมพันธ์กับการทำงานของเครื่องยนต์
ระบบส่งกำลังแบบคลัตซ์คู่ ถูกออกแบบให้การทำงานของคลัตซ์นั้นแยกกันอิสระ จึงเสริมประสิทธิภาพการขับขี่ได้เต็มแรงบิด ในขณะที่การขับขี่ระบบเกียร์ Manual อาจสร้างความรู้สึกของการขับขี่ที่ไม่ราบเรียบและอัตราเร่งที่ไม่คงที่ได้
ในทางตรงกันข้าม ระบบส่งกำลังแบบคลัตซ์คู่จะทำให้ผู้ขับขี่บิดได้เต็มแรง ราบเรียบในทุกอัตราเร่งของการเปลี่ยนเกียร์ ด้วยการทำงานของคลัตซ์คู่ โดยคลัตซ์ตัวแรกเป็นการทำงานสำหรับเกียร์ 1, 3 และ 5 ส่วนคลัตซ์ตัวที่สองสำหรับเกียร์ 2, 4 และ 6 ซึ่งขณะขับขี่ในเกียร์ 1 คลัตซ์ A สำหรับเกียร์เลขคี่ (1, 3 และ 5) จะทำหน้าที่ส่งกำลังขับเคลื่อน ส่วนในคลัตซ์ B สำหรับเกียร์เลขคู่ (2, 4 และ 6) จะหมุนฟรีอิสระในตำแหน่งเกียร์ว่าง แต่เมื่อมีการเปลี่ยนอัตราเร่งสู่เกียร์ 2 คลัตซ์ B จะเปลี่ยนตำแหน่งเกียร์ว่าง เข้าสู่ตำแหน่งเกียร์ 2 โดยอัตโนมัติ และคลัตซ์ A จะสลับกลับเข้าสู่ตำแหน่งเกียร์ว่างแทนโดยอัตโนมัติเช่นกัน
และนี่คือความล้ำหน้าของระบบการเปลี่ยนเกียร์ที่สมบูรณ์แบบของระบบคลัตซ์คู่ที่ทำงานได้อย่างสอดคล้อง เพื่อให้ประสิทธิภาพของการขับขี่ได้เต็มแรงบิด
ระบบส่งกำลังแบบคลัตช์คู่จากฮอนด้า คืออีกหนึ่งในความล้ำหน้าของระบบการขับเคลื่อน ที่สร้างสรรค์ความกลมกลืน ด้วยระบบการปรับเปลี่ยนเกียร์อัจฉริยะซึ่งตอบสนอง ความต้องการของผู้ขับขี่ในทุกอัตราเร่ง โดยไม่ละทิ้งความรู้สึกของการขับขี่แบบสปอร์ต แต่คงไว้ซึ่งความนุ่มนวลของการขับขี่แบบเกียร์อัตโนมัติ
ข้อดีของระบบส่งกำลังแบบคลัตซ์คู่
ข้อดีของระบบส่งกำลังแบบคลัตซ์คู่ นับเป็นมิติใหม่แห่งนวัตกรรมที่เหนือกว่าการเข้าเกียร์ในแบบเดิมๆ ด้วยระบบการทำงานที่รวมระบบส่งกำลังแบบ Manual และอัตโนมัติเข้าไว้ด้วยกัน เพื่อสร้างที่สุดของความพึงพอใจและความสบายในทุกการขับขี่ ซึ่งเป็นผลมาจากการค้นคว้าและการวิจัยอย่างถี่ถ้วนเกี่ยวกับการใช้รถจักรยานยนต์ พบว่าระบบส่งกำลังแบบคลัตซ์คู่คือ ความเป็นสุดยอดแห่งเทคโนโลยี ด้วยการออกแบบโครงสร้างขนาดกะทัดรัด น้ำหนักเบา ให้ขุมพลังแห่งการขับเคลื่อนที่เหนือกว่า พร้อมสนองตอบรูปแบบการขับขี่ที่หลากหลาย ส่งผลให้การควบคุมระบบการเปลี่ยนเกียร์ด้วยคลัตซ์ไม่มีความจำเป็นอีกต่อไป และเพื่อผู้ขับขี่จะได้สนุกกับทุกแรงบิดที่พร้อมพุ่งทะยานไปข้างหน้า และจังหวะการหยุดที่แม่นยำ
สำหรับผู้รักการขับขี่แบบสปอร์ต ความท้าทายบนทุกโค้งถนน การควบคุมอัตราเร่ง เบรก และการเข้าโค้งคือ สิ่งที่ผู้ขับขี่ต้องให้ความสนใจ โดยที่ไม่ต้องกังวลเรื่องของการเปลี่ยนเกียร์ เนื่องจากระบบส่งกำลังแบบคลัตซ์คู่ จะให้ความรู้สึกของความนุ่มนวล โดยลดการสะดุดของการเปลี่ยนเกียร์ ให้ความรู้สึกในการขับขี่เป็นไปอย่างเต็มประสิทธิภาพ และยังคงไว้ซึ่งความรู้สึกสนุกของการขับขี่แบบเกียร์ Manual แบบเต็มๆ สำหรับการขับขี่ในเมือง ที่การเบรกอาจจะเกิดขึ้นได้ง่ายและบ่อยครั้ง
ความท้าทายของการขี่ในเมือง คือต้องให้แน่ใจว่า ทุกแรงบิดและทุกการเบรกนั้น มีการปรับเปลี่ยนเกียร์ ซึ่งประสิทธิภาพดังกล่าวนี้สามารถทำงานได้อย่างสมบูรณ์และเกิดข้อผิดพลาดขึ้นได้ แต่ด้วยเทคโนโลยีการปรับเปลี่ยนเกียร์แบบ Shift Schedule ที่ให้การประหยัดน้ำมันอย่างเหนือชั้นกว่ารถระบบเกียร์ Manual อื่นๆ บวกความเหนือชั้นที่คุณสามารถปรับเปลี่ยนระบบเกียร์ได้แค่เพียงปลายนิ้วสัมผัส และสามารถเลือกใช้ระบบเกียร์อัตโนมัติที่สามารถปรับโหมดการขับขี่ได้ทั้งการขับขี่แบบสปอร์ต หรือการขับขี่ทั่วไปในแบบของคุณ นวัตกรรมอันล้ำสมัยที่ถูกรังสรรค์ลงในรถบิ๊กไบค์ของฮอนด้านี้ จะช่วยให้คุณสนุกกับไปกับการขับขี่ที่ทุกแรงบิด คือที่สุดของความนุ่มนวล ไม่มีสะดุดของระบบส่งกำลังแบบคลัตซ์คู่ เพราะโลกแห่งรถจักรยานยนต์ไม่เคยหยุดที่จะพัฒนา
ผู้สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Call Center 02-790-3999 และเว็บไซต์ของรถจักรยานยนต์บิ๊กไบค์ฮอนด้า www.honda-bigbike.com