กรุงเทพฯ--17 พ.ค.--
ความใฝ่ฝันของวัยรุ่นไทยในปัจจุบันนอกเหนือจากการเป็นดารา นักแสดงแล้ว “อาชีพผู้ประกาศข่าว” ก็เป็นอาชีพหนึ่งที่มีหนุ่มสาวใฝ่ฝันมากที่สุด เพราะช่องทางในการทำงานหารายได้และความนิยมจากประชาชนไม่แพ้กับอาชีพดารานักแสดงเลยทีเดียว
ยิ่งปัจจุบันที่กระแสผู้ประกาศข่าวได้รับการยอมรับมากขึ้นเรื่อยๆ มีการซื้อตัวไปประจำช่องต่างๆ มากขึ้น เรียกๆได้ว่า “ผู้ประกาศข่าว” เนื้อหอมไม่แพ้ “ดารา” เลยทีเดียว
ทั้งนี้ ความนิยมในตัวผู้ประกาศข่าวมักจะสะท้อนมาจากโลกไซเบอร์ เหมือนในอดีตที่ ไก่ -ภาษิต อภิญญวาท ได้รับแรงเชียร์อย่างมากมายในเว็บไซค์ชื่อดังจนกระทั่งกลายเป็นผู้ประกาศข่าวที่ได้รับความนิยมสูงสุด
เมื่อเร็วๆ นี้มีการตั้งกระทู้ว่า ...คุณชอบผู้ประกาศข่าวไฟแรงคนไหนมากที่สุด ผลปรากฏว่า ได้แก่ น้องไบร์ท พิชญทัฬห์ 16.92% ไก่ ภาษิต 20.00% ปุ้ม เปรมสุดา26.15% ปาณรพี 20.77% ต้นกล้า ชัยอนันต์ 6.92% เขมอัปสรณ์ หนูขาว 3.85% เป้ ภานุพงศ์ 2.31% และ แม็กซ์ รณภพ 3.08%
“บางกอกทูเดย์ ออนทีวี” “นสพ. บางกอกทูเดย์” เว็บไซค์ www.bangkok-today.com โดย นายคริษฐ์ ขันทอง ผู้สื่อข่าว จะพาๆไปเจาะใจ ต้นกล้า ชัยอนันต์ ปันชู ผู้ประกาศข่าวรุ่นใหม่ไฟแรงและเป็นที่น่าจับตามากที่สุดในเวลานี้
ภูมิลำเนาคนน่าน
ต้นกล้า ชัยอนันต์ ปันชู ผู้ประกาศข่าวช่อง 7 และพรีเซนเตอร์โครงการ 7 สีปันรักให้โลกปี 4 เกิดเมื่อวันที่ 31 ธันวาคม เป็นคนจังหวัดน่าน ศึกษาที่โรงเรียนบ้านปงทั้งระดับอนุบาลและประถมศึกษา ต่อมาได้เรียนที่โรงเรียนสารธรรมวิทยาคารในระดับมัธยมศึกษาตอนต้น จากนั้นไปศึกษาที่โรงเรียนท่าวังผาพิทยาคมในระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย
กระทั่งเรียนจบมัธยมศึกษาตอนปลาย จึงได้เข้าเรียนในรั้วพ่อขุนรามคำแหง ในระดับปริญญาตรี คณะมนุษยศาสตร์ เอกสื่อสารมวลชน ซึ่งตอนนั้นต้นกล้ามีคนต้นแบบที่อยากเดินตามแบบรอยรุ่นพี่คือ วีรินทร์ทิรา นาทองบ่อจรัส เพราะเคยอ่านเจอประวัติว่า พี่วีรินทร์ทิรา ศึกษาที่ ม. รามคำแหง และได้อ่านข่าวของ RU NEWS และทราบมาว่าเคยเข้าพบอธิการบดีเพื่อจะได้อ่านข่าวของมหาวิทยาลัยรามคำแหง ตามความใฝ่ฝันของตัวเอง
สนใจข่าวสารบ้านเมือง
ต้นกล้า เล่าย้อนกลับไปในช่วงแรกว่า ตนเป็นคนที่สนใจข่าวสารบ้านเมืองตลอดเวลา รวมทั้งสนใจด้านกราฟฟิค เคยทำงานเป็น MC พิธีกร VJ รายการเพลงลูกทุ่ง และ Event บริษัท สามารถเทเลคอม ซึ่งในตอนนั้นได้เก็บเกี่ยวประสบการณ์จากงานอีเวนต์ พิธีกร ทำให้ได้มีทักษะในการพูดต่อหน้าสาธารณะชน รวมทั้งหน้าที่ในตอนเป็นพนักงานบริษัท สามารถเทเลคอม ได้เป็นคนคิดงานอีเวนต์ทั้งหมด ใม่ว่าจะเป็นการติดต่อสถานที่ ติดต่อรถรับส่ง ทำหน้าที่เอ็นเตอร์เทน คิดเกมส์ ดูแลทุกอย่างในคนเดียว ซ ึ่งเป็นเรื่องที่ดีมากเพราะได้ประสบการณ์ในการต่อยอดทำงานด้านอีเวนต์
“ช่วงแรกในการเข้าสู่วงการผู้ประกาศข่าวนั้น ผมเคยสมัครที่ช่องไทยพีบีเอส ซึ่งเพื่อนแนะนำให้ไปสมัครเพราะเขาเห็นเราเหมาะกับอาชีพผู้ประกาศข่าว ตอนนั้นตั้งใจมากๆ ไปแต่เช้าตรู่เลย ได้คิวที่ 7เพราะตั้งใจมาก แต่ตอนนั้นอาจจะยังไม่ใช่วันของเรา ซึ่งประกาสผลออกมาเราไม่ได้ ก็รู้สึกเสียใจบ้าง จำได้ว่ามี อรชุน รินทรวิฑูรย์ ( ผู้ประกาศข่าว) เป็นกรรมการด้วย”
ไม่ท้อสมัคร ช่อง 7
ผู้ประกาศข่าวไฟแรง เล่าต่อว่า หลังจากไม่ได้ที่ช่องไทยพีบีเอสแล้ว อีกสักพักทางช่อง 7 ก็ประกาศรับสมัครผู้ประกาศข่าว ตนก็ไปสมัครที่ช่อง7 ก็ไปแต่เช้าเหมือนเดิม แต่ขนาดเช้า ยังได้คิวที่ 116 เพราะตอนนั้นคนเยอะมาก หลายพันคน
และที่ต้องตกใจคือตอนสมัครช่วงนั้น ตนอายุเกือบจะสมัครไม่ได้แล้ว เหลืออีกแค่ไม่กี่เดือนก็อายุเกิน ทางคนรับสมัครก็บอกว่าโชคดีที่มาสมัครในตอนนี้
“จำได้ว่าช่วงทดสอบมีคณะกรรมการคัดเลือก เช่น คุณพิษณุ นิลกลัด คุณปานระพี รพิพันธุ์ คุณนวนันท์ บํารุงพฤกษ์ คุณศศินา วิมุตตานนท์ ทำการคัดเลือกจากหลายพันคนมาเหลือ 100 คน ผมก็ติด 100 คน และก็มาอ่านออกเสียง มีการฝึกการแต่งหน้า ทำผม และฝึกบุคลิกภาพ”
ต้นกล้า บอกว่า ตอนนั้นตนโชคดีที่ได้รับการสนับสนุนจากออฟฟิตเดิมเพราะว่าการมาฝึกอบรมในการเป็นผู้ประกาศข่าวจะต้องมาฝึกช่วงเย็น หรือ บางครั้งก็ต้องลางานด้วย ซึ่งพี่ๆ ที่ออฟฟิตเดิมก็ช่วยกันสนับสนุน และก็ต้องช่วยเทรนด์ เพราะว่าตนจะอ่านข่าวจากหนังสือพิมพ์ให้ๆพี่ ในออฟฟิตฟัง โดยเฉพาะช่วงเช้าๆ จะต้องฝึกอ่านออกเสียงจากหนังสือพิมพ์รายวัน
ประจำโต๊ะเกษตร
จากนั้นประมาณ 3 เดือน ก็มีการประกาศผล 10 คน ซึ่งก็รู้สึกดีใจมากๆ เพราะเป็นความฝัน พอได้เข้ามาอยู่ช่อง 7 ก็มีการแบ่งหน้าที่การทำงาน มีการเวียนกันทำงานทุกโต๊ะ เช่น โต๊ะเศรษฐกิจ โต๊ะเกษตร โต๊ะสังคม ทำให้เราได้เรียนรู้มากมาย
“ตอนนั้นทางช่องอยากได้ผู้ประกาศข่าวประจำโต๊ะเกษตรซึ่งตอนนั้นผมไปข้างนอกที่รัฐสภา ก็มีพี่ๆ มาถามว่าอยากได้ผู้ชายมาประจำโต๊ะข่าวเกษตร ซึ่งผู้ชายสองคนแรกไม่เอาโต๊ะเกษตร ก็เหลือผมคนเดียว ผมก็มาประจำโต๊ะเกษตรซึ่งถือว่าเป็นงานที่สนุกท้าทายมาก เพราะข่าวเกษตรทางช่อง7 ได้รับความนิยมมาเป็นอันดับ1 ผมก็ชอบมาก เพราะข่าวเกษตรเป็นเรื่องที่จับต้องได้ เราสามารถเสนอไอเดียให้ทางรายการได้ เอาเคล็ดลับต่างๆ ให้คนดูทางบ้าน บางครั้งเราก็เสนอว่าอ่านข่าวเกษตรจะต้องมีฉากเป็นทุ่งนา ท้องฟ้า ทำซีจี กราฟฟิคให้รายการน่าสนใจ
ทางพี่ๆ ผู้ใหญ่ทางช่อง 7 เปิดโอกาสให้เราแสดงศักยภาพเต็มที่ ซึ่งตอนที่ทำโต๊ะเกษตรก็มีคนมองว่าเราไม่เหมาะสม แต่เราก็อธิบายให้ฟังว่าข่าวเกษตรมีความสำคัญ โดยเฉพาะเมืองไทยเป็นประเทศเกษตรกรรม มีคนถามบ้างว่าเราต้องไปอยู่กับทุ่งนา วัวควายหรือเปล่า เราก็บอกไปว่าไม่จำเป็นต้องแบบนั้น เพราะเราต้องมองให้เป็นเกษตรเศรษฐกิจ เกษตรระดับโลก แต่เราก็ไม่ทิ้งเกษตรที่ง่ายๆ ชาวบ้านๆ ที่เรามาทำให้กลมกลืนกัน”
ไอดอล พิษณุ-กิตติ
ต้นกล้า บอกว่า ช่วงเด็กๆ จำได้ว่าอยากเป็นผู้ประกาศข่าวมาก เคยดูทีวีแล้วอ่านตามผู้ประกาศข่าว มีการอบรม ตามที่มีการรับสมัคร ตอนนั้นจำได้ว่าไปสมัครในโครงการของ เอ็ม 150 ฝึกออกเสียง จำได้ว่ารุ่นเดียวกันกับ แม็ก รณภพ ( ผู้ประกาศข่าวช่อง 9) อบรมอยู่ด้วยกัน มีการฝึกการออกเสียงให้ชัดเจน
จากนั้นก็ไปสอบใบผู้ประกาศ ซึ่งจากการที่เมื่อก่อนเป็นคนไม่ค่อยพูด แต่เราอยากทำอาชีพนี้จึงฝึกฝนให้พูดเก่งขึ้น อ่านออกเสียงบ่อยๆ มีไอดอลที่ชอบคือ คุณพิษณุ นิลกลัด ท่านมีแนวคิดที่ดี นำเสนอข่าวดีมาก และก็ คุณกิตติ สิงหาปัด สไตส์การอ่านของคุณกิตติ คือไม่ใส่ความคิดเห็น ไม่ชี้นำ ซึ่งเราก็จดจำนำมาใช้ในการทำงาน ซึ่งอาจารย์จะแนะนำว่าเราต้องเป็นกลาง ไม่ทำให้เกิดความขัดแย้ง
ประสบการณ์ครั้งแรก
ต้นกล้า เล่าว่า ครั้งแรกในการอ่านข่าวนั้นได้อ่านข่าวภาคค่ำช่วงที่ 1 คู่กับ ศรีสุภางค์ ธรรมาวุธ จำได้ว่าตื่นเต้นมาก เหมือนใจจะหลุดออกมา ( หัวเราะ) เพราะมีเสียงจากคำสั่ง ทั้งคนเพลย์เทป ซาวน์ ไลน์ติ้ง โปรดิวเซอร์ในหูฟังตลอด ซึ่งก่อนที่จะตัดเข้าข่าวมาที่เราจะมีสโลแกนว่า เที่ยงตรง แม่นยำ กระชับ ชับไว ต่อไปนี้ขอเชิญพบกับ.... ในวินาทีนั้นตื่นเต้นมากๆ มือสั่นมาก ซึ่งคุณศรีสุภางค์ก็บอกว่าใจเย็นๆ
“ข่าวภาคค่ำช่วงที่ 1 นั้นอ่านยากมากๆ ช่วงแรกๆ ยอมรับว่าก็มีติดขัดบ้าง แต่ก็แก้สถานการณ์ได้ ซึ่งทีมงานก็ช่วยในเรื่องของการทำงาน ไม่ให้ยากมาก เช่น ไม่เปลี่ยนข่าวกระทันหัน ไม่ยกข่าว ไม่ตัดทอนบางข่าวออก เพราะไม่อยากให้เราเสียสมาธิ”
แนะน้องๆ อย่าทิ้งความฝัน
ต้นกล้า เล่าว่า หลังจากได้ทำงานอ่านข่าวประจำรายการข่าว ตามทันเกษตร, เพื่อนเกษตร และข่าวภาคค่ำ แล้วก็รู้สึกได้ทำตามความฝัน ได้ขึ้นเฮลิคอปเตอร์รายงานข่าว ซึ่งสนุกมาก เพราะการทำงานในแต่ละวันก็มีเรื่องราวสนุกๆ ท้าทาย
เช่น ถ้าวันไหนเราอ่านข่าวผิด แม้กระทั่งข่าวภาคดึกมากๆ อย่าคิดว่าไม่มีคนดู เพราะมีคนดูเยอะมาก เช่น อำเภอผิด ก็จะมีโทรศัพท์มาที่สถานีว่าคุณอ่านชื่ออำเภอผิดนะ และก็มีจดหมายเข้ามามากมาย
“อยากฝากไปบอกกับน้องๆ ที่มีความฝันอยากเป็นผู้ประกาศข่าวว่า อาชีพนี้ไม่ได้เป็นกันง่ายๆ แต่ก็ไม่ยากถ้ามีความพยายาม ผมเชื่อว่าถ้ามีการฝึกฝนประจำก็จะทำให้มีโอกาสมากกว่าคนอื่น และต้องไม่ทิ้งความฝันของตัวเองด้วย”