ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ปัจจุบัน “บ. แสนสิริ”ที่ “BBB+” และ “BBB” พร้อมจัดอันดับหุ้นกู้ไม่มีประกันวงเงินไม่เกิน 1,000 ล้านบาทที่ “BBB” แนวโน้ม “Stable”

ข่าวเศรษฐกิจ Friday May 18, 2012 14:00 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--18 พ.ค.--ทริสเรทติ้ง บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ประกาศคงอันดับเครดิตองค์กรของ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ “BBB+” พร้อมทั้งคงอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่มีประกันชุดปัจจุบันของบริษัทที่ระดับ “BBB” ในขณะเดียวกันทริสเรทติ้งยังจัดอันดับเครดิตให้แก่หุ้นกู้ไม่มีประกันชุดใหม่ในวงเงินไม่เกิน 1,000 ล้านบาทของบริษัทที่ระดับ “BBB” ด้วย โดยแนวโน้มยังคง “Stable” หรือ “คงที่” อันดับเครดิตสะท้อนถึงสถานะผู้นำ ตลอดจนผลงานที่ได้รับการยอมรับในตลาดพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ แบรนด์ที่มีชื่อเสียงในตลาดคอนโดมิเนียมและบ้านจัดสรร ความหลากหลายของสินค้า และยอดขายรอการส่งมอบจำนวนมากที่เป็นหลักประกันรายได้ในอนาคตของบริษัท อย่างไรก็ตาม จุดแข็งดังกล่าวลดทอนลงไปบางส่วนจากการที่บริษัทมีอัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนที่เพิ่มสูงขึ้น รวมถึงการมีค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารที่ค่อนข้างสูง ทั้งนี้ การประเมินอันดับเครดิตยังคำนึงถึงลักษณะของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่เป็นวงจรขึ้นลงและต้นทุนค่าก่อสร้างที่ปรับตัวสูงขึ้นซึ่งเป็นผลมาจากราคาวัสดุก่อสร้างและค่าจ้างขั้นต่ำที่เพิ่มขึ้น ในขณะที่แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” สะท้อนถึงการคาดการณ์ว่าบริษัทจะสามารถส่งมอบที่อยู่อาศัยส่วนที่เหลือให้แก่ลูกค้าได้ตามกำหนด แม้ว่าความสามารถในการทำกำไรของบริษัทจะได้รับแรงกดดันจากต้นทุนค่าก่อสร้างที่เพิ่มขึ้น แต่ทริสเรทติ้งก็คาดว่าบริษัทจะสามารถดำรงอัตราส่วนกำไรเอาไว้ในระดับที่น่าพอใจได้ในระยะปานกลาง แม้บริษัทจะมีการขยายโครงการจำนวนมาก กระแสเงินสดของบริษัทก็ไม่ควรอ่อนตัวลงไปมากกว่านี้ และอัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนก็ไม่ควรสูงกว่าระดับในปัจจุบัน ทริสเรทติ้งรายงานว่า บริษัทแสนสิริเป็นหนึ่งในผู้ประกอบการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำของไทย ณ เดือนมีนาคม 2555 บริษัทมีโครงการบ้านจัดสรรและคอนโดมิเนียมเพื่อขายจำนวน 63 โครงการ คิดเป็นมูลค่ารวมประมาณ 78,000 ล้านบาท โดยแบ่งออกเป็นโครงการคอนโดมิเนียม 49% บ้านเดี่ยว 39% และทาวน์เฮ้าส์ 12% ของมูลค่าโครงการทั้งหมด ราคาขายเฉลี่ยของที่อยู่อาศัยโดยรวมอยู่ที่ 3.5 ล้านบาทต่อหน่วย ณ เดือนมีนาคม 2555 บริษัทมียอดขายรอการรับรู้รายได้ประมาณ 32,000 ล้านบาท และมีมูลค่าโครงการเหลือขายอีกประมาณ 21,000 ล้านบาท บริษัทมีความได้เปรียบในการแข่งขันจากการมีแบรนด์ที่อยู่อาศัยที่ได้รับการยอมรับเป็นอย่างดี รวมถึงการมีกลยุทธ์ทางการตลาดที่แข็งแกร่ง และสินค้าที่มีคุณภาพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตลาดคอนโดมิเนียมทริสเรทติ้งรายงานว่า บริษัทแสนสิริเป็นหนึ่งในผู้ประกอบการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำของไทย ณ เดือนมีนาคม 2555 บริษัทมีโครงการบ้านจัดสรรและคอนโดมิเนียมเพื่อขายจำนวน 63 โครงการ คิดเป็นมูลค่ารวมประมาณ 78,000 ล้านบาท โดยแบ่งออกเป็นโครงการคอนโดมิเนียม 49% บ้านเดี่ยว 39% และทาวน์เฮ้าส์ 12% ของมูลค่าโครงการทั้งหมด ราคาขายเฉลี่ยของที่อยู่อาศัยโดยรวมอยู่ที่ 3.5 ล้านบาทต่อหน่วย ณ เดือนมีนาคม 2555 บริษัทมียอดขายรอการรับรู้รายได้ประมาณ 32,000 ล้านบาท และมีมูลค่าโครงการเหลือขายอีกประมาณ 21,000 ล้านบาท บริษัทมีความได้เปรียบในการแข่งขันจากการมีแบรนด์ที่อยู่อาศัยที่ได้รับการยอมรับเป็นอย่างดี รวมถึงการมีกลยุทธ์ทางการตลาดที่แข็งแกร่ง และสินค้าที่มีคุณภาพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตลาดคอนโดมิเนียม ทริสเรทติ้งกล่าวว่า ยอดขายของบริษัทแสนสิริในปี 2554 ลดลง 13% เหลือ 21,792 ล้านบาท จากสถิติสูงสุดที่ 24,995 ล้านบาทในปี 2553 โดยเป็นผลมาจากยอดขายคอนโดมิเนียมที่ลดลงเนื่องจากบริษัทเปิดโครงการคอนโดมิเนียมใหม่ในปี 2554 น้อยกว่าในปี 2553 หลังจากที่บริษัทเปิดโครงการคอนโดมิเนียมจำนวนมากแล้วในช่วงครึ่งหลังของปี 2553 จึงเป็นผลให้ยอดขายคอนโดมิเนียมลดลงถึง 43% เป็น 8,204 ล้านบาทในปี 2554 ในขณะที่ยอดขายบ้านเดี่ยวและ ทาวน์เฮ้าส์ในปี 2554 เติบโต 35% และ 18% ตามลำดับ ในไตรมาสแรกของปี 2555 ยอดขายของบริษัทเท่ากับ 10,963 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้นอย่างมากจาก 4,436 ล้านบาทในช่วงเดียวกันของปี 2554 โดยเป็นผลมาจากความสำเร็จในการเปิดขายคอนโดมิเนียมใหม่หลายโครงการ ยอดขายคอนโดมิเนียมในช่วง 3 เดือนแรกของปี 2555 เท่ากับ 7,053 ล้านบาท ซึ่งเกือบเท่ากับยอดขายคอนโดมิเนียมในปี 2554 ทั้งปี ทั้งนี้ ยอดขายที่สูงขึ้นทำให้บริษัทมียอดสินค้าที่รอการส่งมอบแก่ลูกค้าจำนวนมาก รายได้รวมของบริษัทเพิ่มขึ้นเป็น 20,542 ล้านบาทในปี 2554 สูงขึ้น 10% จาก 18,596 ล้านบาทในปี 2553 รายได้รวมในไตรมาสแรกของปี 2555 เท่ากับ 5,109 ล้านบาท เพิ่มขึ้นอย่างมากจาก 3,614 ล้านบาทในช่วงเดียวกันของปี 2554 โดยรายได้ของบริษัทเพิ่มขึ้นจากสินค้าทุกประเภท อัตรากำไรขั้นต้นของบริษัทปรับตัวดีขึ้นเป็น 33%-34% ของรายได้รวมในช่วงระหว่างปี 2553 จนถึงไตรมาสแรกของปี 2555 อย่างไรก็ตาม การสิ้นสุดมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจด้านภาษีของรัฐบาลและการส่งเสริมการตลาดที่มากขึ้นทำให้ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารของบริษัทสูงขึ้นโดยเพิ่มขึ้นเป็น 18%-20% ของรายได้รวมในช่วงปี 2553-2554 และ 25% ในช่วง 3 เดือนแรกของปี 2555 จาก 16% ในช่วงปี 2551-2552 ส่งผลให้อัตรากำไรจากการดำเนินงานอยู่ที่ระดับ 15%-16% ในช่วงปี 2552-2554 ก่อนที่จะลดลงเป็น 10% ในช่วง 3 เดือนแรกของปี 2555 ซึ่งต่ำกว่าผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำส่วนใหญ่ กระแสเงินสดของบริษัทยังคงต่ำกว่าคู่แข่ง โดยอัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อเงินกู้รวมเท่ากับ 12% ในช่วงปี 2552-2554 และ 2.25% (ยังไม่ได้ปรับอัตราส่วนให้เป็นตัวเลขเต็มปี) ในไตรมาสแรกของปี 2555 การขยายโครงการจำนวนมากทำให้อัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนของบริษัทอยู่ในระดับสูงกว่าผู้ประกอบการที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์หลายราย โดยอยู่ที่ระดับ 63%-64% ณ สิ้นปี 2553 จนถึงเดือนมีนาคม 2555 ทริสเรทติ้งกล่าว บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) (SIRI) อันดับเครดิตองค์กร: คงเดิมที่ BBB+ อันดับเครดิตตราสารหนี้: SIRI126A: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 1,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2555 คงเดิมที่ BBB SIRI167A: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 1,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2559 คงเดิมที่ BBB SIRI16OA: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 1,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2559 คงเดิมที่ BBB หุ้นกู้ไม่มีประกันในวงเงินไม่เกิน 1,000 ล้านบาท ไถ่ถอนภายในปี 2558 BBB แนวโน้มอันดับเครดิต: Stable (คงที่)

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ