กรุงเทพฯ--18 พ.ค.--มีเดีย แพลนเนอร์ คอนซัลแทนท์
บมจ.คิวทีซี เอนเนอร์ยี่ (QTC) เดินเกม รุก ไตรมาส2 /2555 บุกคว้างานภาครัฐบาล ต่อยอดธุรกิจ พร้อมเดินหน้าขยายตลาดต่างประเทศต่อเนื่อง ด้าน “ พูลพิพัฒน์ ตันธนสิน ” ประธานกรรมการบริหาร ระบุ รายได้ปีนี้ น่าจะขยายตัวไม่ต่ำกว่า 20% ส่งเตรียมส่งมอบสินค้า กว่า 300 ล้านบาท ภายในQ2 นี้
นายพูลพิพัฒน์ ตันธนสิน ประธานกรรมการบริหาร บริษัท คิวทีซี เอนเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ QTC ผู้ผลิตและจำหน่ายหม้อแปลงไฟฟ้าตามคำสั่งซื้อของลูกค้า เปิดเผยว่า แผนการดำเนินงานในไตรมาส 2/2555 บริษัทฯ ยังคงมุ่งเน้นการขยายไปยังตลาดต่างประเทศเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะประเทศที่ยังคงมีอัตราการเติบโตตามความต้องการใช้ไฟฟ้า อาทิ ออสเตรเลีย ตะวันออกกลาง แอฟริกา และกลุ่มอาเซียน นอกจากนี้ บริษัทฯยังเตรียมที่จะเข้าประมูลงานของภาครัฐ มีมูลค่างานรวมประมาณ 3,000 ล้านบาท
“ บริษัทฯยังต้องการแข่งขันในตลาดต่างประเทศ เพื่อแสดงให้เห็นสินค้าที่มีคุณภาพของประเทศไทย เพื่อเตรียมความพร้อมสู่การเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (ASEAN Economic Community) หรือ AEC ที่จะเกิดขึ้นในปี 2558 อีกด้วย ดังนั้นด้วยศักยภาพ และ คุณภาพ ของQTC จึงเชื่อว่าจะสามารถเข้าแข่งขันในตลาดโลกได้ไม่แพ้ผู้ประกอบการรายอื่น ” นายพูลพิพัฒน์ กล่าว
ทั้งนี้ จากแผนการขยายตลาดในข้างต้น ส่งผลให้บริษัทฯประมาณการอัตราการเติบโตของบริษัทฯในปีนี้ไม่น่าต่ำกว่า 20% โดย พยายามเพิ่มสัดส่วนในตลาดต่างประเทศให้มากขึ้นกว่าเดิม ซึ่งคาดว่าตลาดในต่างประเทศ มีอัตราการเติบโตจนถึงปี 2556 สามารถเพิ่มขึ้นไม่ต่ำกว่า 30% จากปัจจุบัน
สำหรับยอดคำสั่งซื้อ(ออเดอร์)ในปัจจุบัน ที่พร้อมจะส่งมอบภายในไตรมาส2//2555 ประมาณ 300 ล้านบาท และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากแผนการขยายตลาด ส่งผลให้บริษัทฯ ต้องปรับปรุงศักยภาพในการผลิตหม้อแปลงไฟฟ้าให้เพิ่มขึ้นอีก 20%
จากปัจจุบันผลิตได้ตั้งแต่ขนาด 30-30,000 KVA มีกำลังการผลิตประมาณ 1 ล้าน KVA และช่วยให้สามารถลดต้นทุนการผลิต และค่าใช้จ่าย เฉลี่ยในแต่ละปีได้มากขึ้น
ส่วนตัวเลขผลประกอบการไตรมาส 1/2555 นั้น นายพูลพิพัฒน์ กล่าวว่า บริษัทฯมีกำไรสุทธิ 1.31 ล้านบาท ลดลง 76.22% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน ที่มีกำไร 5.49ล้านบาท ขณะที่ในส่วนของรายได้อยู่ที่ 119.60 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้ 110.16 ล้านบาท คิดเป็นอัตราการเพิ่มขึ้น 8.56% ทั้งนี้เป็นผลจากการส่งมอบสินค้าให้ลูกค้าไม่เป็นไปตามแผนที่กำหนดไว้ ซึ่งเป็นผลกระทบจากภาวะน้ำท่วม ทำให้โครงการต่างๆ เลื่อนกำหนดส่งของออกไป