กรุงเทพฯ--18 พ.ค.--เอ.พี.ฮอนด้า
ตลาดรถจักรยานยนต์ไทยเดือนเมษายนไม่หวือหวา เหตุจากปิดเทอมใหญ่และช่วงวันหยุดยาวโดยเฉพาะสงกรานต์ชะลอความต้องการและการซื้อขายโดยรวม แต่ยังเติบโตขึ้นตามการขยายตัวของเศรษฐกิจ ปิดตัวเลขที่ 157,513 คัน เติบโตกว่าเดือนเดียวกันของปีที่ผ่านมา 5% โดยมีฮอนด้าครองอันดับหนึ่งด้วยยอดจดทะเบียนทั้งสิ้น 108,898 คัน สัดส่วนครองตลาดที่ 69% ด้านรถกลุ่มเอ.ที.มาแรงกว่าใคร ปิดตัวเลขที่ 78,741 คัน โกยสัดส่วนครองตลาดถึง 50% ผู้บริหารฮอนด้ายังเชื่อมั่นตลาดเดือนพฤษภามีแววสดใส พร้อมส่ง ออล นิว ฮอนด้า สกู๊ปปี้ไอ หลากสี หลากสไตล์ ประหยัดน้ำมันกว่าเดิม ลงทำตลาดกลุ่มวัยรุ่นรับเปิดเทอม
นายสุชาติ อรุณแสงโรจน์ กรรมการบริหารและผู้จัดการทั่วไปส่วนงานขาย บริษัท เอ.พี.ฮอนด้า จำกัด เปิดเผยว่า “ตลอดเดือนเมษายนที่ผ่านมา ตลาดรถจักรยานยนต์ไทยมีการเติบโตขึ้นเล็กน้อยตามการขยายตัวของเศรษฐกิจโดยรวม อาจจะดูไม่หวือหวานักหากเทียบกับช่วงไตรมาสแรกของปี เนื่องจากเป็นช่วงปิดเทอมใหญ่ความต้องการของตลาดจึงไม่สูงนัก อีกทั้งยังมีช่วงวันหยุดยาวจากเทศกาลสงกรานต์เข้ามาเป็นตัวแปรสำคัญที่ทำให้ปริมาณการซื้อขายน้อยลงกว่าเดือนอื่นๆ โดยปิดตัวเลขยอดจดทะเบียนประจำเดือนที่ 157,513 คัน สูงกว่าเดือนเมษายนของปีที่แล้ว 7,300 คัน เติบโตขึ้นประมาณ 5% โดยฮอนด้ามียอดจำหน่ายสูงสุดเป็นอันดับที่หนึ่งในตลาดอยู่ที่ 108,898 คัน คิดเป็นสัดส่วนครองตลาด 69% ส่วนเซกเมนท์ที่โดนเด่นกว่าใครคือรถกลุ่มเอ.ที.ที่ครองส่วนแบ่งในตลาดถึง 50% จากยอดจดทะเบียน 78,741 คัน ส่วนหนึ่งมาจากรถรุ่นเอ.ที.รุ่นใหม่ๆ ที่เข้าสู่ตลาดค่อนข้างมากในช่วงหลัง ”
สำหรับแนวโน้มตลาดรถจักรยานยนต์ในเดือนพฤษภาคมนี้ เป็นที่เชื่อมั่นว่าจะกลับมาคึกคักอีกครั้งตามฤดูกาลของการซื้อขายต้อนรับเปิดเทอม อีกทั้งค่ายรถจักรยานยนต์แต่ละค่ายต่างก็พยายามที่จะกระตุ้นตลาดด้วยสินค้าใหม่ๆ และกิจกรรมทางการตลาดที่ต่อเนื่องซึ่งจะส่งผลให้ตลาดรถจักรยานยนต์เติบโตขึ้น
“เดือนพฤษภาคมน่าจะต่างไปจากเดือนเมษายนพอสมควร เพราะเป็นช่วงเปิดภาคการศึกษาใหม่ ซึ่งจะเกิดดีมานด์ที่สูงขึ้นจากกลุ่มวัยรุ่นที่จำเป็นต้องใช้รถจักรยานยนต์เป็นพาหนะในการเดินทาง ในขณะที่ฮอนด้าได้ส่ง ออล นิว สกู๊ปปี้ไอ โฉมใหม่ลงสู่ตลาดแล้ว เพื่อสร้างทางเลือกที่แตกต่างให้กับกลุ่มเป้าหมาย โดยรถเอ.ที.ที่มียอดจำหน่ายสูงที่สุดในเมืองไทยรุ่นนี้ ได้รับการออกแบบใหม่หมดให้มีคาแรกเตอร์ที่โดดเด่นขึ้นถึง 3 แบบ 3 สไตล์ ตอบรับไลฟ์สไตล์ที่แตกต่างของผู้ขับขี่ อีกทั้งเครื่องยนต์หัวฉีด PGM-FI ในรถรุ่นนี้ก็ยังได้รับการพัฒนาให้ประหยัดน้ำมันยิ่งขึ้นกว่าเดิมอีกถึง 8% เป็น 53 กิโลเมตร/ลิตร จากการทดสอบตามมาตรฐาน ECE40MODE สำหรับการเปิดตัวครั้งนี้ ฮอนด้าได้เริ่มสร้างกระบวนการรับรู้สู่กลุ่มเป้าหมายผ่านทางสื่อโฆษณาหลายรูปแบบรวมไปถึง Billboard ขนาดยักษ์หน้าห้างดัง และ TVCF ชุดซ่านิยมแล้ว เชื่อว่าจะได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากวัยรุ่นทั่วประเทศ”
สำหรับรายงานตัวเลขตลาดรวมรถจักรยานยนต์ทุกประเภทประจำเดือนเมษายน 2555 พบว่ามียอดจดทะเบียนรวมทั้งสิ้น 157,513 คัน แบ่งเป็นรถแบบ เอ.ที. 78,741 คัน คิดเป็นอัตราส่วน 50% รถแบบครอบครัว 73,129 คัน คิดเป็นอัตราส่วน 46% รถแบบสปอร์ต 2,324 คัน คิดเป็นอัตราส่วน 1% รถแบบออน-ออฟ 1,759 คัน คิดเป็นอัตราส่วน 1% และรถแบบอื่นๆ รวมกันอีก 1,560 คัน คิดเป็นอัตราส่วน 1%
ทั้งนี้ เมื่อแบ่งแยกตามกลุ่มผู้ผลิตแล้วพบว่าในเดือนเมษายนที่ผ่านมานั้น รถจักรยานยนต์ฮอนด้ามียอดจดทะเบียนเป็นอันดับแรกในตลาดรวม ด้วยตัวเลขจดทะเบียนทั้งสิ้น 108,898 คัน เทียบเท่าสัดส่วนครองตลาดที่ 69% ตามมาด้วย ยามาฮ่า 37,670 คัน สัดส่วนครองตลาด 24%, ซูซูกิ 5,562 คัน สัดส่วนครองตลาด 4% และคาวาซากิ 2,118 คัน สัดส่วนครองตลาด 1%, และยี่ห้ออื่นๆ รวมกันอีก 3,265 คัน สัดส่วนครองตลาด 2%