กรุงเทพฯ--21 พ.ค.--InsideThaiGOV
ผู้บริหารธนาคารอิสลามฯขานรับนโยบายรัฐบาลอ้าแขนรับกลุ่มทุนตะวันออกกลางร่วมทุนกองทุนธนาคารอิสลามชี้ช่องเจาะตลาดผู้บริโภคมุสลิมกว่า 1.4 พันล้านคนทั่วโลก
นายธีรศักดิ์ สุวรรณยศ กรรมการผู้จัดการธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย ให้สัมภาษณ์พิเศษกับกองบรรณาธิการ InsideThaiGOV กรณี นายกรัฐมนตรี นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เยือน ราชอาณาจักรบาห์เรน และรัฐกาตาร์ อย่างเป็นทางการและได้บรรลุข้อตกลงในการเจรจากับกลุ่มทุนตะวันออกกลางในด้านการสำรองพลังงานและการลงทุนผ่านธ.อิสลามเพื่อลงทุนในโครงการโครงสร้างพื้นฐานในประเทศไทย
นายธีรศักดิ์ ระบุว่า "เป็นวิสัยทัศน์ของ ฯพณฯ นายกรัฐมนตรีนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่ริเริ่มและประสบความสำเร็จในการชักจูงกลุ่มทุนตะวันออกกลางหรือประเทศที่มีรายได้จากการขายน้ำมันซึ่งมีบาห์เรนเป็นศูนย์กลาง(Petro โDollar Market) เพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงของสถานการณ์สภาพคล่องในตลาดกระแสหลักที่ลดลง เพราะกลุ่มทุนตะวันออกกลางถือเป็นกลุ่มทุนขนาดใหญ่ที่มีศักยภาพและสภาพคล่องสูงสามารถรองรับผลกระทบที่อาจเกิดอันเนื่องมาจากวิกฤติการเงินในยุโรปได้"
นอกจากนี้นายธีรศักดิ์ยังได้กล่าวถึงกรณีที่รัฐบาลสามารถผลักดันโครงการ “ครัวไทยสู่ครัวโลก” โดยมุ่งเปิดตลาด “อาหารฮาลาล” ว่า "ตลาดผู้บริโภคชาวมุสลิมเป็นตลาดที่มีกำลังซื้อและมีความต้องการสูง รัฐบาลสามารถส่งเสริมและพัฒนาภาคใต้ของประเทศไทยให้เป็นครัวของผู้บริโภคชาวมุสลิมซึ่งมีจำนวนมากกว่า 1.4 พันล้านคนทั่วโลก และตลาดข้าวที่ทั้งสองประเทศรองรับการขายข้าวไทย"
นายธีรศักดิ์ ได้กล่าวถึงการให้สินเชื่อผู้ประกอบการอาหารฮาลาลว่า “ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย มีสินเชื่อสำหรับผู้ประกอบกิจการที่มีใบอนุญาตผลิตอาหารฮาลาลโดยเฉพาะ และผู้ประกอบอาหารฮาลาลที่ดำเนินธุรกิจในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ สามารถขอสินเชื่อในอัตราพิเศษ”
นายธีรศักดิ์ กล่าวว่า “คำว่า ฮาลาล นี้ หมายถึงความปลอดภัยต่อผู้บริโภค หรือ Food Safety ดังนั้นการพูดถึงผู้บริโภคอาหารฮาลาล จึงหมายถึง กลุ่มผู้บริโภคที่มีกระจายอยู่ทั่วโลก มิได้จำกัดเฉพาะในประเทศที่เป็นมุสลิมเท่านั้น โอกาสของประเทศไทยในการที่จะเชื่อมโยงต่ออาหารฮาลาลจึงสูงมาก คือ ผลิตอาหารฮาลาลเข้าประเทศกลุ่มตะวันออกกลางโดยตรง และอีกส่วนหนึ่งที่ซื้ออาหารเพื่อนำไปบริจาคให้กับสมาชิกในกลุ่มประเทศมุสลิมที่มีรายได้น้อย ซึ่งจะเห็นได้ว่า จำนวนผู้บริโภคใน 2 กลุ่มนี้เป็นกลุ่มที่มีขนาดใหญ่”
“ซึ่งประเทศไทยมีความหลากหลายมากกว่าประเทศอื่น หากเราสามารถพัฒนายกระดับประเทศไทยให้เข้าไปอยู่ในกลุ่มประเทศผู้ผลิตได้ เราจะได้ลูกค้าจำนวนมหาศาล และในอนาคต ตลาดอาหารฮาลาลจะขยายตัวไปถึงทวีปยุโรปและอเมริกา เพราะอาหารที่ผลิตด้วยกรรมวิธีอันทันสมัย ถูกสุขลักษณะ จะเป็นอาหารที่ทุกชาติต้องการ เพราะนั่นหมายถึงอาหารที่ปลอดภัยอย่างนั่นเอง”
“ดังนั้น การนำนักธุรกิจไทยโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผู้ผลิตสินค้าอาหารไปเยือนราชอาณาจักรบาห์เรน และรัฐกาตาร์ ของรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร จึงเป็นการเปิดตลาดใหม่ให้กับนักธุรกิจไทย ได้ไปเรียนรู้กฎระเบียบต่างๆที่จำเป็น และนำกลับมาปรับปรุงกิจการของตนให้ถูกต้องตามหลักมาตรฐานอาหารฮาลาล และพร้อมที่จะส่งออกอาหารฮาลาลไปยังประเทศกลุ่มตะวันออกกลางต่อไป ตามนโยบายครัวไทย สู่ครัวโลก” นายธีรศักดิ์กล่าว