กรุงเทพฯ--22 พ.ค.--M.O. Chic
กรมส่งเสริมการส่งออก กระทรวงพาณิชย์ ร่วมกับ 15 กลุ่มอุตสาหกรรมแฟชั่นและเครื่องหนังไทย ประกาศความพร้อมสูงสุดของการจัด “งานแสดงสินค้าแฟชั่นและงานแสดงสินค้าเครื่องหนังปี 2555” (Bangkok International Fashion Fair & International Leather Fair 2012 : BIFF&BIL 2012) ระดมผู้ประกอบการชั้นนำกว่า 700 คูหา กว่า 500 ราย โชว์ศักยภาพสินค้าแฟชั่นและเครื่องหนังไทยภายใต้คอนเซ็ปต์ “ASEAN INTEGRATION : SUCCESS & BEYOND” ระหว่างวันที่ 27 มิถุนายน — 1 กรกฎาคม 2555 ณ อาคารชาเลนเจอร์ 2 อิมแพ็ค เมืองทองธานี คาดนักธุรกิจและผู้ที่สนใจทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศเข้าชมงานในปีนี้กว่า 40,000 คน
นายภูมิ สาระผล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้ให้นโยบายในการสนับสนุนผู้ประกอบการต้นน้ำ กลางน้ำ ปลายน้ำ ของอุตสาหกรรมแฟชั่นและเครื่องหนังโดยมุ่งหวังให้งาน ‘BIFF&BIL 2012’ เป็นงานแสดงสินค้าที่จะโชว์ศักยภาพของผู้ประกอบการไทยและเป็นศูนย์กลางการผลิตการส่งออกที่สำคัญในภูมิภาคอาเซียนและของโลกในโอกาสต่อไป โดยเห็นชอบให้หน่วยงานของกรมส่งเสริมการส่งออก จัดกิจกรรมสนับสนุนอุตสาหกรรมแฟชั่นและเครื่องหนัง ให้เติบโตยิ่งขึ้นพร้อมนี้
นายวุฒิชัย ดวงรัตน์ รองอธิบดีกรมส่งเสริมการส่งออก เปิดเผยว่า “กรมส่งเสริมการส่งออก และ 15 กลุ่มอุตสาหกรรมแฟชั่นและเครื่องหนังไทย ร่วมกันจัดงาน “งานแสดงสินค้าแฟชั่นและงานแสดงสินค้าเครื่องหนังปี 2555”(Bangkok International Fashion Fair & International Leather Fair 2012 : BIFF&BIL 2012) ซึ่งนับเป็นครั้งที่ 30 ของการจัดงาน ทั้งนี้เพื่อแสดงให้เห็นถึงศักยภาพของประเทศไทยในการเป็นผู้นำและเป็นศูนย์รวมแฟชั่นที่ครบวงจร รวมทั้งสร้างแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์แฟชั่นพร้อมสร้างโอกาสแห่งความสำเร็จในธุรกิจแฟชั่นแก่นักออกแบบและผู้ประกอบการอุตสาหกรรมแฟชั่นและเครื่องหนัง เพื่อก้าวสู่การเป็นที่ยอมรับในฐานะผู้นำอุตสาหกรรมแฟชั่นระดับภูมิภาคอาเซียนที่ยั่งยืน”
นายวุฒิชัย กล่าวเพิ่มเติมว่า “กลุ่มอุตสาหกรรมแฟชั่นและเครื่องหนังไทยมีความพร้อมสูงสุดในการจัดเตรียมงานในด้านต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของสถานที่จัดงาน โดยเราใช้สถานที่ที่อาคารชาเลนเจอร์ 2 อิมแพ็ค เมืองทองธานี ซึ่งมีเนื้อที่กว่า 20,000 ตารางเมตร รวมทั้งรองรับผู้เข้าชมงานได้มากกว่า 20,000 คน / วัน
ในปัจจุบันอุตสาหกรรมแฟชั่นและเครื่องหนังของไทยมีการขยายตัวที่สูงขึ้น และเป็นอุตสาหกรรมหลักที่สร้างรายได้ให้แก่ประเทศเป็นอันดับต้น ๆ อีกทั้งกรมส่งเสริมการส่งออกในฐานะหน่วยงานรัฐที่ให้การสนับสนุนได้มีการพัฒนาศักยภาพและผลักดันจนในปัจจุบันอุตสาหกรรมแฟชั่นและเครื่องหนังของไทยได้รับการยอมรับถึงคุณภาพการดีไซน์ การผลิต และการส่งออกจากนานาประเทศ ซึ่งพร้อมที่จะแสดงศักยภาพให้ผู้เข้าชมงานทั้งไทยและต่างประเทศได้ประจักษ์ทั้ง กลุ่มอุตสาหกรรมสินค้าแฟชั่นและสินค้าเครื่องหนัง ‘ต้นน้ำ’ ประกอบด้วย กลุ่มผู้ผลิตเส้นใย เส้นด้าย และผลิตภัณฑ์ใยสังเคราะห์ ซึ่งจะมีการนำเสนอนวัตกรรมและเทคโนโลยีใหม่ในการผลิตเส้นใยที่พัฒนาร่วมกับประเทศญี่ปุ่นและสถาบันพัฒนาอุตสาหกรรมสิ่งทอ เพื่อแสดงให้เห็นถึงศักยภาพของอุตสาหกรรมแฟชั่นไทยอย่างครบวงจรและเป็นการสนับสนุนกลุ่มอุตสาหกรรมสินค้าแฟชั่นและสินค้าเครื่องหนัง ‘ต้นน้ำ’ ในระยะยาวอีกด้วย กลุ่มอุตสาหกรรมสินค้าแฟชั่นและสินค้าเครื่องหนัง ‘กลางน้ำ’ ประกอบด้วย กลุ่มอุตสาหกรรมฟอกย้อมและตกแต่งสิ่งทอไทย กลุ่มอุตสาหกรรมสิ่งทอไทย กลุ่มอุตสาหกรรมทอผ้าไทย ซึ่งจะมีการนำเสนอนวัตกรรมใหม่ ๆ ที่ผ่านการวิจัยและพัฒนาเพื่อลดปัญหาโลกร้อน โดยเราได้ทำการวิจัยและพัฒนานวัตกรรมดังกล่าวร่วมกับประเทศญี่ปุ่น อีกทั้งมีการนำเสนอนวัตกรรมอื่น ๆ ที่ได้ผ่านการวิจัยและพัฒนาร่วมกับสถาบันพัฒนาอุตสาหกรรมสิ่งทอ โดยได้พัฒนาสิ่งทอและผ้าผืนต่าง ๆ จากวัสดุธรรมชาติ เน้นความเป็น Eco — Green มากขึ้น กลุ่มอุตสาหกรรมสินค้าแฟชั่นและสินค้าเครื่องหนัง ‘ปลายน้ำ’ ซึ่งประกอบด้วย 2 กลุ่มหลัก ๆ คือ 1) กลุ่มอุตสาหกรรมเครื่องนุ่งห่มไทย ได้แก่ กลุ่มสมาคมอุตสาหกรรมเครื่องนุ่งห่มไทย กลุ่มสมาคมพ่อค้าผ้าไทย กลุ่มสมาคมไหมไทย กลุ่มศูนย์บริการส่งออกโบ๊เบ๊ และอุปนายกสมาคมชาวโบ๊เบ๊ กลุ่มสมาคมออกแบบสร้างสรรค์ จะมีการนำเสนอนวัตกรรมใหม่ของเครื่องนุ่งห่มไทย คือ การตัดเย็บเสื้อผ้าในรูปแบบใหม่ โดยการใช้คลื่นเสียง Ultrasonic มาช่วยในการตัดเย็บ, นวัตกรรมการพิมพ์เพื่อให้เสื้อผ้ามีคุณสมบัติ โดยเฉพาะเสื้อผ้ากีฬา, นวัตกรรมแฟชั่นในกลุ่มผสมที่ไม่เคยจัดแสดงมาก่อน เช่น งาน Handmade ในกลุ่มอัญมณีและเครื่องประดับ ให้ลงตัวกับกลุ่ม Exotic Skin & Exotic Leather เป็นต้น 2) กลุ่มอุตสาหกรรมเครื่องหนัง ได้แก่ กลุ่มสมาคมเครื่องหนังไทย กลุ่มสมาคมรองเท้าไทย กลุ่มสมาคมส่งเสริมอุตสาหกรรมรองเท้าไทย และกลุ่มสมาคมฟอกหนังไทย มีการนำเสนอนวัตกรรมใหม่ โดยนำเอาเอกลักษณ์ของความเป็นไทยเข้ามาร่วมในการออกแบบเป็นการใช้ Hand Paint ซึ่งมีลักษณะเป็นลายผ้าไหมหรือลายความเป็นไทย อีกทั้งมีการนำเสนอเทคนิคการนำหนังมาสาน การย้อมสีและลงฟอกสี โดยนำเอา HERB มาเป็นส่วนในการสร้างสรรค์งานซึ่งมีส่วนช่วยให้เครื่องหนังไทยมีเสน่ห์มากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ทางกลุ่มสมาคมรองเท้าไทยยังมีการนำเสนอเทคโนโลยีล่าสุดคือ Ionic Gravity Bonding อีกด้วย
“การจัดงาน ‘BIFF & BIL 2012’ ในปีนี้นอกจากจะเป็นเวทีสำหรับพบปะเจรจาแก่ผู้เข้าชมงานจากต่างประเทศ กับผู้ประกอบการไทย เพื่อนำเสนอสินค้าแฟชั่นและเครื่องหนังตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ จนถึงปลายน้ำดังกล่าวข้างต้น รวมทั้งเป็นงานที่จะสามารถพบกับผู้ผลิตที่สามารถตอบสนองต่อความต้องการให้กับลูกค้าได้หลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องคุณภาพ และนวัตกรรมใหม่ๆ งาน ‘BIFF & BIL 2012’ มีกิจกรรมไฮไลท์ที่น่าสนใจมากมาย อาทิ Fashion Show จากนักออกแบบและสินค้าที่ประสบความสำเร็จในเวทีการค้าต่างประเทศ และจากกลุ่มประเทศในอาเซียน Trend Forum รวบรวมสุดยอดนวัตกรรมการผลิตสินค้าทั้งเสื้อผ้า สิ่งทอ เครื่องหนังและรองเท้า Designers’ Room เป็นโครงการส่งเสริมและต่อยอดนักออกแบบผู้มีพรสวรรค์ของไทย เพื่อก้าวไปเป็นผู้ส่งออกสินค้าแฟชั่นในอนาคต Thai Tex Trend (T3) แสดงศักยภาพของผู้ผลิตผ้าผืนไทย ร่วมกับผู้เชี่ยวชาญระดับโลกจากประเทศอิตาลี Workshop แสดงผลงานจากการพัฒนาเทคนิคการออกแบบ การตัดเย็บอย่างสร้างสรรค์ให้แก่ผู้ประกอบการไทย ให้ตรงกับความต้องการของตลาดโลกมากขึ้น Fashion Focus การพัฒนาผู้ประกอบการอย่างครบวงจร ตั้งแต่การผลิตจนถึงการตลาดโดยผู้เชี่ยวชาญ U.S.A เพื่อเจาะตลาดสหรัฐอเมริกา โดยงานจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 27 มิถุนายน - 1 กรกฎาคม 2555 ณ ห้องชาแลนเจอร์ 2 อิมแพค เมืองทองธานี (วันเจรจาธุรกิจ: 27-29 มิถุนายน 2555 เวลา 10.00 — 18.00 น. และวันจำหน่ายปลีก 30 มิถุนายน — 1 กรกฎาคม 2555 เวลา 10.00 — 21.00 น.) สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่กรมส่งเสริมการส่งอออก โทร. 0-2507-8370, 2507-8369, 2507-8367, 2507-8368 / สายด่วน 1169 หรืออีเมล์ biff@depthai.go.th ซึ่งกรมฯ คาดหวังว่าจะมีนักธุรกิจและผู้ที่สนใจทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศเข้าชมงานในปีนี้ถึง 40,000 คน” นายวุฒิชัย กล่าวทิ้งท้าย
ติดต่อ:
M.O.Chic
02-512-5848