กรุงเทพฯ--23 พ.ค.--ธนาคารกสิกรไทย
กสิกรไทยมองเศรษฐกิจไทยยังมีโอกาส ตลาดต่างจังหวัดยังน่าสนใจ สร้างโอกาสทางธุรกิจในท้องถิ่น ส่งผลให้เกิดอุตสาหกรรมต่อเนื่อง สนองความต้องการของท้องถิ่น ชี้ 9 จังหวัด มูลค่าโครงการกว่า 5 แสนล้าน คาดทั้งปี 2555 สินเชื่อรายใหญ่ โตประมาณ 8-9%
นายวศิน วณิชย์วรนันต์ รองกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่า เศรษฐกิจไทยกำลังอยู่ในช่วงเดินหน้าเต็มที่ โดยปัจจัยในประเทศที่โดดเด่นในการกระตุ้นเศรษฐกิจในปีนี้ก็คือ การเติบโตทางธุรกิจของเมืองหลักใน 9 จังหวัดทั่วประเทศ ได้แก่ เชียงใหม่ ขอนแก่น โคราช อุดรธานี ชลบุรี ระยอง ภูเก็ต สุราษฎ์ธานี และสงขลา ซึ่งใน 9 จังหวัดดังกล่าว มีการดำเนินโครงการขนาดใหญ่ที่มีศักยภาพ ทั้งโครงการด้านที่อยู่อาศัย ศูนย์การค้า โรงงานอุตสาหกรรม ฯลฯ คิดเป็นมูลค่ารวมกว่า 5 แสนล้านบาท ทำให้ตลาดมีความน่าสนใจในเชิงธุรกิจอย่างยิ่ง
ดังนั้นธนาคารกสิกรไทย จึงตั้งเป้าหมายรุกตลาดต่างจังหวัดอย่างจริงจัง โดยวางกลยุทธ์ทางธุรกิจตอบรับทุกอุตสาหกรรมหลักในพื้นที่ ด้วยผลิตภัณฑ์ทางการเงินแบบเป็นแพ็คเกจครบวงจร (Total Solution) ทั้งการให้สินเชื่อก่อนและหลังโครงการแล้วเสร็จ การนำเสนอบริการจัดการทางการเงิน (Cash Management) รวมทั้งการดูแลสินเชื่อให้แก่คู่ค้าของธุรกิจตลอดซัพพลายเชน รวมทั้งจัดโครงสร้างทีมงานขายในพื้นที่ใหม่ กระจายตัวอยู่ในศูนย์ธุรกิจ (Business Hub) 5 จุดหลัก เพื่อให้สามารถตอบโจทย์ความต้องการทางธุรกิจได้ทันท่วงที
ทั้งนี้ อุตสาหกรรมที่จะก่อให้เกิดอุตสาหกรรมต่อเนื่องในพื้นที่ อาทิ พลังงานทางเลือก ซึ่งตอบสนองความต้องการพลังงานของท้องถิ่นและชุมชน ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ การก่อสร้าง และภาคการค้าส่ง ซึ่งในเบื้องต้นธุรกิจอสังหาริมทัพย์จะเป็นหัวหอกของการเติบโตในตลาดต่างจังหวัดที่สำคัญ ซึ่งธนาคารกสิกรไทยได้เริ่มเข้าไปทำตลาด โดยการเจาะกลุ่มผู้ประกอบการรายใหญ่ในพื้นที่ มุ่งครองส่วนแบ่งการตลาดเพิ่มจากปัจจุบันที่ 12% เป็น 25-30% ภายใน 3 ปี
นายวศิน กล่าวเพิ่มเติมว่า ท่ามกลางความไม่น่าไว้วางใจของสภาวะเศรษฐกิจของโลก อันมาจากสถานการณ์ในประเทศกรีซ ที่อาจส่งผลให้เกิดการชะลอตัวในการค้าและการลงทุนโดยทั่วไปของโลก แต่สภาวะของเศรษฐกิจในภูมิภาคอาเซียนและประเทศไทย กลับยังคงมีความเข้มแข็ง โดยเห็นปริมาณการค้าในภูมิภาคที่เพิ่มขึ้น และส่วนใหญ่ของการเติบโตมาจากการสร้างความต้องการภายในประเทศมากขึ้น ทั้งนี้ต้นทุนค่าจ้างที่เพิ่มสูงขึ้นของไทย ก็มีผลกระทบหลักเพียงบางอุตสาหกรรมที่ต้องพึ่งพิงแรงงานสูง อาทิเช่น ผู้ผลิตเฟอร์นิเจอร์ เครื่องนุ่งห่ม ภาคบริการอย่างโรงแรม และภาครับเหมาก่อสร้าง ขณะที่อุตสาหกรรมการผลิตอื่น ๆโดยทั่วไปที่ใช้แรงงานฝีมือ จะไม่ได้รับผลกระทบจากอัตราค่าจ้างใหม่ จึงยังไม่ก่อให้เป็นปัจจัยลบให้แก่ภาพรวมของเศรษฐกิจ โดยเชื่อมั่นว่า จีดีพีของไทยในสิ้นปีนี้จะโตที่ 5% และสินเชื่อธุรกิจขนาดใหญ่สิ้นปี 2555 จะเติบโตประมาณ 8-9%
อย่างไรก็ตาม ผู้ประกอบการต้องระมัดระวังถึงความผันผวนของตลาดในระยะสั้นและระยะกลาง อันเกิดจากความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะเศรษฐกิจของภาคพื้นยุโรป ที่จะส่งผลให้อัตราแลกเปลี่ยนมีความผันผวนสูง จึงควรติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดและปิดความเสี่ยงของธุรกิจด้วยเครื่องมือทางการเงินต่าง ๆ
สำหรับในไตรมาสแรกที่ผ่านมา ธนาคารกสิกรไทย มีการเติบโตของยอดสินเชื่อธุรกิจรายใหญ่โดยรวมที่ประมาณ 1% โดยเป็นการเพิ่มขึ้นในภาคอุตสาหกรรม ที่ทดแทนการชะลอตัวของภาคการเกษตร ที่มีปัจจัยทั้งจากการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างการประกันราคาสินค้าเกษตร เช่น ข้าวและมันสำปะหลัง เป็นการรับจำนำสินค้า รวมทั้งการชะลอตัวของการบริโภคในตลาดโลกที่กระทบต่อราคาและยอดส่งออก
อย่างไรก็ตาม รายได้รวมของธนาคารฯ เติบโตขึ้น 17% จากปีที่แล้ว โดยเฉพาะการเติบโตของค่าธรรมเนียมถึง 18% ที่ส่วนใหญ่เกิดจากการให้บริการธุรกรรมการค้าขายของลูกค้า หรือ Operating account services ซึ่งนับเป็นการสะท้อนภาพการเติบโตของเศรษฐกิจ ตลอดจนการที่ธนาคาร ฯ ให้การสนับสนุนโครงการต่าง ๆ รวมมูลค่ากว่า 170,000 ล้านบาท หรือกว่า 100 โครงการ นอกจากนี้ยังมีการเจาะตลาดเพิ่มในส่วนของอุตสาหกรรมยานยนต์, อุตสาหกรรมอาหาร และอุตสาหกรรมพลังงาน โดยยอดสินเชื่อที่ธนาคาร ฯ ปล่อยให้แก่อุตสาหกรรมเหล่านี้ เมื่อสิ้นไตรมาสแรก มีการเติบโตประมาณ 6-7%