กรุงเทพฯ--24 พ.ค.--เอพีพีอาร์ มีเดีย
- เดลล์เปิดตัว Dell Force10 MXL 10/40GbE อีเธอร์เน็ตสวิตช์สำหรับเบลดเซิร์ฟเวอร์รุ่นแรก ที่รองรับความเร็วได้ถึง 40 กิกะบิต ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพสำหรับการกระจายเวิร์กโหลดปริมาณมาก และตอบสนองความต้องการด้านประสิทธิภาพสูงสุด
- ด้วยองค์ประกอบและเครื่องมือบริหารจัดการเครือข่ายแบบใหม่ (Network Management) ช่วยให้การทำงานกับระบบเครือข่ายง่ายขึ้น เพิ่มประสิทธิภาพในดาต้าเซ็นเตอร์ รวมถึงสถาพแวดล้อมในแคมปัส
- ความสามารถใหม่ในการสนับสนุนเครือข่ายเสมือน (Network Virtualization) และการทำงานร่วมกับอุปกรณ์ Big Switch Networks ซึ่งได้ทำการทดสอบกับซอฟต์แวร์และและโซลูชั่นต่างๆ ในงาน Interop Las Vegas ในวันที่ 6-9 พฤษภาคม 2555 ที่ผ่านมา
วันนี้ เดลล์ประกาศตัวฮาร์ดแวร์และซอร์ฟแวร์ใหม่สำหรับโซลูชั่นสถาปัตยกรรมเครือข่ายเสมือน (Virtual Network Architecture) ซึ่งเป็นระบบเครือข่ายแบบเปิด (Open Networking Framework) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการจัดการด้านไอที และการจัดการเวิร์กโหลดแบบอัจฉริยะ (Workload Intelligence) โดยเดลล์ได้เปิดตัวสวิตช์ Dell Force10 MXL 10/40GbE เป็นสวิตช์รุ่นแรกสำหรับทำงานร่วมกับเบลดเซิร์ฟเวอร์ Dell PowerEdge M1000e ที่ให้ความเร็วระดับ 40 กิกะบิต โดยได้รับการออกแบบมาให้สามารถรองรับความต้องการใช้งานเวิร์กโหลดทั้งแบบเก่า และแบบเวอร์ชวล รวมถึงสภาพแวดล้อมการทำงานแบบพับบลิคคลาวด์ และไพรเวทคลาวด์ อีกด้วย
การเพิ่มประสิทธิภาพให้กับสวิตช์สำหรับเบลดเซิร์ฟเวอร์ ช่วยเพิ่มทางเลือกให้กับลูกค้า และยังขยายความสามารถในการรับส่งข้อมูลจากต้นทางถึงปลายทาง สำหรับโซลูชั่น 10 กิกะบิตอีเธอร์เน็ต ทั้งระบบไม่ว่าจะเป็นเซิร์ฟเวอร์, สตอเรจ และ ระบบเครือข่าย โดยโครงสร้างพื้นฐานของเดลล์สามารถทำงานเพิ่มขึ้นสูงสุด 10 เท่าสำหรับการใช้งานแอพพลิเคชั่น ในการสนับสนุนระบบการตัดสินใจ และการกระจายเวิร์กโหลดที่ดีขึ้นของระบบธุรกิจอัจฉริยะ1 (Business Intelligence)
ประสิทธิภาพเร็วขึ้นด้วย — สวิทช์ Dell Force10 MXL 10/40GbE
สถาปัตยกรรมระบบเครือข่ายเสมือน (VNA) จาก Dell Force 10 นั้นออกแบบมาทำให้ระบบเครือข่ายสามารถทำงานในรูปแบบของเวอร์ชวล ปรับการทำงานได้อย่างอัตโนมัติและพร้อมทำงานร่วมกันอย่างสมบูรณ์ และช่วยให้การใช้งานมีประสิทธิภาพดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด โดยส่วนของฟังก์ชั่นและการทำงานนั้นถือเป็นจุดแข็งที่ล้ำหน้ากว่าคู่แข่งด้วยการเปิดตัวสวิตซ์แบบเบลดเซิร์ฟเวอร์รุ่นแรกที่รองรับระบบอีเธอร์เน็ตความเร็ว 40 กิกะบิตในรุ่น Dell Force10 MXL 10/40GbE ซึ่งพัฒนาจากจุดที่เดลล์เป็นผู้นำในอุตสาหกรรมในตลาด
40 กิกะบิตอีเธอร์เน็ต อ้างอิงข้อมูลจาก Dell’Oro Group2
เบลดสวิตช์รุ่น Dell Force10 MXL 10/40GbE ให้ความสามารถของแบนด์วิดธ์แบบที่ไม่เคยมีมาก่อน เพื่อทำงานร่วมกับเบลดเซิร์ฟเวอร์รุ่น Dell PowerEdge M1000e โดยออกแบบมาสำหรับความต้องการในหลายสภาพแวดล้อม เช่น ดาต้าเซ็นเตอร์ในองค์กรขนาดใหญ่ ในเครือข่ายของภาครัฐ ในองค์กรการศึกษา ในสถาบันวิจัยต่างๆ และระบบประมวลผลที่ต้องการประสิทธิภาพสูง คุณสมบัติของสวิตซ์แบบเบลดที่รองรับการใช้งานอย่างครบถ้วนไม่ว่าจะที่ความเร็ว 1/10/40GbE ทั้งแบบที่ทำงานบน Layer 2 หรือ Layer 3 ที่ควบคุมการทำงานโดยระบบปฏิบัติการ Force10 (FTOS) ที่ช่วยให้ระบบมีแบนด์วิธเพิ่มมากขึ้น สามารถปรับขยายได้ตามความต้องการ เพิ่มประสิทธิภาพ และการจัดการในดาต้าเซ็นเตอร์ และแคมปัส นอกจากนี้ระบบปฎิบัติการ FTOS ยังเพิ่มประสิทธิภาพและความน่าเชื่อถือให้กับดาต้าเซ็นเตอร์ขนาดใหญ่ ในโลกหลายแห่ง ขณะเดียวกันก็ลดค่าใช้จ่ายในการทำงานและการจัดการลงด้วย
จุดเด่นของสวิตช์ Dell Force10 MXL 10/40GbE ประกอบด้วย
- มาพร้อมกับเทคโนโลยี Ethernet stacking : ลูกค้าสามารถเพิ่มเติมจำนวนพอร์ตได้ในอนาคต ในลักษณะจ่ายเงินตามการเติบโต (Pay-as-you Grow) โดยสามารถขยาย (stacking) ได้สูงสุดจำนวน 6 สวิตช์ภายในหนึ่งตู้ หรือจากหลายตู้ ซึ่งสามารถจัดการได้เสมือนเป็นอุปกรณ์เพียงหนึ่งตัว
- การออกแบบทางวิศวกรรมที่เพิ่มประสิทธิภาพให้กับการใช้งาน: อีเทอร์เน็ตสวิตช์ที่มีประสิทธิภาพสูง ถูกออกแบบมาเพื่อความต้องการเวิร์กโหลดที่เพิ่มขึ้น ความต้องการรับส่งข้อมูลในรูปแบบ East-West (หรือ intra-chassis) ความต้องการความสามารถในการขยายในอนาคต ด้วยการช่วยให้เบลดเซิร์ฟเวอร์ในรุ่น Dell PowerEdge M1000e ซึ่งทำงานในโครงสร้างเน็ตเวิร์กความเร็วต่ำ ให้สามารถใช้งานความเร็วสูง 10/40GbE ได้
- ตัวเลือกการเชื่อมต่อที่ยืดหยุ่น: ยืดหยุ่นด้วยโมดูลแบบ FlexIO ซึ่งสนับสนุนพอร์ตแบบ 40GbE QSFP+, 10GbE SFP+ และ 10GBase-T
- รองรับการเชื่อมต่อเข้ากับระบบสตอเรจ: ด้วยระบบการนำเข้าและส่งออกข้อมูลที่ยืดหยุ่นในการใช้งาน ช่วยให้สามารถรองรับการใช้งานกับระบบสตอเรจในรูปแบบของ IP ได้อย่างสมบูรณ์ (iSCSI และระบบเชื่อมต่อกับดาต้าเซ็นเตอร์) เข้ากับการเชื่อมต่อแบบ 10GbE เพียงพอร์ตเดียว ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานและลดต้นทุนได้
ประสิทธิภาพสูงสุด: ด้วยซอฟต์แวร์ขั้นสูงสำหรับการจัดการระบบเครือข่ายในดาต้าเซ็นเตอร์ การจัดการฮาร์ดแวร์และเครือข่าย
นอกจากเปิดตัวอุปกรณ์ใหม่แล้ว เดลล์ ยังได้แนะนำการเสริมประสิทธิภาพให้กับซอฟต์แวร์บริหารจัดการเพื่อ การจัดการระบบไอทีที่ง่ายขึ้น และช่วยลูกค้าประหยัดต้นทุนและเวลาอีกด้วย
ยกระดับระบบปฏิบัติการ Dell Force10 Operating System
คุณสมบัติใหม่หลายข้อของระบบปฏิบัติการ FTOS ได้รับการปรับปรุงใหม่สำหรับดาต้าเซ็นเตอร์ ออกแบบมาสำหรับสวิตซ์ที่ติดตั้งด้านบนของตู้แร็คในรุ่น S4810 ที่รองรับความเร็ว 10/40 กิกะบิต
- สนับสนุนเทคโนโลยีการทำ Layer 2 multipath หรือเรียกว่า Virtual Link Trunking (VLT)— เป็นนวัตกรรมที่อนุญาตให้เพิ่มความสามารถและควบคุมการทำงานแบบ Layer 2 switching
- เทคโนโลยีแบบสแต๊คกิ้ง (Stacking) ช่วยให้การบริหารจัดการกับการติดตั้งอุปกรณ์สวิตซ์จำนวนมากให้เป็นเรื่องง่าย
- Data Center Bridging (DCB) ช่วยให้ไม่จำเป็นต้องเสียพอร์ตอีเธอร์เน็ต โดยช่วยให้สามารถรับส่งข้อมูลกับสตอเรจ ทั้งแบบ iSCSI และแบบไฟเบอร์แชนแนล โดยสามารถใช้งานเครือข่ายร่วมกันได้ และระบบจัดเก็บข้อมูลแบบอื่นๆ บนโครงสร้างเครือข่ายทั่วไปในองค์กร
- ระบบย้ายเวิร์คโหลดการทำงานแบบอัตโนมัติ ช่วยคาดการณ์ให้กับระบบเครือข่ายแลนเสหมือน เมื่อเวอร์ชวลแมชชีนถูกย้ายข้ามไปทำงานยังเครื่องอื่น พร้อมทั้งทำงานร่วมกับหลายยี่ห้อของ hypervisor เพื่อประโยชน์สูงสุดและความยืดหยุ่นของลูกค้า
Dell Fabric Manager
พร้อมกันนี้เดลล์ประกาศตัวระบบจัดการใหม่ที่ชื่อว่า Dell Fabric Manager ที่ออกแบบมาเพื่อการบริการจัดการ และมอนิเตอร์ในส่วน Dell Distributed Core ในดาต้าเซ็นเตอร์ โดยทั้งนี้สถาปัตยกรรมแบบ Distributed Core แบ่งการกระจายงานในลักษณะลำต้นและกิ่งไม้ (“spine-and-leaf”) ซึ่งกำลังเป็นที่นิยมเพิ่มขึ้นมากเรื่อยๆ กว่าแบบเดิมที่เรียกว่าเป็นสถาปัตยกรรมแบบ Chassis-based นอกจากนี้ตัว Dell Fabric Manager ยังมีลักษณะการทำงานเป็นลักษณะแบบระบบเดียว ทีมีมุมมองระดับซิสเต็ม เพื่อใช้จัดการและมอนิเตอร์ตัว Distributed Core เป็นการช่วยลดเวลาของการตั้งค่าในระบบได้อีกด้วย
Open Manage Network Manager 5.0
เดลล์ได้ประกาศเปิดตัวระบบบบริหารจัดการ Open Manage Network Manager (OMNM) เวอร์ชั่นที่ 5 เป็นรูปแบบการควบคุมการใช้งานจากจุดเดียว (Single Console) ที่มีทุกฟังก์ชั่นเพื่อใช้ในการบริหารจัดการระบบเครือข่าย ทั้งอุปกรณ์เครือข่ายในปัจจุบันและอุปกรณ์เครือข่ายของเดลล์ในอนาคตไม่ว่าจะใช้กับสาขา แคมปัส รวมถึงเครือข่ายดาต้าเซ็นเตอร์ นอกจากนี้ OMNM ยังสามารถช่วยลดค่าใช้จ่าย (TCO) ด้วยฟังก์ชั่นการจัดการเครือข่ายได้อย่างอัตโนมัติ (automating network management) และช่วยให้เครือข่ายเสถียรภาพมากขึ้น ด้วยระบบวินิจฉัยเครือข่าย การมอนิเตอร์เครือข่าย (network monitoring) และความสามารถในการทำสำรองและเรียกคืนข้อมูล (backup/restore) ของอุปกรณ์เครือข่าย ทั้งนี้ ลูกค้ายังสามารถติดตั้งโปรแกรมได้ในเวลาไม่นาน โดยไม่จำเป็นต้องมีโปรแกรมอัพเดท (Agent Updates) ใดๆ ทั้งสิ้น จากเดิมที่ต้องใช้เวลาติดตั้งโปรแกรมนานนับสัปดาห์หรือนานหลายเดือน
คุณสมบัติใหม่ที่เพิ่มเข้าไว้ใน OMNM 5.0:
- ติดตั้งง่ายขึ้น และออกแบบยูสเซอร์อินเทอร์เฟซใช้งานใหม่ในการเข้าไปบริหารจัดการสวิตช์
- รองรับผลิตภัณฑ์เครือข่ายของเดลล์ ทั้งหมด รวมถึง Dell Force10 และอุปกรณ์ควบคุมตระกูล W-Series และอุปกรณ์เชื่อมต่อเครือข่ายแบบไร้สาย (wireless access points)
- ระบบวิเคราะห์ปริมาณข้อมูลในเครือข่าย ช่วยให้สามารถปรับตั้งค่าที่พอเพียงสำหรับการใช้งานเครือข่ายอย่างมีประสิทธิภาพ
- ระบบจัดการทรัพยากรแบบกลุ่ม ช่วยให้สามารถควบคุมการปรับตั้งการทำงานของอุปกรณ์เครือข่ายหลายๆ อุปกรณ์ ได้จากจุดเดียว
การสาธิตระบบเครือข่ายแบบ SDN ใหม่ โซลูชันที่ช่วยทำเวอร์ชวลไลเซชันและจัดการกับเครือข่ายหลายจุด
เดลล์เปิดตัวนวัตกรรม Software-Defined Networking (SDN) เพื่อเพิ่มความสามารถในการควบคุม การปรับเปลี่ยนแก้ไข (customization) และการปรับประสิทธิภาพเพื่อความเหมาะสม (optimization) ของการทำงานกับเครือข่ายเสมือน (virtual networking) และท้ายที่สุดก็เพื่อลดต้นทุน โดยในงาน Interop Las Vegas 2012 เดลล์ทำการสาธิตโซลูชั่น SDN-based เพื่อแสดงแก่ลูกค้าถึงการจัดการเวอร์ชัวไลซ์บนเครือข่าย พร้อมทั้งแสดงความสามารถในการทำให้เครือข่ายที่มีหลายแพลตฟอร์มสามารถทำงานร่วมกันได้ (multi-platform orchestration) และรองรับการทำงานเครือข่ายหลายจุด (multi-tenancy) อีกด้วย
เดลล์ยังได้ประกาศความสามารถในการทำงานร่วมกับสถาปัตยกรรม Big Switch Networks Open SDN ? ด้วย ในส่วนของ Big Switch Networks ได้มีการสนับสนุนเครือข่ายแบบคลาวด์ที่อิงกับมาตรฐานแบบเปิด (Open Standard) เช่น OpenFlow ซึ่งเพิ่มทางเลือกทางด้านเครือข่ายแก่ลูกค้าภายใต้ระบบนิเวศน์ SDN
สารจากผู้บริหาร
ดาริโอ ซามาเรียน รองประธานและผู้จัดการทั่วไป จาก Dell Networking กล่าวว่า “จากการที่ลูกค้าเริ่มเปลี่ยนการใช้งานระบบไอทีไปสู่ระบบ 10 กิกะบิตอีเธอร์เน็ตไม่ว่าจะเป็นเซิร์ฟเวอร์ สตอเรจและระบบเครือข่าย เดลล์ มีความชัดเจนในการเป็นตัวเลือกสำหรับทุกส่วน เดลล์ช่วยลูกค้าในการเสริมประสิทธิภาพให้กับโครงสร้างไอทีที่องค์กรมีอยู่ในวันนี้ ด้วยสถาปัตยกรรมที่เยี่ยมกว่าและรองรับการใช้งานในอนาคตได้”
ซินดี้ โบโรวิค รองประธานฝ่ายโปรแกรม จาก Enterprise and Datacenter Networks กล่าวว่า“ “พวกเราได้เห็นว่าตลาดกำลังเปลี่ยนแปลงเข้าสู่ 10 กิกะบิตอีเธอร์เน็ต เหมือนกับลูกค้าก็กำลังเปลี่ยนแปลงสถาปัตยกรรมในดาต้าเซ็นเตอร์ รวมทั้ง Dell Force10 ก็เช่นกัน การผนวกโซลูชันนั้น เดลล์ ได้พัฒนาอุปกรณ์เครือข่ายทั้งแบบ 10 กิกะบิตอีเธอร์เน็ต และ 40 กิกะบิตอีเธอร์เน็ต ให้สามารถเชื่อมต่อเข้ากับอุปกรณ์ที่รองรับ 10 กิกะบิตอีเธอร์เน็ต ทั้งที่เป็นเซิร์ฟเวอร์ สตอเรจและระบบเครือข่ายที่ลูกค้าใช้ สำหรับในการใช้งานในสภาพแวดล้อมทั้งพับบลิคและไพรเวทคลาวด์”
กุยโด แอพเพนเซลล่า ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและผู้ร่วมก่อตั้ง จาก Big Switch Networks กล่าวว่า “เรายินดีที่เดลล์ เข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของระบบนิเวศน์ Open SDN ทั้งเดลล์และเราต่างมีความเชื่อในเรื่องของมาตรฐานเปิด ว่าเป็นเรื่องสำคัญในการเข้าสู่ระบบ SDN และประโยชน์ที่ลูกค้าจะได้รับ”
ความพร้อมในการวางตลาด
Dell Force10 MXL 10/40G สำหรับการติดตั้งเข้ากับแชสซีสเบลดเซิร์ฟเวอร์ Dell M1000e รวมถึงระบบการจัดการ Dell Fabric Manager พร้อมวางจำหน่ายในช่วงฤดูร้อน 2555 ส่วนซอฟต์แวร์ Open Manage Network Manager 5.0 พร้อมวางตลาดเรียบร้อยแล้ว
ข้อมูลเพิ่มเติม:
- Dell Interop microsite
- ปาฐกถาพิเศษดาริโอ ซามาเรียน ในงาน Interop ที่ลาส เวกัน ในวันที่ 8 พฤษภาคม ที่ผ่านมา
- สถาปัตยกรรมเน็ตเวิร์กเสมือน (Dell Virtual Network Architecture)
- เดลล์เน็ตเวิร์กกิ้ง (Dell Networking)
เกี่ยวกับเดลล์
เดลล์ อิงค์ รับฟังความคิดเห็นของลูกค้า และนำเสนอนวัตกรรมเทคโนโลยีและการบริการที่ทำให้ลูกค้ามีศักยภาพในการทำได้มากกว่า สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม ดูได้ที่ www.dell.com