ปตท.- ทีโอซี ลงนามสัญญาซื้อขายก๊าซแอลพีจีและเอ็นจีแอล

ข่าวทั่วไป Friday June 11, 2004 08:57 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--11 มิ.ย.--ปตท.
ปตท.- ทีโอซี ลงนามสัญญาซื้อขายก๊าซแอลพีจีและเอ็นจีแอล สำหรับเป็นวัตถุดิบหลักในการผลิตโอเลฟินส์ รองรับการขยายกำลังการผลิตระยะที่ 2 ของบริษัท ฯ และเพื่อลดความเสี่ยงของราคาวัตถุดิบ ท่ามกลางราคาน้ำมันที่มีความผันผวน ตลอดจนเป็นการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับก๊าซธรรมชาติ
(10 มิถุนายน 2547) ณ อาคารสำนักงานใหญ่ บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) นายประเสริฐ บุญสัมพันธ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ ปตท. เป็นประธานพิธีลงนามสัญญาซื้อขายก๊าซแอลพีจีและเอ็นจีแอล ระหว่าง ปตท. โดย นายจิตรพงษ์ กว้างสุขสถิตย์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มธุรกิจก๊าซธรรมชาติ และ บริษัท ไทยโอเลฟินส์ จำกัด (มหาชน) หรือ ทีโอซี โดย นายอดิเทพ พิศาลบุตร์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ เป็นผู้ลงนามสัญญาฯ
นายประเสริฐ บุญสัมพันธ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ปตท. ในฐานะที่เป็นบริษัทดำเนินธุรกิจปิโตรเลียม ได้เล็งเห็นถึงประโยชน์การใช้ทรัพยากรอย่างสูงสุด โดยเฉพาะก๊าซธรรมชาติซึ่งเป็นทรัพยากรที่มีค่าของประเทศ การลงนามสัญญาซื้อขายก๊าซแอลพีจีและเอ็นจีแอลให้กับทีโอซีครั้งนี้ จึงเป็นการมุ่งเน้นการนำก๊าซไปใช้ประโยชน์อย่างเต็มที่ เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับก๊าซธรรมชาติ ในการใช้เป็นวัตถุดิบสำหรับอุตสาหกรรมปิโตรเคมีแทนที่จะใช้เป็นเชื้อเพลิงอย่างเดียว โดย ปตท.จะจัดส่งก๊าซแอลพีจีจำนวน 400,000 ตันต่อปี และเอ็นจีแอล จำนวน 380,000 - 470,000 ตันต่อปี จากโรงแยกก๊าซธรรมชาติหน่วยที่ 5 ที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างที่จังหวัดระยองให้กับบริษัทฯ เพื่อใช้ในการผลิตสารโอเลฟินส์และผลิตภัณฑ์ ปิโตรเคมีให้กับโรงงานทีโอซีซึ่งอยู่ในจังหวัดระยองเช่นเดียวกัน
"โรงแยกก๊าซฯหน่วยที่ 5 นี้ จะเป็นโรงแยกก๊าซฯที่มีกำลังการผลิตมากที่สุดของ ปตท. และด้วยโครงสร้างราคาก๊าซธรรมชาติที่ถูกกว่าราคาน้ำมัน การทำสัญญาระหว่าง ปตท. กับทีโอซี จะเป็นปัจจัยสำคัญในการสนับสนุนให้อุตสาหกรรมปิโตรเคมีของประเทศมีศักยภาพและความสามารถแข่งขันในตลาดโลกได้เป็นอย่างดี" นายประเสริฐ ฯ กล่าว
นายอดิเทพ พิศาลบุตร์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไทยโอเลฟินส์ จำกัด (มหาชน)
เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้ลงนามสัญญาซื้อขายแอลพีจี และ สัญญาแก้ไขสัญญาซื้อขายเอ็นจีแอล จาก ปตท. เพื่อใช้เป็นวัตถุดิบสำหรับโครงการเพิ่มกำลังการผลิตโอเลฟินส์ จากการปรับปรุงหน่วยผลิตที่ 1 หรือโครงการ Plant 1 Debottleneck เพื่อลดต้นทุนการผลิต พร้อมประสานงานกับ ปตท. จัดหาวัตถุดิบรองรับความต้องการของอุตสาหกรรมปิโตรเคมีในอนาคต ซึ่งบริษัทฯ มุ่งใช้ก๊าซธรรมชาติตลอดจนผลิตภัณฑ์พลอยได้จากก๊าซธรรมชาติเป็นวัตถุดิบ เพื่อลดความเสี่ยงของราคาวัตถุดิบที่ผันผวนตามราคาน้ำมันดิบ และสามารถสร้างสมดุลให้การใช้ก๊าซธรรมชาติและองค์ประกอบให้มีคุณค่าอย่างเต็มที่
นายอดิเทพฯ กล่าวว่าการปรับปรุงหน่วยผลิตที่ 1 หรือ Plant 1 Debottleneck จะเพิ่มกำลังการผลิตโอเลฟินส์ อีก 250,000 ตันต่อปี คาดว่าจะแล้วเสร็จครึ่งหลังปี 2549 ทำให้บริษัทฯ มีรายได้เพิ่มไม่ต่ำกว่า 5,000 ล้านบาท และยังลดต้นทุนการผลิตโอเลฟินส์โดยรวมอีกประมาณ 25 เหรียญสหรัฐฯ ต่อตัน ในภาวะที่ราคาน้ำมันในตลาดโลกมีการปรับฐานสูงขึ้นอย่างมาก ต้องถือเป็นโอกาสของบริษัทฯ ที่เรามี ปตท. เป็นพันธมิตรที่แข็งแกร่งและมีความพร้อมอย่างมากในการจัดหาก๊าซธรรมชาติเพื่อใช้เป็นวัตถุดิบให้เพียงพอกับความต้องการของบริษัทฯ ช่วยให้บริษัทฯ ลดการพึ่งพาวัตถุดิบจากน้ำมัน นับเป็นข้อได้เปรียบในเชิงการแข่งขัน และเป็นการสร้างมูลค่าแก่ก๊าซธรรมชาติ ทรัพยากรของเราเอง
โครงการ Plant 1 Debottleneck เป็นการเพิ่มกำลังการผลิตโอเลฟินส์ของบริษัทฯ ใช้ระยะเวลาดำเนินการประมาณ 2 ปี เงินลงทุนประมาณ 140 ล้านเหรียญสหรัฐฯ โดยรับก๊าซธรรมชาติคือแอลพีจีและเอ็นจีแอลเป็นวัตถุดิบ โครงการนี้จะดำเนินการต่อเนื่องจากโครงการขยายกำลังการผลิตเอทิลีน 300,000 ตันต่อปี ที่จะเสร็จภายในปีนี้ เมื่อการดำเนินโครงการ Plant 1 Debottleneck แล้วเสร็จใน ปี 2549 จะทำให้บริษัทฯ เป็นผู้ผลิตโอเลฟินส์รายใหญ่ในตลาดโลก มีกำลังการผลิตโอเลฟินส์รวม 1,140,000 ตันต่อปี ประกอบด้วย เอทิลีน 815,000 ตันต่อปี และ โพรพิลีน 325,000 ตันต่อปี
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม
บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน)
โทรศัพท์ 0-2537-3217 โทรสาร 0-2537-3211
บริษัท ไทยโอเลฟินส์ จำกัด (มหาชน)
โทรศัพท์ 0-2537-5411โทรสาร 0-2537-5648-9--จบ--
-นท-

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ