กรุงเทพฯ--11 มิ.ย.--กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
กรมทรัพยากรน้ำ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้รับงบประมาณแก้ไขปัญหาขาดแคลนน้ำอุปโภค-บริโภคอย่างถาวรด้วยระบบประปาหมู่บ้าน ภายใต้งบฯ กว่า 1,665 ล้านบาท ก่อสร้าง 520 แห่ง ด้าน พ.ร.บ.ทรัพยากรน้ำได้มอบหมายให้มธ.ดำเนินการปรับปรุง อยู่ระหว่างสรุปและประมวลผลความคิดเห็นจากประชาชน เพื่อยกร่างเสนอกรมทรัพยากรน้ำ จากนั้นจะรับฟังความคิดเห็นจากประชาชนอีกครั้งในปีหน้า
นายวิรัตน์ ขาวอุปถัมภ์ รองอธิบดีกรมทรัพยากรน้ำ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) เปิดเผยว่า เพื่อตอบสนองความต้องการของประชาชนในการแก้ปัญหาขาดแคลนน้ำ คณะรัฐมนตรีจึงได้มีมติเห็นชอบให้กรมทรัพยากรน้ำใช้งบประมาณกลางปี 2547 ในวงเงิน 1,665.7 ล้านบาท เพื่อดำเนินโครงการจัดสร้างระบบประปาหมู่บ้าน ทั้งประปาผิวดินและประปาบาดาล รวมทั้งสิ้น 520 แห่ง กระจายอยู่ในพื้นที่ขาดแคลนน้ำทั่วประเทศสำหรับวงเงินที่ได้รับอนุมัติเงินงวดแรกจำนวน 455 ล้านบาท กระจายอยู่ในพื้นที่ขาดแคลนน้ำทั่วประเทศ โดยได้รับอนุมัติเงินงวดแรกจำนวน 455 ล้านบาท ให้ดำเนินการก่อสร้าง 169 แห่ง ในพื้นที่ 55 จังหวัด 157 อำเภอ 168 ตำบล ประกอบด้วย ระบบประปาบาดาลขนาดใหญ่ 11 แห่ง ระบบประปาผิวดินขนาดใหญ่ 153 แห่ง และระบบประปาผิวดินขนาดใหญ่มากอีก 5 แห่ง โดยคาดว่าการดำเนินการจะแล้วเสร็จภายในเดือนกันยายนศกนี้ทั้งนี้ ระบบประปาส่วนใหญ่ที่เหลือนั้นเมื่อได้รับอนุมัติงบประมาณงวดต่อไป กรมทรัพยากรน้ำจะเร่งดำเนินการให้แล้วเสร็จ เพื่อให้ประชาชนได้ใช้ประโยชน์โดยเร็วที่สุดทางด้านนายสมพล สุขโหตุ รองอธิบดีกรมทรัพยากรน้ำ กล่าวว่ากรมทรัพยากรน้ำร่วมสนองโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริและโครงการหลวงในการพัฒนาแหล่งน้ำเพื่อการอุปโภค บริโภค และเพื่อการเกษตรในพื้นที่สูงภาคเหนือรวมทั้งระบบประปาหมู่บ้านว่า ในปีงบประมาณ 2546-2547 กรมทรัพยากรน้ำซึ่งมีภารกิจหนึ่งในการจัดหา อนุรักษ์ ฟื้นฟู และพัฒนาแหล่งน้ำได้รับมอบหมายจากกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติแห่งสิ่งแวดล้อมให้ปฏิบัติงานสนองโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ และโครงการหลวงจำนวน 19 โครงการ โดยเป็นโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ จำนวน 16 โครงการ และโครงการสนับสนุนมูลนิธิโครงการหลวงในเรื่องระบบประปาหมู่บ้าน จำนวน 3 โครงการ
ส่วนโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริที่ดำเนินการแล้วเสร็จในขณะนี้มี 4 โครงการ ประกอบด้วย โครงการสถานีพัฒนาการเกษตรในพื้นที่สูงดอยอมพาย ในต.ปางหินฝน อ.แม่แจ่ม จ.เชียงใหม่ โครงการก่อสร้างระบบประปาหมู่บ้านที่บ้านแม่ตืนน้อย ต.แม่ตืน อ.อมก๋อย จ.เชียงใหม่ โครงการก่อสร้างระบบประปาหมู่บ้านบ้านค้อ ต.หนองลาด อ.วาริชภูมิ จ.สกลนคร และโครงการปรับปรุงและฟื้นฟูแหล่งน้ำในศูนย์ศิลปาชีพเกาะเกิด อ.บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา สำหรับโครงการสนับสนุนมูลนิธิโครงการหลวง 3 โครงการนั้นเป็นการก่อสร้างระบบประปาหมู่บ้าน ในเขตอ.แม่วาง 2 แห่ง และอ.เชียงดาว 1 แห่ง โดยใช้งบประมาณกว่า 20 ล้านบาท
นายสมพล กล่าวเพิ่มเติมว่าโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริจำนวน 12 โครงการที่เหลือนั้น ประกอบด้วย โครงการสถานีพัฒนาการเกษตรในพื้นที่สูงดอยอมพายในส่วนที่เพิ่มเติม จ.เชียงใหม่ ซึ่งขณะนี้ได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากสำนักงานคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ (สำนักงานกปร.) เพื่อดำเนินการก่อสร้างจำนวนประมาณ 8,400,000บาท โครงการสถานีพัฒนาการเกษตรในพื้นที่สูงในเขตจ.เชียงใหม่ เชียงราย และน่าน โครงการระบบประปาหมู่บ้านในเขตจ.บุรีรัมย์ อุบลราชธานี ศรีสะเกษ สกลนคร นราธิวาส และเชียงใหม่ โครงการพัฒนาเด็กและเยาวชนในถิ่นทุรกันดารตามพระราชดำริสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารีในเขตจังหวัดน่าน
ส่วนความคืบหน้าพ.ร.บ.ทรัพยากรน้ำ นายวิรัตน์ กล่าวว่า ขณะนี้ได้มอบหมายให้สถาบันวิจัยและให้คำปรึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ดำเนินโครงการปรับปรุงกฎหมายที่เกี่ยวกับทรัพยากรน้ำ และจัดทำร่าง พ.ร.บ.ทรัพยากรน้ำ โดยการลงพื้นที่เพื่อรับฟังความคิดเห็นของประชาชนทั่วประเทศ โดยใช้ระยะเวลาดำเนินการ 1 ปี ทั้งนี้มหาวิทยาลัยธรมศาสตร์ต้องจัดให้มีการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนที่มีต่อการปรับปรุงกฎหมายที่เกี่ยวกับทรัพยากรน้ำ และการจัดทำร่างพระราชบัญญัติทรัพยากรน้ำทั่วทุกภาคของประเทศ จำนวน 9 ครั้ง ซึ่งปัจจุบันการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนดำเนินการได้ครบถ้วนแล้ว และมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์กำลังทำการสรุปและประมวลผลจากข้อคิดเห็นของประชาชน เพื่อยกร่างพ.ร.บ.ทรัพยากรน้ำเสนอกรมทรัพย์กรน้ำตามสัญญาอย่างไรก็ตาม เมื่อกรมทรัพยากรน้ำได้รับร่างพ.ร.บ.ทรัพยากรน้ำแล้ว จะนำร่างพ.ร.บ.ดังกล่าวไปรับฟังความคิดเห็นของประชาชนอีกครั้งในปี 2548 เพื่อให้เป็นไปตามพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยหลักเกณฑ์ และวิธีการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี พ.ศ.2546 และให้ร่างพระราชบัญญัติทรัพยากรน้ำเป็นที่ยอมรับประชาชน เพื่อเป็นการป้องกันปัญหาความขัดแย้งที่อาจเกิดขึ้นได้ในภายหลัง เมื่อประกาศใช้เป็นพระราชบัญญัติฉบับที่จะมีผลบังคับใช้จริงต่อไป
กรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
49 พระราม 6 ซอย 30 ถนนพระรามที่ 6 กรุงเทพฯ 10400 http://www.deqp.go.th.
โทรศัพท์/โทรสาร: 0-2298-5852-3--จบ--
-นท-