กรุงเทพฯ--28 พ.ค.--ธนาคารเอชเอสบีซี
***นายกฯ ไทยเยือนออสเตรเลียมุ่งประโยชน์ทางการค้าในระดับทวิภาคี***
***เอชเอสบีซี คาดไทยจะกลายเป็นผู้ส่งออกที่เติบโตเร็วที่สุดเป็นอันดับ 2 ของออสเตรเลีย***
นายกรัฐมนตรีไทย เตรียมหารือประเด็นการค้า การลงทุนและการท่องเที่ยวเป็นเรื่องสำคัญในการเดินทางเยือนเครือรัฐออสเตรเลียอย่างเป็นทางการระหว่างวันที่ 26-29 พฤษภาคมนี้ โดยผลสำรวจการค้าโลกของเอชเอสบีซี ระบุว่า การค้าเป็นองค์ประกอบสำคัญของความสัมพันธ์ระหว่างไทยและออสเตรเลียในอนาคต โดยคาดว่าการส่งออกของไทยไปออสเตรเลียจะเติบโตเพิ่มขึ้นร้อยละ 10 ต่อปี ส่วนการนำเข้าจากออสเตรเลียมาไทย คาดว่าจะขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 8 ต่อปี ในระยะ 5 ปีข้างหน้า
ผลสำรวจการค้าโลกของเอชเอสบีซี ระบุว่า ไทยจะกลายเป็นผู้ส่งออกที่เติบโตเร็วที่สุดเป็นอันดับ 2 ของออสเตรเลีย รองจากจีนในอีก 5 ปีข้างหน้า โดยการส่งออกที่เพิ่มขึ้นของไทยไปออสเตรเลีย เป็นผลจากความต้องการสินค้าประเภททองคำ รถยนต์ และรถบรรทุก ซึ่งคาดว่าจะเติบโตเพิ่มขึ้นร้อยละ 14 ร้อยละ 9 และร้อยละ 9 ตามลำดับ จนกระทั่งถึงปี 2559 ส่วนการนำเข้าจากออสเตรเลียมาไทย ซึ่งส่วนใหญ่เป็นน้ำมันปิโตรเลียม[1] และผงทอง[2]สำหรับการผลิต คาดว่าจะขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 12 และร้อยละ 10 ตามลำดับ ในช่วง 5 ปีข้างหน้า
นายกนกศักดิ์ โมกขมรรคกุล ผู้อำนวยการบริหาร ฝ่ายพาณิชย์ธนกิจ ธนาคารเอชเอสบีซี ประเทศไทย กล่าวว่า “เราเห็นแนวโน้มว่านักธุรกิจออสเตรเลียเริ่มสนใจที่จะลงทุนในตลาดไทยมากขึ้น เนื่องจากไทยเป็นฐานการผลิตชั้นนำในภูมิภาคนี้ ในขณะเดียวกัน นักลงทุนจากไทยก็กำลังเข้าไปลงทุนในธุรกิจทรัพยากรธรรมชาติในออสเตรเลีย และในที่สุดจะช่วยกระตุ้นการเติบโตภาคการผลิตของไทย เอชเอสบีซี เห็นว่าทั้งสองประเทศต่างช่วยส่งเสริมซึ่งกันและกันได้เป็นอย่างดี โดยธนาคารฯ มีบริการด้านการค้าที่ครบวงจร และพร้อมที่จะสนับสนุนให้ผู้ประกอบการทั้งในตลาดไทยและออสเตรเลียสร้างโอกาสทางธุรกิจไปพร้อม ๆ กับการเติบโตของการค้าโลก”
นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีไทย มีกำหนดพบหารือกับนางสาวจูเลีย กิลลาร์ด นายกรัฐมนตรีออสเตรเลีย และรัฐมนตรีต่าง ๆ ของออสเตรเลีย เพื่อติดตามความร่วมมือระหว่างไทย-ออสเตรเลีย ตลอดจนหารือถึงความร่วมมือในเวทีระดับภูมิภาคและระดับโลก โดยเฉพาะในอาเซียน และ East Asia Summit และพบปะกับภาคธุรกิจเอกชนของออสเตรเลีย เพื่อกระชับความสัมพันธ์และหาโอกาสทางธุรกิจระหว่างไทยและออสเตรเลีย
ออสเตรเลียเป็นคู่ค้าใหญ่ที่สุดเป็นอันดับที่ 9 ของไทยในปี 2554 โดยมีมูลค่าการค้ารวม 483,074.82 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 3.5 ของมูลค่าการค้ารวมทั้งหมดของไทย[1] โดยมูลค่าการค้าของทั้งสองประเทศขยายตัวเพิ่มขึ้นถึงสามเท่าตัว นับตั้งแต่มีการลงนามความตกลงเขตการค้าเสรีไทย-ออสเตรเลีย (TAFTA) ในปี 2548 และออสเตรเลียยังคงเป็นตลาดที่สำคัญสำหรับนักลงทุนไทย
มร. เจมส์ โฮแกน ผู้อำนวยการบริหาร ฝ่ายพาณิชย์ธนกิจ ธนาคารเอชเอสบีซี ออสเตรเลีย กล่าวว่า “ในขณะที่ไทยเป็นคู่ค้าใหญ่ที่สุดอันดับที่ 7 ของออสเตรเลีย การเปลี่ยนแปลงทางประชากรที่กำลังก้าวไปสู่การเป็นสังคมเมืองของไทย สะท้อนถึงโอกาสที่สำคัญสำหรับสินค้าโภคภัณฑ์ และความเชี่ยวชาญด้านสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานของออสเตรเลีย แผนเร่งพัฒนาของไทยด้านสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐาน และการลดอุปสรรคสำหรับการลงทุนโดยตรงของนักลงทุนจากออสเตรเลีย เป็นสัญญาณที่ดีสำหรับการดำเนินกิจการเหมืองแร่ และบริการด้านการก่อสร้างของออสเตรเลียที่จะได้ประโยชน์จากการเติบโตของเศรษฐกิจเอเชีย”
[1] ข้อมูลจากกระทรวงพาณิชย์
[1] น้ำมันปิโตรเลียม น้ำมันจากแร่บิทูมินัส และน้ำมันดิบ
[2] ทองคำที่ยังไม่ได้ขึ้นรูป ทองคำลักษณะกึ่งสำเร็จและทองคำแบบผง