กรุงเทพฯ--28 พ.ค.--อายิโนะโมะโต๊ะ
“อายิโนะโมะโต๊ะ” ร่วมกับสมาคมพ่อครัวไทย และ Thailand Culinary Academy จัดการแข่งขัน “Thailand Umami Culinary Challenge 2012” ครั้งแรกของประเทศไทย ชิงเงินรางวัล กว่า 180,000 บาท พร้อมถ้วยเกียรติยศ เพื่อพัฒนาขีดความสามารถของบุคลากรในวิชาชีพอาหารโดยใช้ศาสตร์แห่งรสชาติพื้นฐานที่ 5 หรือรส “อูมามิ” ผสานกับศิลปะการปรุงอาหารเพื่อรังสรรค์เมนูใหม่ พร้อมสร้างแรงบันดาลใจในการพัฒนาวิชาชีพให้เกิดประโยชน์สูงสุด
มร. มาซาโตะ โคทานิ กรรมการ บริษัท อายิโนะโมะโต๊ะ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทฯ จะจัดการแข่งขันการประกวดอาหารภายใต้ชื่อ “Thailand Umami Culinary Challenge 2012” ซึ่งได้รับความร่วมมือจากสมาคมพ่อครัวไทย และ Thailand Culinary Academy เพื่อค้นหาสุดยอดเชฟของรายการ โดยรูปแบบการแข่งขันจะเป็นไปตามมาตรฐานสากล จัดการโดยเชฟวิวแมน ลีออง ผู้ตัดสินเกรด A คนเดียวในประเทศไทย รับรองโดยสมาคมเชฟโลก(WACS) ทั้งนี้การแข่งขันจะแบ่งเป็น 2 รุ่น คือ เชฟเยาวชน จากสถาบันการศึกษา และ เชฟมืออาชีพ จากโรงแรมชั้นนำทั่วประเทศ เพื่อเปิดโลกทัศน์ และผลักดันให้เชฟไทยเกิดความตื่นตัว อันจะส่งผลให้เกิดความคิดสร้างสรรค์ และคิดค้นเมนูใหม่ๆ เพื่อพัฒนาตนเอง และวงการอาหารไทย โดยการแข่งขันจะมีขึ้นในวันพุธที่ 4 กรกฎาคม ศกนี้ ณ MCC Hall เดอะมอลล์ บางกะปิ
ทั้งนี้ ผู้เข้าแข่งขันจะต้องใช้ศาสตร์แห่งรสชาติ “อูมามิ” รสชาติพื้นฐานที่ 5 นำมาสร้างสรรค์เมนูอาหารในรูปแบบต่างๆ นับจากการคัดเลือกวัตถุดิบ เทคนิคและกระบวนการในการปรุงที่ทำให้เกิดกลูตาเมตอิสระด้วยวิธีการต่างๆ ตลอดจนการเลือกใช้เครื่องปรุงรส “อูมามิ” มาช่วยเสริมให้อาหารมีรสอร่อยกลมกล่อม นอกจากนี้การคิดค้นเทคนิคการปรุงใหม่ๆ โดยอาศัยความเข้าใจอย่างถ่องแท้ในเรื่องคุณประโยชน์แห่งรสชาติ “อูมามิ” เพื่อทำให้เกิดเป็นเมนูอาหารสุขภาพ จะยังเป็นหนึ่งในเกณฑ์การตัดสินครั้งนี้อีกด้วย
“ การแข่งขัน “Thailand Umami Culinary Challenge 2012” ถือเป็นหนึ่งในกิจกรรมความรับผิดชอบต่อสังคมในด้านอาหารและโภชนาการของ ”อายิโนะโมะโต๊ะ” เพื่อส่งเสริมคุณภาพด้านอาหารและโภชนาการในประเทศไทยให้ดียิ่งขึ้น เช่น การอบรมและเสริมสร้างความรู้ใหม่ๆให้กับกลุ่มบุคลากรในวงการอาหาร อาทิ อาจารย์ และนักศึกษาด้านอาหาร นักโภชนาการ เชฟ และกลุ่มผู้ประกอบอาหาร เพื่อนำไปต่อยอดในการที่จะช่วยให้คนไทยมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นและ “กินดี มีสุข” ตลอดไป” มร.โคทานิ กล่าวเพิ่มเติม