ก.พลังงานเอาจริง เดินหน้าเต็มสูบ เปลี่ยนรูปแบบการใช้พลังงานของประเทศ เป็นวาระแห่งชาติ “พรหมินทร์” มั่นใจหลังเดินทางค่อนโลกจับมือกับชาติมหาอำนาจ

ข่าวทั่วไป Monday June 14, 2004 11:48 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--14 มิ.ย.--กระทรวงพลังงาน
ก.พลังงานเอาจริง เดินหน้าเต็มสูบ เปลี่ยนรูปแบบการใช้พลังงานของประเทศ เป็นวาระแห่งชาติ “พรหมินทร์” มั่นใจหลังเดินทางค่อนโลก จับมือกับชาติมหาอำนาจชูเชื้อเพลิงจากพืชทดแทนน้ำมัน หวังพาไทยฝ่าวิกฤตราคาน้ำมันแพง
นายแพทย์พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า ขณะนี้การส่งเสริมการใช้พลังงานทดแทน โดยเฉพาะการใช้เชื้อเพลิงจากพืช ได้แก่ ก๊าซโซฮอล์ ไบโอดีเซล ซึ่งเป็นยุทธศาสตร์หลักของกระทรวงพลังงาน ได้เป็นวาระแห่งชาติแล้ว โดยภายหลังที่ได้นำเสนอประเด็นดังกล่าวเข้าสู่ที่ประชุมระดับนานาชาติต่างๆ ตลอดช่วงเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ได้แก่ การประชุมพลังงานทดแทนโลก ที่ประเทศเยอรมัน การประชุมระดับรัฐมนตรีพลังงานอาเซียน + 3 ที่ประเทศฟิลิปปินส์ และจะมีการดูงานที่ประเทศบราซิล รวมทั้งการประชุมกลุ่มประเทศความร่วมมือทางเอเชีย หรือเอซีดี ซึ่งขณะนี้ ประเทศต่าง ๆ ที่ใช้พลังงานมากที่สุดของโลกอย่างประเทศจีน ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ หรือแม้แต่ในทวิปยุโรป ต่างเห็นด้วยกับหลักการที่ประเทศไทยเสนอ และพร้อมจะให้ความร่วมมือเพื่อร่วมกันศึกษา และพัฒนาให้ประเทศต่าง ๆ หันมาใช้พลังงานทดแทนจากพืชแทนการใช้น้ำมันให้มากขึ้น
ทั้งนี้ กระทรวงพลังงาน จะได้เร่งผลักดันนโยบายการพลังงานทดแทนอย่างจริงจัง เพื่อเป็นการบรรเทาปัญหาของประชาชน ในช่วงภาวะวิกฤตราคาน้ำมันแพง โดยในระยะสั้น จะได้ดำเนินการในหลักใหญ่ ๆ ได้แก่
1. การเร่งรัดให้กระทรวงอุตสาหกรรม เพิ่มกำลังผลิต เอทานอลหรือแอลกอฮอล์ที่สกัดจากพืชบริสุทธิ์ 99.5 % มาใช้ทดแทนสารเพิ่มค่าออกเทนหรือเอ็มทีบีอีในน้ำมันเบนซิน ให้ได้ตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ คือการเพิ่มกำลังการผลิตเอทานอล 1 ล้านลิตรต่อวัน ในช่วงปี 2547-2549 และจะเพิ่มเป็น 3 ล้านลิตรต่อวัน ในช่วงปี 2550-2554 โดยกระทรวงพลังงานคาดว่าจะสามารถลดการนำเข้าน้ำมันสำเร็จรูปจากต่างประเทศ ลงได้ประมาณ 3% ในปี 2549 (ปัจจุบันประเทศไทยนำเข้าน้ำมันปีละ 600,000 บารเรล์ คิดเป็นเงิน 4 แสนล้านบาทต่อปี)
2. เร่งดำเนินการปรับปรุงโครงสร้างราคาน้ำมันเบนซิน ที่ใช้เอทานอลเป็นส่วนผสมหรือน้ำมันก๊าซโซฮอล์ โดยรัฐบาลจะพยายามทำให้ราคาถูกกว่าราคาน้ำมันเบนซินในปัจจุบัน เพิ่มมากกว่า 50 สตางค์ต่อลิตร
3. การส่งเสริมให้รถบรรทุกใช้พลังงานทดแทน ซึ่งรถบรรทุกที่มี่อยู่เดิมจะส่งเสริมให้ใช้ไบโอดีเซลได้ และยังมีนโยบายให้ศึกษาและออกแบบรถบรรทุกให้สามารถใช้เครื่องยนต์ที่ใช้ก๊าซธรรมชาติหรือเอ็นจีวีได้ โดยต้องให้เครื่องยนต์ไม่แพงกว่าราคาเครื่องยนต์ที่ใช้น้ำมันดีเซล เพราะกว่า 70% ของการใช้น้ำมัน จะเป็นน้ำมันดีเซล และส่วนใหญ่ผู้ใช้คือรถบรรทุก หากสามารถปรับเปลี่ยนเครื่องยนต์รถบรรทุกมาใช้ก๊าซธรรมชาติได้ ก็จะสามารถลดการนำเข้าน้ำมันลงได้อีก
4. การให้ค่ายรถยนต์ต่าง ๆ ทดลองผลิตเครื่องยนต์ที่ใช้น้ำมันก๊าซโซฮอล์ได้มากกว่า 10 % รวมทั้งประกาศให้ประชาชนทราบว่า สามารถใช้กับรถยนต์ได้ และมีคุณภาพเทียบเท่ากับน้ำมันทั่วไป
“ขณะนี้สถานการณ์ราคาน้ำมันในโลก ยังไม่มีทีท่าจะปรับราคาลดลง และส่งผลกระทบโดยตรงมายังประเทศไทยทันที ในฐานะประเทศที่ต้องนำเข้าน้ำมันเป็นหลัก โดยกระทรวงพลังงาน ได้พยายามทุกวิถีทางเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนจากประชาชนมาโดยตลอด และขอให้ประชาชนร่วมใจกันประหยัดพลังงานให้มากขึ้น รวมทั้งภาครัฐเองจะพยายามแก้ปัญหาภาวะวิกฤตนี้ โดยมีทางเลือกให้ประชาชนมากที่สุด”
นายแพทย์พรหมินทร์กล่าวเพิ่มว่า ในโอกาสที่ พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีจะเดินทางเยือนประเทศบลาซิลอย่างเป็นทางการ ในสัปดาห์หน้า และตนจะร่วมเดินทางไปด้วย จะมีการพบปะพูดคุยกับหน่วยงานรัฐ ผู้ประกอบการผลิตเอทานอล ผู้ประกอบการผลิตรถยนต์ เพื่อกำหนดเป็นนโยบายส่งเสริมการใช้พลังงานจากพืชอย่างเป็นรูปธรรม โดยประเทศบลาซิลนับเป็นประเทศที่ประสบความสำเร็จอย่างดี ในการพัฒนาพลังงานจากพืช มาใช้เป็นเชื้อเพลิงหลัก เพื่อทดแทนพลังงานจากน้ำมัน--จบ--
-นท-

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ